23 พ.ค. เวลา 01:10 • ปรัชญา
เราเป็นดวงจิตดวงหนึ่ง ตอนที่ได้กายออกจากท้องแม่ ไม่รู้เลยว่า ..กายนี้ ..เป็นกายพ่อแม่เป็นมนุษย์ พอเกิดมา ก็เกิดร้องกระแว้ . ทุกข์จึ้นมาแล้ว มีไอ้นั่นไอ้นี่เกิด เกิดหิวก็ร้อง ฉี่ก็ร้อง เจ็บก็ร้อง แล้วก็นอนหลับใหล มันเกิดอยู่อย่างนี้ เกิดนอนอย่างนี้ ก็มีคนป้อนน้ำป้อนท่าให้กิน โตวันโตคืน ก็ไม่รู้จักอะไรเลย ช่วยตัวเองไม่ได้เลย กว่าจิตกินกับนอน กินแล้วโต ให้กายมันโตก็หลายเดือน กว่า จะหัดพลิกหัดคลาน หันพูด กว่าเรียกคำว่า คนนี้นะ เค้าเรียกว่าอมี
คนนี้เค้าเรียกว่าพ่อ ดูเรียกไปตามๆเค้า ไม่รู้จักว่า พ่อแม่ คำนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร นี่ เกิดมาไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ว่าเกิดมาทำไม ไม่รู้เหมือนกันว่า เกิดมาเพื่ออะไร ทบทวนเหตุผลแล้ว ก็กินกับนอน รอให้กายมันแก่ รอเจ็บ รอกายมันตาย ..ไม่มีอะไรแล้ว รอกายมันตาย แต่ว่า ก่อนการมันจะตาย เราก็ใช้กายนี้ สร้างบุญกุศล ไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่า จะไม่มีกายตรงไหน จิตมาดวงเดียว ก็ไปแค่จิคดวงเดียว ไม่มีใครตามไปด้วย ดูมันวังเวง เปล่าเปลี่ยว ..ไปแต่จิตดวงเดียว
พอเจอคนบอกว่า อย่าเชื่อฉัน ไปทบทวนพิจารณาแล้วค่อยเชื่อ ..กายนี้เป็นกายกรรม เราก็เขื่อท่าน ท่านบอกให้ทำกายกรรม เป็นกายบุญ เราก็เขื่อท่าน ว่า ทำกายเป็นบุญ กายนั้นจะแข็งแรงขึ้น ทุกข์ที่กายจะเจ็บ เสียหาย ก็ไม่ค่อยมีมากนัก แต่เรื่องราวที่จะไม่ให้กายนี้ เจ็บป่วยเป็นไปไม่ได้ กายพระพุทธเจ้าก็เจ็บป่วย พระอรหันต์ก็เจ็บป่วย แต่จิตของท่านก็เป็นปกติไม่ยึดกาย ก็มีความสุข .
เราก็อยากมีความสุข..แบบนี้บ้าง ท่านยังบอกว่า ให้เราหัดฝึกหัด ไปเรื่อยๆ มีลมหายใจฝึดหัดทำไป ..ทำให้ไปถึงว่า ทุกข์ที่แท้จริง สุขที่แท้จริง ..ที่เราก็ทำไปไม่ถึงได้เลย จะว่าเป็นเพราะอะไร
..พระท่านว่า ปัญญาธรรมมันยังไม่เกิด . คำนี้ .ฟังทีไร ก็ไม่เข้าใจ ว่า ปัญญาธรรม นั้นเป็นอย่างไร .ฟังที่ไร ..ก็รู้สึกตัวเอง มันทำไมโง่จัง ..ก็ได้แต่อาศัย พระท่านช่วยแนะนำสอนให้ แก้ไขให้ เรียนรู้ไปทีละเล็กทีละน้อย ..ท่านว่าทำให้จิตมันขยับเขยื้อน โตขึ้นมา ..ให่จิตมันกว้างขวาง ให้ทำอารมณ์ให้เป็นทาน ไม่ถือโทษโกรธใคร ตัวพอใจไม่พอใจ อย่าให้มันเกิด ที่กายเรา..ไอ้เรารึ..อารมณ์พอใจไม่พอใจ มันก็เกิดขึ้น วันๆไม่รู้กี่หน ..คงต้องเกิด อีกยาวไกล
โฆษณา