22 พ.ค. เวลา 15:14 • การตลาด

EVEANDBOY เร่งเปิดสาขาใหม่ 25 แห่ง ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% ขานรับตลาดบิวตี้โต 2.8 แสนล้าน

แม้สภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ความต้องการดูแลตัวเองและความสวยงามยังไม่ลดลง คนไทยส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับการเสริมภาพลักษณ์และดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองว่า “ความสวยรอไม่ได้” ทำให้ตลาดความงามไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ระบุว่า ปี 2567 ตลาดความงามไทยมีมูลค่าสูงถึง 2.81 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าราว 10.4% ปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องมาจากช่องทางการขายผ่านอีคอมเมิร์ซที่ยังโตแรง รวมถึงความนิยมของเครื่องสำอางแบรนด์ไทยโดยเฉพาะกลุ่มสินค้า SMEs ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • เครื่องสำอาง-สกินแคร์ โตแรง
หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจ EVEANDBOY ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีการเติบโตมากถึง 40% เป็นมูลค่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งเกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วนเติบโตมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มเครื่องสำอาง (MAKEUP) โตมากถึง 45% ตามมาด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (SKINCARE) 40% กลุ่มน้ำหอม (FRAGRANCE) 35% และกลุ่มอื่น ๆ ก็ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ในปี 2568 ตั้งเป้าเติบโตจากปีก่อนหน้า 30% และไตรมาสแรกของปี 2568 มีการเติบโตเป็นไปตามเป้าที่ 30% โดยมาจากการขยายสาขาเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และยังมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดกับสาขาเดิมเพื่อรองรับการเติบโตในปีนี้เช่นเดียวกัน
“ปีนี้เป็นอีกปีที่แบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์เติบโตแทบทุกแบรนด์ โดยมีมูลค่าระดับพันล้านบาท เนื่องจากคนไทยมีพฤติกรรมการบริโภคสินค้ามากขึ้น แต่หากเทียบกับญี่ปุ่นมีการเติบโตมากกว่าไทยถึง 4 เท่า ซึ่งหมายถึงโอกาสในการเติบโตที่สูงมากในอนาคต” หิรัญ กล่าว
  • ส่วนปัจจัยที่ทำให้ EVEANDBOY บิวตี้สโตร์อันดับ 1 ของเมืองไทย เติบโตอย่างต่อเนื่องคือ
1. ความหลากหลายของสินค้า (Variety) EVEANDBOY โดดเด่นด้วยการเป็นร้านค้าปลีกที่มีสินค้าหลากหลายมากที่สุด ด้วยขนาดร้านที่ใหญ่ที่สุดกว่า 2,000 ตารางเมตร สินค้าครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ เมคอัพ น้ำหอม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์เฉพาะทางอย่างแผ่นปิดจุกหรือโทนเนอร์แพตที่มียอดขายเติบโตสูง
2. ราคาและโปรโมชันที่ดึงดูดใจ EVEANDBOY มุ่งมั่นนำเสนอราคาที่ดีที่สุด พร้อมจัดโปรโมชันตลอดทั้งปี เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าคุณภาพได้อย่างคุ้มค่า เริ่มต้นเพียง 9 บาท ไปจนถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาสูงหลักหมื่นบาท
3. Exclusive Brand และ Product การนำเข้าแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ เช่น Kylie Cosmetics, Adidas ในหมวดกันแดด หรือการร่วมมือกับแบรนด์ไทยยอดนิยมอย่าง Karmart และ 4U2 เพื่อผลิตสินค้าพิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ EVEANDBOY เท่านั้น เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่สร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้า
4. บริการที่ครบวงจร นอกจากสินค้าแล้ว EVEANDBOY ยังมีบริการเสริมต่าง ๆ เช่น บริการแต่งหน้าและกันคิ้ว รวมถึงการเป็น Official Partner กับทุกแบรนด์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
  • กลยุทธ์การตลาดและการขยายสาขาในปี 2568
EVEANDBOY ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ที่ถนัดเพื่อรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนการที่สำคัญดังนี้
1. ขยายสาขาใหม่ เตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 25 แห่ง จะทำให้มีสาขาทั้งหมด 65 แห่ง ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วน 50:50 สำหรับกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเน้นจังหวัดใหม่ ๆ ทั้งรูปแบบ Standalone และในศูนย์การค้า สาขาใหม่ส่วนใหญ่จะมีขนาดเฉลี่ย 300-500 ตารางเมตร และมีแผนเปิด Flagship Store ขนาดใหญ่ถึง 800 ตารางเมตรในต่างจังหวัดช่วงไตรมาส 3 และภายในปี 2571 จะมี EVEANDBOY ทั้งหมด 140 สาขา
สำหรับโลเกชันที่เลือกเปิดต้องมีศักยภาพ เป็น Strategic Location รวมถึงยังเน้นเจาะกลุ่มไปที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ EmSphere, Platinum, Terminal 21 Asok, Siam Premium Outlet ทั้งยังมีการขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด โดยปัจจุบัน EVEANDBOY มีทั้งหมด 45 สาขา แบ่งสัดส่วนออกเป็นพื้นที่ในกรุงเทพฯ 26 สาขา และต่างจังหวัด 19 สาขา
