สรุปรายชื่อผู้ชนะรางวัลเทศกาลภาพยนตร์คานส์ ครั้งที่ 78 – “It Was Just an Accident” คว้าปาล์มทองคำ
อีกหนึ่งงานเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลก อย่าง เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 78 ที่เพิ่งสิ้นสุดลงไปในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็ได้ทำการประกาศผู้ชนะ จากภาพยนตร์ในสายประกวดหลักทั้ง 22 เรื่อง
โดยในปีนี้ คณะกรรมการที่ทำหน้าที่ตัดสินภาพยนตร์สายประกวดหลัก ก็นำโดยประธานอย่าง จูเลียต บิโนช นักแสดงชาวฝรั่งเศส, ฮัลลี เบอร์รี นักแสดงชาวอเมริกัน, ดีเวโด ฮามาดี ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวคองโก, ฮงซังซู ผู้กำกับฯ ชาวอิตาลี, พายาล คาพาเดีย ผู้กำกับฯ ชาวอินเดีย, คาร์ลอส เคย์กาดาส ผู้กำกับฯ ชาวเม็กซิโก, อัลบา โรห์วาเชอร์ ผู้กำกับ ฯ และนักแสดงชาวอิตาลี, เลลา ซิลมาณี นักเขียนชาวโมร็อคโก และ เจเรมี สตรอง นักแสดงชาวอเมริกัน
ซึ่งในที่สุด ก็เป็น “It Was Just an Accident” ภาพยนตร์ระทึกขวัญจากประเทศอิหร่าน ของผู้กำกับ ฯ จาฟาร์ พานาฮี ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศสูงสุดของเทศกาลอย่าง รางวัลปาล์มทองคำ หรือ Palme d’Or ซึ่งก็ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในรอบ 7 ปี หลังเจ้าตัวเคยส่ง “3 Faces” ในปี 2018 เข้าชิงสายประกวดหลัก และชนะรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่นี่ก็ถือเป็นรางวัลปาล์มทองคำตัวแรกที่ พานาฮี ได้รับครับ
อย่างไรก็ตาม การได้รางวัลของ “It Was Just an Accident” คือเป็นเกียรติคุณสูงสุด เพราะนอกจากจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ พานาฮี ได้สร้าง หลังถูกรัฐอิหร่านจับกุมและปล่อยตัวออกมาเมื่อ กุมภาพันธ์ ปี 2023 และการมาเยือนเทศกาลเมืองคานส์ครั้งนี้ ก็ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี หลังรัฐบาลอิหร่านตัดสินใจปลดโทษแบนห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
โดยชัยชนะปาล์มทองคำของ “It Was Just an Accident” ก็สร้างประวัติศาสตร์ให้ จาฟาร์ พานาฮี กลายเป็นผู้กำกับ ฯ คนที่ 4 ตามหลัง อ็องรี-ฌอร์จ กลูโซ, มิเกลันเจโล อันโตนิโอนี และ โรเบิร์ต อัลต์แมน ที่กวาดรางวัลจากสามเวทีภาพยนตร์นานาชาติ อย่าง ปาล์มทองคำจากคานส์ (“It Was Just an Accident”), หมีทองคำจากเบอร์ลิน (“Taxi”) และ สิงโตทองคำจากเวนิซ (“The Circle”) รวมถึงยังเป็นผู้กำกับ ฯ คนแรก ที่เคยคว้ารางวัลผู้กำกับ ฯ หน้าใหม่ Camera d’Or ที่สามารถกลับมาคว้าปาล์มทองคำได้ด้วย
ซึ่ง “It Was Just an Accident” ก็ยังเป็นภาพยนตร์อีกเรื่อง ที่พานาฮีถ่ายทำอย่างลับ ๆ โดยไม่ขออนุญาตทางการรัฐอิหร่าน ตามหลังผลงานอย่าง “No Bears” (2022), “3 Faces” (2018), “Taxi” (2015)”, “Closed Curtain” (2013) และ “This Is Not a Film” (2011) เนื่องด้วยผลงานของพานาฮี มักวิพากษ์วิจารณ์บริบทของรัฐอยู่เสมอ จนส่งผลให้ทางรัฐจับตาและถูกสั่งจำคุก รวมถึงสั่งห้ามพานาฮีไม่ให้ทำหนังนานถึง 20 ปี (ก่อนจะปลดในภายหลัง) แต่ พานาฮี ก็มักจะหาทางสร้างหนัง และส่งออกนอกประเทศไปฉายตามเทศกาลต่าง ๆ อย่างลับ ๆ
