ส่วนอีกเมนู ได้แก่ “Peach Apricot Coffruiti” มีให้เลือกทั้งกาแฟดำและชาคาโมมายล์ ทั้งสองส่วนเป็นการต่อยอดจากเมนูคลาสสิกดั้งเดิมให้มีความแปลกใหม่-น่าค้นหา “สุมนพินทุ์” บอกว่า หากย้อนไปกลับยุคก่อนหน้ากาแฟใส่น้ำผลไม้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ไม่มีใครชอบดื่มกาแฟเปรี้ยวเพราะอธิบายรสชาติไม่ถูก แต่ปัจจุบันน้ำเชื่อมกลิ่นผลไม้หรือแม้กระทั่งใส่น้ำผลไม้ในกาแฟเป็นที่นิยมมาก ช่วยจุดประกายให้สตาร์บัคส์ผุดไอเดียอัปเกรดเป็นเครื่องดื่มที่ง่ายขึ้นสำหรับ Gen Z ด้วย
“ทุกคนคงจะเห็น Power of Gen Z ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แตกต่าง เป็นตัวของตัวเอง จริงๆ สตาร์บัคส์ก็เป็นเพื่อนในทุกเวลา มาหนังอ่านหนังสือ เตรียมสอบ มากับคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่เด็กๆ และวันนี้ Gen Z ก็กลายเป็นลูกค้าของเรา ทุกๆ ปีที่มีเจนใหม่เกิดขึ้นเราก็จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อมาดึงดูดลูกค้าในแต่ละยุคสมัย เราไม่หยุดนิ่ง”
ผู้บริหารเล่าว่า พฤติกรรมการเข้ามาใช้บริการที่ร้านสตาร์บัคส์ของ Gen Z ส่วนใหญ่เข้ามาหาที่นั่งอ่านหนังสือติวสอบ ไม่ได้มีข้อจำกัดว่า ต้องใช้จ่ายเท่าไหร่หรือนั่งได้กี่ชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่เด็กๆ จะเข้ามานั่งเฉลี่ย 2-3 ชั่วโมง หรืออาจนานถึง 4 ชั่วโมงก็มี “Spending Per Head” หรือยอดใช้จ่ายต่อหัวรวมเครื่องดื่มและเบเกอรีประมาณ 250 บาท/คน