Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
twilight12/2.1
•
ติดตาม
27 พ.ค. เวลา 11:34 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
บักเจมส์ เชิร์จเวิร์ด ลวงอะไรเราบนแผนที่โลกในศตวรรษที่19 ????(3.6)
ทวีปมู (Mu) หรือ รีมูเลีย (LeMUria) ก็เห็นพ้องต้องกันครับว่า อาณาจักรที่เก่าแก่ยืนนานที่สุดในโลกที่เป็นอารยธรรมของ"มนุษย์โลก"จริงๆนั้น คือ มู:ทวีปแห่งมารดรคือ นครอันตธานที่จมหายลงใต้ทะเลแปซิฟิกใต้เมื่อกว่า ๑๓,๐๐๐ ปี เราทั้งหลายได้รู้เรื่องราวจากจารึก นาอะคัล ที่ค้นพบในอินเดีย อันที่จริง จารึกแห่งนาอะคัลนี้ เขียนโดยสัญลักษณ์และอักขระนากา (Naga) จากตำนานกล่าวกันว่า
“เขียนขึ้นที่แผ่นดินมู จารึกนี้ ได้ถูกนำเข้ามาที่พม่าก่อน แล้วจึงนำมาที่อินเดีย มีอายุเก่าแก่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ปี”
จุดจบ คือจุดเริ่มต้น และ จุดเริ่มต้น ก็คือจุดจบ หลังจากจุดจบทวีปมูเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของอารยธรรมจุดต่าง ๆ ใน
โลกยุคหลังของผู้รอดจากภัยพิบัติ สายสัมพันธ์บรรพบุรุษ กำเนิดแม่น้ำคงคา
เริ่มต้นขอนำตำนานสำนวนหนึ่งของชาวอินเดียต่อแม่น้ำคงคา จากหนังสืออินเดีย แผ่นดินมหัศจรรย์ ผู้เขียนคือ คุณอรุณ เฉตตีย์ในอดีตนั้นมีฤาษีกปิละ ซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาหิมาลัย อยู่มาวันหนึ่งพวกโอรสของท้าวสักกะกษัตริย์แห่งอโยธยาออกตามม้าที่หายไป เมื่อมาพบม้ายืนอยู่ข้างพระฤาษี
ก็เลยยัวะ! ตะโกนด่าและแกล้งท่านต่าง ๆ นา ๆ จนท่านตบะแตก จ้องมองไปที่กลุ่มเจ้าชาย เกิดไฟเผาผลาญเจ้าชายกลายเป็นเถ้าถ่าน และสาปสำทับไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด จนกว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสกับแม่น้ำคงคา
ฤาษีกปิละใช้ตาไฟเผาผลาญโอรสของท้าวสักกะ บางตำราก็เรียกว่า “ท้าวสคระ”
มาท้าวภคีรส ผู้สืบเชื้อสายจากท้าวสักกะปฐมกษัตริย์ ซึ่งมีความเศร้าโศกเสียใจมากที่บรรพบุรุษของตนโดนสาปเช่นนั้น จึงบำเพ็ญตบะอย่างแรงกล้า เพื่อขอพรพระอิศวร (พระศิวะมหาเทพ)
ให้ช่วยวิงวอนแม่น้ำคงคาให้ไหลหลั่งลงมาสู่แผ่นดินเป็นการชำระบาปของผู้ที่ต้องคำสาป และแล้วพระแม่คงคาก็เห็นใจ ยอมหลั่งสายน้ำจากเขาไกรลาสลงสู่พื้นดิน เพื่อชำระอัฐิของพวกโอรสและมนุษย์ทั้งหลายให้พ้นมลทิน นี่คือ ตำนานกำเนิดสายน้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์สำนวนหนึ่ง
ภาษา สัญลักษณ์ รหัสวิทยา ภาษาโบราณ บันทึกของทวีปมู เริ่มจากดอกบัวเป็นตัวแทนของทวีปนี้เสมอ และทุกที่ในอาณาจักร และอาณาจักรลูก
ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันมานานประมาณ 50,000 – 30,000 ปีมาแล้ว บนทวีปมู หมายถึง อาณาจักรมู สื่อเป็นภาษาภาพของอาณาจักร รวมสัญลักษณ์ตราราชวงศ์ และบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น คือศาสนธรรมโบราณ
แผนที่โบราณ