ที่น่าสนใจมากเช่นกัน คือ “It Was Just an Accident” ถือเป็นหนังรางวัลปาล์มทองคำเรื่องที่ 6 ของผู้จัดจำหน่ายอย่าง Neon ที่รับสิทธิจัดจำหน่ายของหนังเรื่องนี้ในสหรัฐอเมริกา และถือเป็นชัยชนะติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ติด หลังได้สิทธิจัดจำหน่ายอย่าง “Parasite”, “Titane”, “Triangle of Sadness”, “Anatomy of a Fall” และ “Anora” ซึ่งสี่ในห้าของเรื่องนี้ ล้วนมีบทบาทสำคัญบนเวทีออสก้าร์ทั้งสิ้น โดยเฉพาะ “Anora” ที่ไปไกลสุดถึงการคว้า ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
โดย พานาฮี ได้กล่าวในการอุทิศรางวัลปาล์มทองคำ แด่อิสรภาพในการแสดงออกของประเทศอิหร่านของเขา รวมถึงเฉลิมฉลองคุณค่าของภาพยนตร์ ที่เป็นพื้นที่ปลดแอกในสิ่งที่พวกเขาอยากจะแสดงออก “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ประเทศของเรา และ อิสรภาพแด่ประเทศของเรา ดังนั้นจงมายินดีช่วงเวลานี้ ด้วยกัน ในห้วงเวลาที่ไม่มีใครบอกเราว่าควรต้องใส่เสื้อผ้าอะไร ควรหรือไม่ควรทำอะไร ภาพยนตร์คือสังคม ไม่มีใครมีสิทธิมาสั่งว่าเราควรทำหรือไม่ควรทำอะไร”
ถัดมาเป็นรางวัลกรังด์ปรีซ์ หรือรองชนะเลิศภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก็เป็นภาพยนตร์ดราม่า “Sentimental Value” ของผู้กำกับฯ ยัวอาคิม เทรียร์ ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องที่ต้องจัดการบ้านเก่าของแม่ และขณะเดียวกัน ก็เตรียมรับพ่ออดีตผู้กำกับ ฯ ดังที่หวนกลับมาเยือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ตัวหนังยังได้รับคำชื่นชมล้นหลาม พร้อมคำนิยามว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของเทศกาล โดยได้รับเสียงปรบมือหลังหนังฉายจบยาวนานถึง 19 นาที
รองลงมา รางวัลชมเชย Jury Prize ก็เป็นที่น่าสนใจ เพราะทางคณะกรรมการฯ ตัดสินใจมอบให้กับหนัง 2 เรื่องอย่าง “Sirât” ของผู้กำกับ ฯ ออลิเวอร์ แล็กซ์ หนังดราม่าครอบครัวที่อึกทึกครึกโครม ท่ามกลางคอนเสิร์ตที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย ที่ได้รับคำนิยามว่าเป็นส่วนผสมของ “Mad Max: Fury Road” และ “Lost Highway” กับ “Sound of Falling” โดย มัสชา ชลินสกี้ หนังดราม่าที่ก้องสะท้อนอยู่ภายในรั้วบ้าน ส่องผ่านห้วงชีวิตที่ข้ามผ่านหลายช่วงกาลเวลา
ส่วนรางวัล นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ก็เป็นของนักแสดงหน้าใหม่อย่าง นาเดีล เมลลิติ จาก “The Little Sister” ของผู้กำกับฯ ฮัฟเซีย เฮอร์ซี ภายใต้บทบาทของวัยรุ่นสาวปารีส ที่กำลังค้นหาตัวตนและอัตลักษณ์ทางเพศ ภายใต้บริบทของการเป็นผู้อพยพในประเทศฝรั่งเศส
ด้านรางวัล นักแสดงชายยอดเยี่ยม ตกเป็นของ วากเนอร์ มูรา จาก “The Secret Agent” หนังสัญชาติบราซิลจากผู้กำกับฯ เคลเบอร์ เมโดซ่า ฟีโล ในบทบาทของคุณพ่อที่ปกปิดตัวตนลับ เพื่อหลบเร้นจากความพยายามสังหารของรัฐบาลเผด็จการทหารบราซิล
