26 พ.ค. เวลา 06:02 • ธุรกิจ

ส่องศึกกาแฟซองเวียดนาม 'เนสกาแฟ' ในวงล้อมแบรนด์เจ้าถิ่น

'เนสกาแฟ' เผชิญศึกหนักตลาดกาแฟอินสแตนท์เวียดนาม เจอแบรนด์เจ้าถิ่นแข่งเดือด โดยเฉพาะกาแฟ 'จี7' จากค่ายตรุง เหงียน ลีเจนท์
ตลาดกาแฟสำเร็จรูปใน 'เวียดนาม' ถือว่าบูมมาก ๆ ได้รับความนิยมในกลุ่มคอกาแฟมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง โดยเฉพาะกาแฟซองนั้น นอกจากบริโภคกันเป็นล่ำเป็นสันภายในประเทศแล้ว ยังส่งออกไปขายยังตลาดประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงในยุโรปและสหรัฐอเมริกา แม้กาแฟที่ผลิตได้ในประเทศส่วนใหญ่จัดอยู่ในเกรดคอมเมอร์เชียล แต่ก็ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่เอามาก ๆ ทีเดียว
กาแฟสำเร็จรูปสไตล์ดั้งเดิมของเวียดนามขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่หอมเข้มข้น การคั่วกาแฟมักนิยมนำเนยลงไปผสมด้วย จนเป็นเอกลักษณ์ทางกลิ่นรสในยุคหนึ่ง
แน่นอนว่าเมล็ดกาแฟส่วนใหญ่ที่ใช้กันคือ 'โรบัสต้า' ซึ่งถือกาแฟสายพันธุ์หลักที่ฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมกาแฟท้องถิ่นมาหลายร้อยปี จวบจนเป็นพืชเศรษฐกิจตัวสำคัญที่สร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศในฐานะสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน
ผู้เล่นในตลาดกาแฟอินแสตนท์แบบบรรจุซองก็มีมากหน้าหลายตาทีเดียว แบรนด์ต่างประเทศก็มี 'เนสกาแฟ' (Nescafé), 'แม็คคอฟฟี่' (Maccoffee) และ 'ไฮแลนด์ส คอฟฟี่' (Highlands Coffee) ซึ่งเดิมเป็นแบรนด์กาแฟท้องถิ่นเวียดนาม ต่อมาถูกซื้อกิจการไปโดยเครือข่ายร้านอาหารจานด่วนจากแดนตากาล็อก
กาแฟอินสแตนท์แบรนด์จี7 ของตรุง เหงียน ลีเจนท์ ผลิตออกมาแทบจะทุกรสชาติ (ภาพ : instagram.com/g7coffee_korea)
แม้เนสกาแฟจะเปิดตลาดเวียดนามมานานและถือเป็นบิ๊กเนมในตลาดโลก แต่ก็ไม่ได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงมากนัก กลับตกอยู่ในวงล้อมการแข่งขันอันดุเดือดจากแบรนด์กาแฟเจ้าถิ่นหลายแห่งด้วยกัน เช่น จี7ของ 'ตรุง เหงียน ลีเจนท์' (Trung Nguyen Legend), 'วิน่าคาเฟ่' (Vinacafe) และ 'คอง คาเฟ่' (Cong Caphe) ซึ่งล้วนเป็นชื่อยี่ห้อกาแฟที่คนไทยรู้จักกันดีทั้งสิ้น
พูดถึงตัว 'กาแฟซอง' เองก็มีมากรูปแบบ ทั้งแบบกาแฟดำที่เป็นกาแฟเพียว ๆ , ผสมครีมเทียมลงไปก็เป็นแบบ 2 อิน 1, เติมน้ำตาลทรายลงไปด้วยก็ 3 อิน 1 ยาวไปยัน 5 อิน1 ที่อาจมีส่วนผสมเพิ่มเติมจากกลิ่นมะพร้าวกะทิ และอาหารเสริมต่าง ๆ เช่น โสม หรือคอลลาเจน
การใส่สารปรุง 'แต่งกลิ่น' ในตลาดกาแฟเวียดนามทำมานานมากแล้วเช่นกัน ใช้กันทั้งสารแต่งกลิ่นธรรมชาติ (Natural flavoring) และสารแต่งกลิ่นสังเคราะห์ (Artificial flavoring) กลิ่นยอดนิยมที่มีการปรุงแต่งเพิ่มเติมลงไปเสริมรสชาติกาแฟ ก็เช่น กลิ่นมะพร้าวกะทิและกลิ่นวานิลลา