2. พัฒนาช่องทางออนไลน์ ให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์การซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อตอบรับพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไป แม้ปัจจุบันยอดขายออนไลน์จะอยู่ที่ 10% และออฟไลน์ 90% แต่ก็มองเห็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต
3. เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชันสำหรับสมาชิก ‘Ebbie Card’ (เอบบี การ์ด) ซึ่งจะช่วยให้ EVEANDBOY รักษาฐานลูกค้าเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าเดิม และจะมีการลงทุนเพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่ ๆ เข้ามา ปัจจุบันมีฐานสมาชิก 2.7 ล้านบัญชี ตั้งเป้าเพิ่มอีก 40%
4. กิจกรรมส่งเสริมการขาย เตรียมจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น Mid-year Sale และ Grand Sale ที่กำลังจะมาถึง เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างความคึกคักให้กับตลาด
หิรัญ กล่าวเสริมว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาแค่ไหน ผู้บริโภคก็ยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและความสวยความงาม โดยเฉพาะสกินแคร์ เมคอัพ และน้ำหอมที่ยังคงเป็นหมวดหมู่ที่เติบโตแรง อีกทั้งด้วยปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภค “เบื่อง่าย” และมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ต้องปรับตัวและพัฒนาสินค้าอย่างรวดเร็ว EVEANDBOY จึงต้องเฟ้นหาแบรนด์ใหม่ ๆ มานำเสนออยู่ตลอดเวลา
ด้วยแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นทุกปี จึงนำมาสู่งานประกาศรางวัลครั้งสำคัญอีกครั้ง ปีนี้ ‘EVEANDBOY’ บิวตี้สโตร์เบอร์ 1 ของประเทศไทย และยังคงเดินหน้าจัดงาน ‘EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS 2024’ งานประกาศรางวัลผลิตภัณฑ์ความงามทรงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
ปีนี้มาในคอนเซปต์ ‘THE TIMELESS ELEGANCE’ ค่ำคืนที่เจิดจรัสด้วยความงามอันทรงคุณค่า กับผลิตภัณฑ์ความงามที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายสูงสุดแห่งปีของเมืองไทย ซึ่งปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 แล้ว พร้อมกับจำนวนผู้ได้รับรางวัลมากถึง 145 รางวัล นับเป็นจำนวนที่มากที่สุดตั้งแต่มีการจัดงาน
‘EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS 2024’ จะเป็นเครื่องหมายการันตีให้กับแบรนด์ที่ได้รับความนิยม มียอดขายสูงสุด โดยรางวัลในปีนี้แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ น้ำหอม (FRAGRANCE), เครื่องสำอาง (MAKEUP), ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (SKINCARE), ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย (PERSONAL CARE & BODY), ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและอุปกรณ์ (HAIR & ACCESSORIES) และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม (SUPPLEMENT) โดยปีนี้ EVEANDBOY ยังเน้นย้ำเรื่องความหลากหลายของสินค้ามัลติแบรนด์
รวมถึงการนำเข้าผลิตภัณฑ์ ‘Exclusive Brand’ ที่กำลังเป็นกระแสบนโซเชียลมีเดีย เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาวางจำหน่าย อาทิ International Brand อย่าง ‘Kylie Cosmetics’ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี กระทั่งได้ต่อสัญญาในฐานะ Exclusive Brand ต่อเนื่องเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ยังมี International Brand แบรนด์ อาทิ Lilybyred, Tirtir, Cancer Council และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อทำให้ EVEANDBOY เป็นจุดหมายปลายทางของลูกค้าเมื่อนึกถึงสินค้าในกระแส
“โดยกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และพนักงานออฟฟิศ ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเราที่มีอัตราการเติบโตสูง รวมถึงยังเป็นกลุ่มที่มีอัตราการซื้อซ้ำ และเป็นกลุ่มลูกค้า Loyalty ที่เหนียวแน่น เข้ามาช็อปปิ้งที่ร้านสม่ำเสมอ ซึ่งทาง EVEANDBOY มีการวางกลยุทธ์ทางตลาดที่ทำให้ลูกค้านึกถึงเราเป็นที่แรกเมื่อมีสินค้าออกใหม่หรือต้องการอัปเดตเทรนด์สินค้าใหม่ ๆ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำการตลาดของ EVEANDBOY มาโดยตลอด”
หิรัญ ยังเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า ปีนี้มีแบรนด์ไทยได้รับรางวัลมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ การเติบโตของแบรนด์ไทยในฐานะ ‘Rising Star’ จำนวนมาก เนื่องจากปัจจุบันคนไทยหันมาใช้แบรนด์ไทยมากขึ้น สนุกกับการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีในตลาดโดยไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องยี่ห้อ แต่ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ปีนี้ตลาดบิวตี้ในไทยมีความคึกคักมากกว่าปีก่อน ๆ
อ่านข่าวการตลาด และเทรนด์ กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
โฆษณา