31 พ.ค. เวลา 02:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สูตรหุ้นรอด 5-5-5-5 ให้นักลงทุน ’เอาตัวรอด‘ ในวันหุ้นไทยซบเซา ไม่แน่นอนสูง

[เรื่อง: ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร]
"ดร.นิเวศน์" เปิด "สูตรหุ้นรอด 5-5-5-5" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ลงทุนที่ออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนสามารถ "เอาตัวรอด" ในสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยที่ซบเซาและมีความไม่แน่นอนสูง
ในภาวะที่ตลาดหุ้นซบเซาและดัชนีตลาดหุ้น “ตกทุกวัน” อย่างต่อเนื่อง และแม้แต่หุ้นที่ดีและประกาศผลการดำเนินงานที่ “น่าประทับใจ” และราคาก็ไม่แพง บางตัวถูกที่สุดในประวัติศาสตร์ของตัวหุ้น แต่หุ้นกลับตกลงมาแรงอย่างผิดคาด และนั่นคงทำให้นักลงทุนซึ่งรวมถึง “VI” ทั้งที่เป็นพันธุ์แท้และพันทาง ต่างก็ “หมดหวัง” กับตลาดหุ้นไทย นักลงทุนจำนวนมากทยอยขายหุ้น หลายคนเปลี่ยนไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ
ซึ่งตอนนี้สามารถทำได้ง่ายพอ ๆ กับการลงทุนในหุ้นไทยและไม่เสียภาษีกำไรจากหุ้นเช่นกัน โดยทำผ่านการซื้อ “DR” และกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่สำหรับผมและนักลงทุนอีกจำนวนมากที่ลงทุนระยะยาว ที่เป็นการลงทุน “เพื่อชีวิต” และชีวิตตอนนี้อยู่ได้อย่างสบายก็อาศัยเงินจากการลงทุนนั้น ผมจำเป็นต้องมีหุ้นไทย และจะต้องมีหุ้นไทยจำนวนพอเพียงที่จะใช้ชีวิตในระดับปัจจุบันและอนาคตโดยไม่ต้องวิตกกังวล คำถามก็คือ เราจะต้องมีหุ้นไทยแบบไหนที่จะทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีพอและปลอดภัยมากในระยะยาวไม่ว่าตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้
“สูตร” การลงทุนหุ้นที่จะ “เอาตัวรอด” ได้ในสถานการณ์แบบนี้ของตลาดหุ้นไทยของผมก็คือ “สูตรหุ้นรอด 5-5-5-5” ซึ่งผมคาดว่าน่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้อย่างน้อยปีละ 5% แบบทบต้นในระยะเวลา 5 ปี ข้างหน้าโดยที่มีความเสี่ยงต่ำ และแม้ว่าตลาดหุ้นโดยรวมจะไม่ดีในอีกหลายปีข้างหน้า พอร์ตหุ้นนี้ก็จะสามารถทนทานกับภาวะเลวร้ายได้ เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นที่เราเลือกมานั้น ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดโดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจไม่ดี มาดูกันว่ากลยุทธ์ของสูตรนี้คืออะไร
หมายเลข 5 ตัวแรกคือการเลือกหุ้นที่ปัจจุบันจ่ายปันผลตอบแทนอย่างน้อย 5% ต่อปีขึ้นไป ซึ่งเวลานี้ก็มีหุ้นแบบนี้อยู่จำนวนไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ควรจะดูว่าเป็นการจ่ายปันผล “ปกติ” คือเป็นการจ่ายจาก “กำไรปกติ” จากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา จะจ่ายปันผล 100% ของกำไรก็ได้ เพราะในกลยุทธ์การเลือกหุ้นของเรานั้น จะเน้นหุ้นที่มั่นคงแข็งแกร่ง มีเงินสดเหลือเฟือที่จะรับกับสถานการณ์เลวร้ายทางเศรษฐกิจได้
เลข 5 ตัวที่สองก็คือ หุ้นที่เราจะเลือกนั้น เราต้องคาดการณ์และมั่นใจว่า อีก 5 ปีข้างหน้า ปันผลที่เราจะได้รับนั้น ก็ยังไม่น้อยกว่า 5% จากราคาหุ้นที่เราซื้อได้ในวันนี้ ซึ่งนั่นอาจจะหมายความว่า
โฆษณา