อยากรู้ว่ากาแฟตัวไหนใช้สารแต่งกลิ่นหรือไม่ ขอให้ดูที่ฉลากผลิตภัณฑ์เป็นสำคัญ หลาย ๆ เจ้าทำไว้เป็นมาตรฐาน เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจ ถ้าแต่งกลิ่นแล้วไม่บอกกล่าวกันให้รู้แจ้งเห็นจริง ถือว่าเอาเปรียบผู้บริโภคมาก ๆ
เนสกาแฟ คาเฟ่ เวียด สินค้าขายดีของค่ายเนสท์เล่ ในเวียดนาม (ภาพ : nescafe.com/vn)
คอแฟต้องใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ เพราะนอกจากทำธุรกิจไม่โปร่งใสแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยของผู้ดื่มด้วยโดยตรงไม่มากก็น้อย
ปัจจุบันเวียดนามเป็น 'ผู้ส่งออก' กาแฟอันดับสองของโลกรองจากบราซิล แต่ครองแชมป์ส่งออกกาแฟพันธุ์โรบัสต้าเป็นเบอร์หนึ่งเหนือทุกประเทศ สาเหตุความนัยของเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปในช่วงที่เวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส แล้วฝรั่งเศสก็มีนโยบายส่งเสริมให้เวียดนามปลูกกาแฟโรบัสต้า เพื่อทำเป็นกาแฟสำเร็จรูปส่งไปขายยังตลาดฝรั่งเศสและประเทศยุโรปอื่น ๆ
วิศวกรชาวฝรั่งเศสเปิดโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูปแห่งแรกในเวียดนาม เมื่อปี ค.ศ.1969 ใช้ชื่อว่า 'โคโรเนล คอฟฟี่ แพลนท์' (Coronel Coffee Plant) ในจังหวัดด่งนาย ไม่ไกลจากโฮจิมินห์ หลังจากที่เวียดนามประกาศเอกราช โรงงานแห่งนี้ก็ถูกรัฐบาลเวียดนามเข้าเทคโอเวอร์ในปีค.ศ.1975
ต่อมาโรงงานแห่งนี้ได้แปลงสภาพมาเป็นแบรนด์กาแฟรัฐวิสาหกิจ ในนาม 'วิน่าคาเฟ่ เบียนฮวา' ซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งต่ออุตสาหกรรมกาแฟในช่วงแรก ๆ ยุคนั้นก็มีการส่งออกกาแฟไปยังตลาดรัสเซียและยุโรปตะวันออกด้วย ขณะที่ยุคนี้มี กาแฟซอง 'โกลด์ ออริจินัล' ที่เบลนด์ด้วยโรบัสต้ากับอาราบิก้า เป็นผลิตภัณฑ์เรือธง ขายความเป็นกาแฟดั้งเดิมที่ผลิตมานานกว่า 20 ปี
คอง คาเฟ่ กับกาแฟอินสแตนท์แบบซอง บั๊กซิ่ว อินสแตนท์ ไวท์ คอฟฟี่ (ภาพ : instagram.com/congcaphe.ca)
วิน่าคาเฟ่ แตกแบรนด์ลูกออกมาเล่นในตลาดแมสนั่นก็คือ 'เวก-อัพ' (Wake-Up)
ปัจจุบัน มาซาน เบฟเวอเรจ ในเครือมาซาน กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจอาหารและเครือดื่มจากโฮจิมินห์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่วิน่าคาเฟ่ ในสัดส่วน 98%