ซึ่ง “The Secret Agent” ยังส่งให้ตัวผู้กำกับฯ อย่าง เคลเบอร์ เมโดซ่า ฟีโล สามารถคว้ารางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม อีกด้วย ส่วนรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก็เป็น “The Young Mother Home” ของสองพี่น้อง ฌ็อง-ปีแยร์ และ ลุค ดาร์แดง ที่ว่าด้วยเรื่องราวบ้านพำนักของเหล่าคุณแม่วัยใส
นอกเหนือจากนี้ หนังจีนไซไฟดราม่าของผู้กำกับฯ ปี่ กัน อย่าง “Resurrection” ก็เป็นที่ชื่นชอบของคณะกรรมฯ อย่างมาก จนทางคณะกรรมการฯ ตัดสินใจมอบรางวัลชื่นชมพิเศษ Special Prize ให้ เนื่องจากเนื้อหาของตัวหนังที่ยึดโยงเข้ากับประวัติศาสตร์ร่วมศตวรรษของภาพยนตร์
ภาพยนตร์ที่มีสิทธิในสายประกวดหลัก
“In Competition”
“Alpha” โดย จูเลีย ดูกูร์เนา
“Case 137” โดย โดมินิค โมลล์
“Die, My Love” โดย ลินน์ แรมซีย์
“Eagles of the Republic” โดย ทาริค ซาลีห์
“Eddington” โดย อารี แอสเตอร์
“Fuori” โดย มาริโอ มาร์โทน
“The History of Sound” โดย โอลิเวอร์ เฮอร์มานัส
** “It Was Just an Accident” โดย จาฟาร์ พานาฮี **
“The Little Sister” โดย ฮัฟเซีย เฮอร์ซี
“The Mastermind” โดย เคลลี ไรชาร์ด
“Nouvelle Vague” โดย ริชาร์ด ลิงเคลเตอร์
“The Phoenician Scheme” โดย เวส แอนเดอร์สัน
“Renoir” โดย จิเอะ ฮายากาว่า
“Resurrection” โดย ปี่ กัน
“Romería” โดย คาร์ลา ซีมอน
“The Secret Agent” โดย เคลเบร์ เมโดซ่า ฟีโญ
“Sentimental Value” โดย ยัวอาคิม เทรียร์
“Sirât” โดย ออลิเวอร์ แล็กซ์
“Sound of Falling” โดย มัสชา ชลินสกี้
“Two Prosecutors” โดย เซอร์เกย์ ลอซนิทซา
“Woman and Child” โดย ซาอีด รูสเทอี
“The Young Mother Home” โดย ฌ็อง-ปีแยร์ และ ลุค ดาร์แดง
รายชื่อรางวัลในสายประกวดหลัก
“In Competition”
Palme d’Or – รางวัลปาล์มทองคำ
“It Was Just an Accident” โดย จาฟาร์ พานาฮี
จากจุดเริ่มของอุบัติเหตุเล็ก ๆ กลับส่งผลกระทบลูกโซ่ จนบานปลายกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่โต เมื่อ เอิกบัล พาเมียท้องแก่ขับรถไปชนหมาเข้ากลางดึก จนทำให้รถเสีย เขาจึงตัดสินใจพารถเข้าไปจอดในอู่ของวาฮิด ซึ่งจดจำได้ว่า เอิกบัล มีความละม้ายคล้ายคลึงของคนที่เคยทรมานเขา สมัยถูกจองจำในเรือนจำ จนส่งผลให้เขาพิการ วาฮิด จึงตัดสินใจไล่ตามและลักพาตัว
“It Was Just an Accident” ได้ผู้จัดจำหน่ายอย่าง Neon มารับหน้าที่จัดจำหน่ายภายในแถบทวีปอเมริกาเหนือ ส่วน Mubi รับหน้าที่จัดจำหน่ายภายในแถบละติน, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, เยอรมัน, ตุรกี และ อินเดีย
Grand Prix – รางวัลกรังด์ปรีซ์
“Sentimental Value” โดย ยัวอาคิม เทรียร์
นอร่า และ แอกเนส สองสาวพี่น้องที่ต้องหวนกลับมาหาพ่อที่ห่างเหินกันไปอย่าง กุสตาฟ อดีตผู้กำกับมากเสน่ห์ที่หวังจะหวนคืนวงการ และเสนอบทให้ นอร่า ซึ่งเป็นนักแสดงละครเวทีมากฝีมือ แต่ท้ายสุด นอร่า ที่ปฏิเสธไปก็ค้นพบว่า พ่อของเธอได้ส่งบทไปให้ดาวรุ่งฮอลลีวู้ดแทน กลายเป็นว่า ทั้งสองพี่น้องต้องจัดการความสัมพันธ์อันซับซ้อนที่มีต่อพ่อ และจัดการกับนักแสดงสาวอเมริกัน ที่ก้าวเข้ามาในใจกลางของความยุ่งเหยิงระหว่างครอบครัว
“Sentimental Value” ได้ผู้จัดจำหน่ายอย่าง Neon มารับหน้าที่จัดจำหน่ายภายในแถบทวีปอเมริกาเหนือ
Jury Prize – รางวัลชมเชย
