22 พ.ค. เวลา 01:15 • สุขภาพ

หนึ่งในสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในทุกๆความรักความสัมพันธ์คือการนอกใจ

ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงคอยจับตามองดูแฟนของตัวเองอย่างใกล้ชิดเพื่อเช็คดูว่าแฟนมี “ร่องรอย” การนอกใจหรือไม่ (เช่น รอยลิปสติก การกดไลค์ตาม social media การส่งข้อความกลางดึก เป็นต้น)
อย่างไรก็ตาม นักจิตวิทยา Jeffrey Bernstein (เจ้าของหนังสือ Why Can’t You Read My Mind?) ตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่เป็น “สัญญาณการนอกใจ” ที่ชัดเจนที่สุดไม่ใช่ “ร่องรอย” ที่ผมยกตัวอย่างในข้างต้น
…แต่มันคือการที่แฟน disconnect ทางอารมณ์ความรู้สึกครับ
ซึ่งหากแฟน disconnect ทางอารมณ์ความรู้สึกกับเราขึ้นมาจริงๆ แฟนมีแนวโน้มที่จะมี “อาการ” (ในเบื้องต้น) ดังต่อไปนี้ครับ
ประการแรก แฟนจะไม่ค่อยอยากวางแผนเรื่องต่างๆร่วมกันกับเรา (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวางแผนไปเที่ยวด้วยกัน ซื้อบ้านร่วมกัน มีลูก หรือเรื่องอื่นๆ)
ประการที่สอง แฟนจะแสดงท่าทีหงุดหงิด รำคาญ หรือไม่พอใจเวลาที่มีคนถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่แฟนมีกับเรา (เช่น “คบกันมานานแบบนี้ อีกกี่ปีจะแต่งหรือ?”)
ประการที่สาม แฟนจะไม่เล่าหรือแบ่งปันเรื่องราว ความคิด ความเชื่อ หรือความรู้สึกส่วนตัวกับเราอีกต่อไป (รวมทั้ง “หลีกเลี่ยง” หรือ “ปิดโอกาส” ไม่ให้เราเล่าหรือแบ่งปันเรื่องราว ความคิด ความเชื่อ หรือความรู้สึกส่วนตัวของเราให้แฟนฟังอีกด้วย)
ประการที่สี่ แฟนจะไม่เป็นฝ่าย “เริ่มต้น” ในการแสดงความรัก (เช่น ไม่ส่งข้อความมาหาเราก่อน ไม่เข้ามากอดเราก่อน ไม่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบหรือชีวิตประจำวันของเราก่อน) ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แฟนอาจจะเคยเป็นฝ่าย “เริ่มต้น” เป็นระยะๆ
แน่นอนครับว่า “อาการ” เหล่านี้อาจจะไม่ถึงกับฟันธงได้ 100% ว่าแฟน disconnect ทางอารมณ์ความรู้สึกกับเราแล้วชัวร์ๆ
แต่หากเราต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแฟนเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง และแฟนของเรามี “อาการ” ในข้างต้น เราอาจจะต้องหาจังหวะจับเข่าพูดคุยกับแฟนสักหน่อยแล้วครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะจับเข่าคุยกับแฟนด้วยท่าทีที่ “ชี้นิ้วกล่าวหา” แฟนนะครับ (เพราะเราอาจจะเข้าใจแฟนผิดตั้งแต่แรกก็เป็นได้)
ทางที่ดี การพูดคุยที่เกิดขึ้นนั้นควรจะเป็นไปด้วยท่าทีที่ “ใจเย็น” มากกว่าครับ (เช่น “ฉันสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ช่วงนี้ของเราดูมีช่องว่างมากขึ้น และฉันอยากที่จะรู้สึกใกล้ชิดกับเธอมากกว่านี้ ฉันเลยอยากคุยกับเธอในครั้งนี้เพราะฉันหวังว่าฉันจะสามารถทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราได้มากขึ้น”)
โฆษณา