ย่างเข้าปีค.ศ.1995 นั่นแหละครับท่านผู้อ่าน เนสท์เล่ ยักษ์ใหญ่วงการอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกจึงกระโดดเข้าสู่ตลาดกาแฟเวียดนาม ในรูปแบบบริษัทต่างประเทศ 100% ไม่ได้ร่วมลงทุนกับบริษัทท้องถิ่นใด ๆ ตั้งโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง เน้นใช้เมล็ดกาแฟของเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์กาแฟซอง 'เนสกาแฟ คาเฟ่ เวียด' (Nescafé Café Viet) ช่วยให้เนสกาแฟมีส่วนแบ่งทางการตลาดในเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ล่าสุด เนสท์เล่ ในฐานะหนึ่งในผู้ซื้อสารกาแฟโรบัสต้าควบผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ในเวียดนาม ฉลอง 30 ปีแห่งการเปิดตลาดในประเทศนี้ ประกาศทุ่มเงิน 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ ๆ 2,500 ล้านบาท เพื่อขยายการผลิตเครื่องดื่มกาแฟที่โรงงาน 'เนสท์เล่ ไตรอัน' ในจังหวัดด่งนาย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในตลาดเวียดนามและต่างประเทศ
คิง คอฟฟี่ แบรนด์กาแฟเวียดนามที่ผลิตกาแฟอินสแตนท์ออกมาป้อนตลาด (ภาพ : tnicorporation.com/en)
ปัจจุบัน เนสท์เล่ ไตรอัน ถือเป็นโรงงานหลักในการผลิตกาแฟหลายแบรนด์ที่อยู่ในพอร์ตของเนสท์เล่ ได้แก่ เนสกาแฟ, เนสเพรสโซ่, เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต และบลู บอทเทิ่ล รวมไปถึงกาแฟสำเร็จรูปของสตาร์บัคส์ด้วย รวม ๆ แล้วก็ส่งออกไปถึง 29 ประเทศด้วยกัน
เนสกาแฟ คาเฟ่ เวียด มีกาแฟซองขายดีอยู่หลายตัว โดยเฉพาะ 'แบล็ค ไอซ์ คอฟฟี่' กับ 'มิลกี้ ไอซ์ คอฟฟี่' ที่มีกาแฟกับครีมเทียมเป็นส่วนผสมในแบบ 2 อิน 1
เมื่อพูดถึงกาแฟสำเร็จรูปเวียดนาม จะข้ามแบรนด์นี้ไปไม่ได้เลย ใช่ครับ เป็น 'จี7' (G7) แบรนด์กาแฟดังของค่ายตรุง เหงียน ลีเจนท์ ที่มีประธานวู หรือดัง เล เหงียน วู เจ้าของฉายาราชากาแฟเวียดนาม เป็นเจ้าของธุรกิจ
จี7 เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปีค.ศ. 2003 หรือกว่า 20 ปีมาแล้ว เป็นที่นิยมมาก ๆ ไม่เฉพาะแต่ในเวียดนามเท่านั้น แต่รวมไปถึงต่างประเทศด้วย ตอนนี้ส่งออกไปประมาณ 60 ประเทศทั่วโลก มีทั้งแบบกาแฟดำ, เอสเพรสโซ่ และคาปูชิโน่ ขณะที่สินค้าขายดีก็จะเป็นแบบ 3 อิน 1
กาแฟอินสแตนท์สไตล์เวียดนามดั้งเดิมของแบรนด์คาเฟฟู ในเครือแม็คคอฟฟี่ (ภาพ : facebook.com/MACCafePho)
ในเว็บไซต์ของตรุง เหงียน ลีเจนท์ ให้ข้อมูลว่า กาแฟจี7 ใช้เมล็ดกาแฟเบลนด์จากเวียดนาม, บราซิล, เอธิโอเปีย และจาไมก้า แต่ก็ไม่ได้ระบุถึงสัดส่วนของเมล็ดกาแฟที่ใช้เบลนด์ ก็น่าเป็นความลับทางธุรกิจนั่นแหละครับ
'คิง คอฟฟี่; (King Coffee) เป็นแบรนด์กาแฟเวียดนามที่มาแรงทีเดียว เจ้าของคือ ลี ฮอง เดียบ เถา หรือที่รู้จักดีในชื่อมาดามเถา เธอเคยเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจกาแฟตรุง เหงียน ลีเจนท์ ก่อนแยกตัวไปตั้งโรงงานผลิตกาแฟทีเอ็นไอ คิง คอฟฟี่ เมื่อปี ค.ศ. 2016 มีกาแฟซอง 'คิง คอฟฟี่ เพียวร์ แบล็ค' เป็นสินค้าขายดีของค่าย