“Sirât” โดย ออลิเวอร์ แล็กซ์
พ่อและลูกชาย เดินทางไปถึงงานเทศกาล ที่อยู่หุบเขาลึกทางตอนโต้ของโมร็อกโก เพื่อตามหา มาร์ ลูกสาวและน้องสาวที่หายสาบสูญไปหลายเดือนก่อนจากในงานเทศกาลที่ไม่มีวันหลับใหลนี้ โอบล้อมด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ และความรู้สึกปลดแอกที่ไม่คุ้นเคย พวกเขายื่นรูปให้คนแปลกหน้ารูปแล้วรูปเล่า ขณะที่ความหวังกำลังพร่าเลือน และพวกเขาพยายามฝ่าฝูงชนเพื่อไปสู่เทศกาลแห่งสุดท้ายในทะเลทราย ไปสู่ป่าเขตร้อนระอุที่ลึกขึ้น และเป็นการเดินทางที่บีบบังคับให้พวกเขาต้องเผชิญหน้าขีดจำกัดของตนเอง
“Sirât” ได้ผู้จัดจำหน่ายอย่าง Neon มารับหน้าที่จัดจำหน่ายภายในแถบทวีปอเมริกาเหนือ
“Sound of Falling” โดย มัสชา ชลินสกี้
เด็กสาว 4 คน อัลม่า, เอริก้า, แองเจอลิกา และ เลนก้า ซึ่งแต่ละคนต่างใช้ชีวิตวัยเยาว์ของตนเอง ในบ้านไร่ทางตอนเหนือของเยอรมณี ขณะที่บ้านคล้อยเคลื่อนผ่านกาลเวลากว่าศตวรรษ สะท้อนซึ่งอดีตที่ฝังตัวอยู่ในกำแพง แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ชีวิตของพวกเขาต่างก้องสะท้อนซึ่งกันและกัน
“Sound of Falling” ได้ผู้จัดจำหน่ายอย่าง Mubi มารับหน้าที่จัดจำหน่ายภายในแถบทวีปอเมริกาเหนือ
Best Director – ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เคลเบอร์ เมโดซ่า ฟีโล จาก “The Secret Agent“
ในประเทศบราซิลปี 1977 ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายเทคโนโลยีในวัย 40 ปีอย่าง มาร์เซโล ต้องหลบหนี จนกระทั่งไปถึงเมืองเรซิฟ ในช่วงอาทิตย์เทศกาล ด้วยความหวังที่จะได้กลับไปพบหน้าลูก ก่อนจะตระหนักได้ว่า เมืองแห่งนี้ยังห่างไกลจากความรุนแรงที่เขาพยายามจะหลบหนีอยู่มากนัก
Best Actress – นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
นาเดีย เมลลิติ จาก “The Little Sister“
ฟาติมา น้องสาวสุดท้องวัย 17 ปี เติบโตอย่างเรียบร้อย ขณะที่เธอกำลังค้นหาเส้นทาง ไขว่คว้าซึ่งแรงปรารถนาภายในแก่นกาย จากความดึงดูดในผู้หญิง และความภักดีที่มีต่อครอบครัวฝรั่งเศส-อัลจีเรียที่เลี้ยงดูเธออย่างดี และการได้ก้าวเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงปารีส ที่ทำให้เธอได้สำรวจโลกใบใหม่ ได้เผชิญซึ่งปัญหาแสนชอกช้ำใจที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ว่าเราจะซื่อสัตย์ต่อตนเองได้อย่างไร ในเมื่อหลายส่วน ๆ ที่หล่อหลอมตัวตนของเธอ ทำให้ความรู้สึกนี้ดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
Best Actor – นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
วากเนอร์ มูรา จาก “The Secret Agent“
“Kinds of Kindness” ว่าด้วยเรื่องราวเรื่องสั้นสามเรื่องที่แปลกแยกแต่เชื่อมโยงเข้าถึงกัน ว่าด้วยเรื่องราวของบุรุษที่หวังจะกำหนดชะตากรรม ด้วยการหนีจากเจ้านายที่เรืองอำนาจ, สามีที่ต้องสงสัยว่า อดีตคู่หมั้นที่เพิ่งกลับมาหลังหายสาบสูญ อาจไม่ใช่ตัวจริง และ เจ้าลัทธิที่ออกตามหาบุคคลเฉพาะที่มีความสามารถในการปลุกคนตาย
Best Screenplay – บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
“The Young Mother Home” โดย ฌ็อง-ปีแยร์ และ ลุค ดาร์แดง