ท่านฤาษีวาลมิกิ (Valmiki) นักปราชญ์ นักโบราณคดีของอินเดีย ผู้รจนารามายณะ หรือ รามเกียรติ์ ระหว่าง พ.ศ. ๑๐๐ – ๒๐๐ ท่านวาลมิกิผู้ได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากการอ่านบันทึกโบราณของวัด โดยนักบวชผู้สูงศักดิ์แห่งวัดริชี (Rishi) ที่เมืองอโยเดีย (Ayhodai) กล่าวถึงนักบวชนาอะคัลว่า “มาสู่พม่าจากแผ่นดินเกิดของพวกเขา ซึ่งอยู่ทางตะวันออก” จากนั้นเหล่านักบวชนาอะคัล (Naacal) นำความรู้วิทยาการต่าง ๆ ศาสนาโบราณ การบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์มาสู่มายา, ไอยคุปย์ (ตอนเหนือ), อารยัน
ชาวนากาแลนด์เผ่าหนึ่งที่มีมากกว่า 60 เผ่า
(ก่อนชาวอารยันเปลี่ยนชื่อเป็นวิษณุเทพ เมื่อครั้งลงมาอยู่ชมพูทวีป) นักบวชนาอะคัลดังกล่าวเข้าสู่อินเดีย และไอยคุปย์อาณาจักรตอนเหนือ โดยการเผยแพร่ศาสนาโบราณ และคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ และไอยคุปย์ (ตอนใต้) ในขณะที่ ซาอีร์ ปฏิบัติตามศาสนธรรมของโธท (Thoht) บูชาเทพโอซิริส ขณะเดียวกัน ชาวทวีปมูกลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ที่ยูคาตัง เม็กซิโก และสร้างวิหารพีระมิดขึ้นจารึกว่า
“เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่แผ่นดินตะวันตก ที่ซึ่งเราจากมา” รวมถึงพีระมิดแห่งเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเม็กซิโก ซิตี้ (Mexico City)
คำจารึกของพีระมิดกล่าวไว้ว่า “พีระมิดถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แด่การล่มสลายของแผ่นดินแห่งตะวันตก” ลักษณะวิหารพีระมิดที่เป็นอารยธรรมเมโสอเมริกา แถบทวีปอเมริกากลาง รวมทั้งบันทึกการล่มสลายของแผ่นดินทวีปมู ที่รู้จักกันว่าคือชนเผ่ามายา
ประโยชน์ส่วนหนึ่งของวิหารพีระมิด ใช้เพื่อนักบวชประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เพื่อบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์ รา, รามู เทพเจ้าสูงสุด และประเพณีต่างๆ ที่มาจากที่เดียวกัน
การนับถือเทพเจ้าดวงอาทิตย์เป็นสิ่งสูงสุดของชาวอารยัน, มายาในยูคาตัง, ไอยคุปย์โบราณ ล้วนมาจากมาตุภูมิที่เรียก รา-มู สัญลักษณ์ผู้สร้าง นารายาณะ พยานาค ๗ เศียร ความรู้เกี่ยวกับตำนานการสร้างโลก การกำเนิดจักรวาล และที่โมเสสถอดมาจากภาษาฮีโรกริฟริกในไอยคุปย์ ลงสู่คัมภีร์เอซรา (Ezra) แล้วแปลลงเป็นภาษาฮิบรู เป็นพันธสัญญาเก่า และพันธสัญญาใหม่ในบทการสร้างโลก (Genesis)
อ่านต่อได้ที่
https://board.postjung.com/650315
เรามาดูเวบบล้อกข่าวต่อมา ว่าเจมส์ เชิร์จเวิร์ดลวงสิ่งใดเราในแผนที่โลกของเขาในศตวรรษที่ 19??
http://pracob.blogspot.com/2012/02/nagaland-nagaland-nagaland.html?m=1
ย่อหน้าที่สามของบล้อกเกอร์ที่ชื่อคุณประคบนี้ บ่งบอกว่า ชาวรัฐนากาแลนด์ถูกคั่นด้วยประเทศบังคลาเทศ ทำให้รัฐดูโดดเด่น เพราะอยู่ห่างจากอินเดีย และนี่เองคงจะเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้พวกเขามีความรักอิสระเสรีภาพมาแต่ไหนแต่ไร และมีเรื่องระหองระแหงกับอินเดียมาโดยตลอดกระทั่งในปัจจุบัน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสหพันธรัฐแล้วก็ตาม
ย่อหน้าที่ห้า บ่งบอกและให้รายละเอียดว่า ที่รัฐนากาแลนด์มีฝูงงูชุกชุม เนื่องจากอยู่ในเขตมรสุมที่ชื้นครับ