อีกแบรนด์กาแฟน้องใหม่ที่ชื่ออาจทำให้เกิดความสับสนกับแบรนด์ข้างบน ก็คือ 'เค-คอฟฟี่' (K-Coffee) แบรนด์นี้ผลิตกาแฟหลายรูปแบบ รวมไปถึงกาแฟอินสแตนท์ด้วย อยู่ในเครือของฟุก ซินห์ คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมพริกไทยและกาแฟของเวียดนาม
'คอง คาเฟ่' ร้านกาแฟยอดนิยมของคนรุ่นใหม่เวียดนามและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็ผลิตกาแฟอินสแตนท์แบบซองออกมาทำตลาดเหมือนกัน ดูเหมือนจะเน้นไปที่กาแฟกลิ่นรสมะพร้าวสูตรต้นตำรับของจีนในไซง่อน (ปัจจุบันคือโฮจิมินห์) นั่นก็คือ 'บั๊กซิ่ว อินสแตนท์ ไวท์ คอฟฟี่' นิยมชงเป็นกาแฟเย็นดื่มกัน
กาแฟกลิ่นมะพร้าวกะทิเป็นที่นิยมมากในเวียดนาม ภาพนี้เป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์คอฟฟี่ คอนเซปต์ (ภาพ : facebook.com/coffeeconcept.vn)
บั๊กซิ่ว (Bac Xiu) แปลว่ากาแฟขาว แล้วก็มีการตั้งชื่อให้กาแฟชนิดนี้ว่า เป็นกาแฟผสมผสานสามวัฒนธรรม เวียดนาม, จีน และฝรั่งเศส
แบรนด์ร้านกาแฟดังอย่าง 'ไฮแลนด์ส คอฟฟี่' ก็มีกาแฟซอง 3 อิน 1 ได้รับความนิยมในหมู่คอกาแฟท้องถิ่นไม่น้อยเช่นกัน แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1998 เติบโตอย่างรวดเร็วในฐานะร้านกาแฟที่ใช้กาแฟคุณภาพสูง
ต่อมาถูก 'จอลลิบี' ร้านอาหารจานด่วนสัญชาติฟิลิปปินส์ เข้าเทคโอเวอร์กิจการ แต่ดูเหมือนว่าความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวเวียดนามไม่ได้ลดลงแต่ประการใด
'คอฟฟี่ คอนเซปต์' (Coffee Concept) เป็นแบรนด์กาแฟอินสแตนท์ในเวียดนาม ผลิตกาแฟซองออกมาหลากหลายรสชาติ รวมไปถึงกาแฟกลิ่นรสมะพร้าวกะทิ และกาแฟรสทุเรียน เช่นเดียวกับ 'ร็อค คาเฟ่' (RockCafe’) ที่มีชื่อเสียงจากกาแฟมะพร้าวกะทิ อันเป็นกลิ่นรสยอดนิยมในประเทศนี้
แบรนด์วีน่าคาเฟ่ กับกาแฟ 3 อิน 1 ยอดนิยม โกลด์ ออริจินัล (ภาพ : Vinacafe Biên Hòa)
อีกแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่น้อยเลยในตลาดกาแฟอินสแตนท์เวียดนามก็คือ 'แม็คคอฟฟี่' ที่มีบริษัทเอฟอีเอส เวียดนาม ในเครือฟู้ด เอ็มไพร์ โฮลดิงส์ แห่งสิงคโปร์ เป็นเจ้าของแบรนด์ ถือเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ผลิตกาแฟสำเร็จรูปจำหน่ายในตลาดเวียดนามเลยก็ว่าได้
ต่อมาแม็คคอฟฟี่ได้แตกแบรนด์ใหม่ออกเป็น 'คาเฟฟู' (Café PHO) เน้นผลิตกาแฟเวียดนามสูตรดั้งเดิม
เซ็กเมนท์ตลาดกาแฟสำเร็จรูปของเวียดนาม โดยเฉพาะกาแฟซอง เป็นตลาดใหญ่และมีมูลค่ามหาศาล จึงเป็นอีก 'สมรภูมิ' ทางธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงมาก เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากทั้งแบรนด์เจ้าถิ่นและแบรนด์ต่างประเทศ นอกจากนั้นยังมีศักยภาพมากพอที่จะส่งออกสู่ตลาดแมสในต่างประเทศได้อีกด้วย
จัดว่างานหินสุด ๆ ทีเดียว...หากว่าแบรนด์ดังระดับโลกหวังจะช่วงชิงตำแหน่งผู้นำตลาดแบบผูกขาดเดี่ยว ๆ
เขียนโดย : ชาลี วาระดี
โฆษณา