เจสสิก้า, เพอร์ลา, จูลี, อารีแอนน์ และ ไนมา อาศัยอยู่ในสถานพำนักของแม่วัยใส ซึ่งทั้ง 5 ก็ต่างหวังที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับพวกเขาและลูกของพวกเขา
Special Prize – รางวัลชื่นชมพิเศษ
“Resurrection” โดย ปี่ กัน
ในโลกที่มนุษยชาติสูญเสียซึ่งความสามารถในการฝัน แต่สัตว์ชนิดเดียวกันนี้ ก็ยังหลงใหลในภาพลวงตาอันพร่าเลือนของโลกแห่งความฝัน อสูรกายตนนี้ ล่องลอยอยู่ในความฝันและติดอยู่ทัศนวิสัยที่ไม่มีใครมองเห็น จนกระทั่งผู้หญิงคนนึงปรากฎ ด้วยพรสวรรค์ที่หาได้ยาก ในการรับรู้ภาพลวงตาแบบนี้ได้อย่างแท้จริง เธอจึงเลือกที่จะเข้าฝันอสูรกายตนนี้ หมายมุ่งที่จะเปิดเผยความจริงที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้มัน
รายชื่อรางวัลนอกสายประกวดหลัก “Un Certain Regard”
Un Certain Regard Prize – ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ; “The Mysterious Gaze of the Flamingo” โดย ดิเอโก เซสเปเดส
Jury Prize – รางวัลชมเชย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ; “Un Poeta” โดย ซีมอน เมซ่า โซโต้
Best Director – ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ; ทาร์ซาน และ อาราบ เนสเซอร์ จาก “Once Upon a Time in Gaza”
Best Actor – นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ; แฟรงค์ ดิลเลน จาก “Urchin”
Best Actress – นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ; คลีโอ ดีเอร่า “I Only Rest in the Storm”
Best Screenplay – บทภาพยนตร์ ; “Pillion” โดย แฮร์รี ไลท์ตัน
รายชื่อรางวัลอื่น ๆ
Honorary Palme d’Or – รางวัลเชิดชูเกียรติปาล์มทองคำ
นักแสดง โรเบิร์ต เดอนีโร
นักแสดง เดนเซล วอชิงตัน
Caméra d’Or – รางวัลกล้องทองคำ (ผลงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องยาว – สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ – ยอดเยี่ยม)
“The President’s Cake” โดย ฮาซาน ฮาดี
Special Mention – รางวัลชมเชยพิเศษ ; “My Father’s Shadow” โดย อากิโนล่า เดวีส์ จูเนียร์
Short Film Palme d’Or – รางวัลภาพยนตร์สั้นปาล์มทองคำ
“I’m Glad You’re Dead Now” โดย ทอว์ฟีค บาร์ฮอม
Special Mention – รางวัลชมเชยพิเศษ ; “Ali” โดย แอดนาน อัล ราจีฟ
Cinéfondation – รางวัลส่งเสริมผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นใหม่
ชนะเลิศ : “First Summer” โดย โฮ กายัง
รองชนะเลิศ : “12 Moments Before the Flag-Raising Ceremony” โดย ฉี จี่เจิง
รองชนะเลิศ อันดับสอง : “Ginger Boy (Separated)” โดย มิคิ ทานากะ และ “Winter in March” โดย นาตาเลีย เมียร์โซยาน
Immersive Compeition – รางวัลแด่ผลงานที่มีเทคโนโลยีที่มอบความดึงดูดด้านประสบการณ์
“From Dust” โดย มิเชล ฟาน เดอร์ อา
รายชื่อรางวัลสายภาพยนตร์อิสระ
FIPRESCI Prizes – รางวัลที่มอบโดยกลุ่มนักวิจารณ์ภาพยนตร์และสื่อมวลชนนานาชาติ
สายประกวดหลัก (In Competition) : “The Secret Agent” โดย เคลเบอร์ เมโดซ่า ฟีโล
นอกสายประกวดหลัก (Un Certain Regard) : “Urchin” โดย แฮร์ริส ดิกคินสัน
สายคู่ขนาน – ภาพยนตร์เปิดตัวแรก (Parallel Section) : “Dandelion’s Odyssey” โดย โมโมโกะ ซาโต้
Prize of the Ecumenical Jury – รางวัลที่ให้เกียรติภาพยนตร์ที่เผยซึ่งแง่มุมของมนุษย์
TBA (จะมีการประกาศภายหลัง)
Critics’ Week – รางวัลที่จัดโดยองค์กรนักวิจารณ์ฝรั่งเศส
AMI Paris Grand Prize – ชนะเลิศ ; “A Useful Ghost” (ผีใช้ได้ค่ะ) โดย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค
French Touch – รองชนะเลิศ ; “Imago” โดย เดนี อูมาร์ พิตซาเอฟ
Louis Roederer Foundation – นักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยม ; ธีโอดอร์ เพลเลอริน จาก “Nino”
Leitz Cine Discovery Prize – ภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม ; “L’Mina” โดย รานดา มารูฟี
Gen Foundation – รางวัลสำหรับผู้จัดจำหน่าย ; “Left-Handed Girl” โดย โซว์ ชิชิง
SACD Awards – บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ; “Sleepless City” โดย กีแยร์โม กาโล และ วิคเตอร์ อลองโซ-เบอร์เบล
Canal+ Award – ภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม ; “Erogenesis” โดย ซานดร้า โพบสคู
Directors’ Fortnight – งานจัดแสดงผลงานของผู้กำกับ ฯ หน้าใหม่
Audience Award – ขวัญใจผู้ชม ; “The President’s Cake” โดย ฮาซาน ฮาดี
สายภาพยนตร์อิสระ
Europa Cinema Label Award – ภาพยนตร์ยุโรปยอดเยี่ยม ; “Wild Foxes” โดย วาเลรี คาร์นอย
SACD Prize – ภาพยนตร์ฝรั่งเศสยอดเยี่ยม ; “Wild Foxes” โดย วาเลรี คาร์นอย
Golden Coach (Carrosse d’Or) – ท็อดด์ เฮย์นส
L’Œil d’or – สายตาทองคำ (ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม)
“Imago” โดย เดนี อูมาร์ พิตซาเอฟ
รางวัลชมเชยยอดเยี่ยม ; “The Six Billion Dollar Man” โดย ยูจีน ญาเรคกี
Queer Palm – รางวัลที่มอบให้กับภาพยนตร์ที่มีเนื้อหา LGBTQ+ ยอดเยี่ยม
“The Little Sister” โดย ฮัฟเซีย เฮอร์ซี
ภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม : “Bleat!” โดย อนันท์ สุภามาเนียม
François Chalais Prize – รางวัลที่มอบให้ดนตรีประกอบของภาพยนตร์
“Sirât” โดย คังดิง เรย์
François Chalais Prize – รางวัลที่มอบให้ภาพยนตร์ที่เชิดชูคุณค่าของวารสารศาสตร์
“Two Prosecutors” โดย เซอร์เกย์ ลอซนิทซา
Prix de la Citoyenneté – รางวัลที่มอบให้กับภาพยนตร์ที่มีคุณค่าในการเชิดชูซึ่งมนุษย์และความเป็นสากล
Citizenship Prize – “It Was Just an Accident” โดย จาฟาร์ พานาฮี
Prix des Cinémas Art et Essai
AFCAE Art House Cinema Award ; “The Secret Agent” โดย เคลเบอร์ เมโดซ่า ฟีโล
Special Mention – รางวัลชมเชยพิเศษ ; “Sirât” โดย ออลิเวอร์ แล็กซ์
Palm Dog – รางวัลที่มอบให้กับสุนัขนักแสดงยอดเยี่ยม
นักแสดงยอดเยี่ยม ; แพนด้า จาก “The Love That Remains”
รองชนะเลิศ ; ปีปา และ ลูพิต้า จาก “Sirât”
Mutt Moment – รางวัลชมเชยพิเศษ ; ฮิพโป จาก “Pillion”
Trophée Chopard – รางวัลที่มอบให้กับนักแสดงหน้าใหม่น่าจับตา
ฟินน์ เบนเนตต์
มารี โคลอมบ์
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