ย่อหน้าที่หก บ่งบอกได้สามสิ่ง คือ1) ภาษานากาที่แปลว่า เปลือย เป็นของชาวรัฐอัสสัมในบริเวณอินเดีย ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งเป็นชนส่วนมากของประเทศ ความหมายของเขา มันแปลถึงสัตว์ที่ไม่มีเครื่องนุ่งห่มอาศัยจำพวกงูหรือตะกวด นั่นเอง
2) แต่ ชาวพม่าที่เป็นชาวนากา"ส่วนมาก" เชื่อว่าคำๆนี้ แปลว่า "คน"ที่เจาะรูหู ดูไปแล้ว คล้ายประโยคโกหก
3) สัตว์จำพวกงูหรือตะกวด สัตว์เลื้อยคลานประเภทต่างๆ มักชอบอาศัยกันอยู่ที่บริเวณแห้งแล้งบวกชื้นแฉะ อาจมีพวกนิบิรุส่วนนึงชอบและจึงไปปกครองที่นั่น บริเวณแถบเทือกเขาหิมาลัย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ที่นั่นมีสภาพอากาศแบบแห้งแล้งหนาวเย็น
ชาวนากาแลนด์ในงานประเพณีประจำปีของพวกเขา กำลังเต้นกันสนุกสนาน
ในย่อหน้าที่เจ็ดของคุณประคบนี้ มีลักษณะที่แปลกๆน่าสงสัย และขัดแย้งกับบล้อกก่อนหน้าอยู่มากครับ คือที่จำนวนตัวเลขประชากรของชนชาวรัฐนากาแลนด์ บล้อกของคุณประคบนี้ ในปี2013 มีจำนวนไม่ถึงสองล้านคนดีเลย แต่บล้อกของนักถ่ายภาพสารคดีก่อนหน้านี้ เป็นปี2008 มีประชากรชาวนากาตั้งสามล้าน มันเป็นไปได้อย่างไรกัน???ที่ปีเพิ่มขึ้น ประชากรของรัฐกลับลดลง ??วานนักข่าวสารทั้งหลายช่วยรบกวนตรวจสอบทีครับว่า
ในช่วงปี2012-2013 มีเหตุการ์ณภัยพิบัติใดบ้างเกิดขึ้นกับพวกเขา ??รึอาจจะก่อนนั้น ถึงปี2009ด้วยก็ได้ ผู้เขียนเองก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ รึว่าพวกเขาจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมประชากรของภาครัฐ ที่นโยบายเขามีมา อันนี้ผู้เขียนก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
แต่ผู้เขียนไปเจอที่เวบหนึ่งอย่างบังเอิญ เวบนั้นกล่าวว่าในปี 2010 ประชากรชนชาวนากาใกล้เคียงที่สองล้านคน ใกล้เคียงกับในปี 2013 อย่างมาก ไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว เป็นเพราะสงครามนั่นเองครับ ที่ทำให้พลเมืองของชาวนากาในรัฐนี้ลดจำนวนลง
ในย่อหน้าที่เก้า มีความน่าสนใจยิ่ง เมื่อชาวอังกฤษได้คืบคลานมาสู่อินเดีย ที่น่าสนใจมากๆคือการรวมรัฐอัสสัมเข้ากับรัฐนากาแลนด์ เพราะเหตุอันใดจึงได้รวมเข้ามา ทั้งๆที่เป็นรัฐที่อยู่ในอินเดียคนละศาสนา ??? ทำให้พลเมืองชาวนากาจำนวนหนึ่งหลั่งไหลทะลักไปอยู่อัสสัมด้วยในการ์ณนี้
ผู้เขียนสันนิษฐานว่า อัสสัม = Assam คือเดาว่าในความคิดของคนอังกฤษ คงคิดว่า รัฐอัสสัม ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร A เหมือนกับอาณาจักรแอตแลนติสเลย และก็คงทึกทักเอาเองว่า เมื่อแอตแลนติสล่มสลายลง มีประชากรที่เหลือรอดชีวิตส่วนหนึ่ง ได้ลี้ภัยมาอยู่ที่อินเดียนี้แน่ๆ ความคิดนี้ผิดครับ ไม่ใช่เป็นดั่งนั้น
แม้ว่าจะมีรากของชาวนิบิรุ อนันนูกิเหมือนๆกัน แต่อารยธรรมอินเดียนั้นมีความเก่าแก่มากพอๆกับอาณาจักรแอตแลนติสเลย หรือบางทีอาจจะมีความโบราณมากกว่าด้วยซ้ำ อังกฤษเอามารวมแบบนี้อาจจะถือวิสาสะเกินไป
แต่ก็เห็นใจพวกเค้านะครับ (กิเลสของพวกล่าอาณานิคมสมัยนั้น) พอทหารชาวอังกฤษคนไหนมาเห็นป้าย Naga land เห็นภูเขา Naga hill แถมยังมาเห็นประชากรชาวนากาเน้นเปลือยกันเต็มหมู่บ้านแบบนั้น พวกเขาก็ต้องร้องอุทานว่า
"Oh !!! Naked "แบบนี้กันทุกคนแน่ๆ มันไปตรงกับภาษาอังกฤษที่เขาร่ำเรียนกันมาพอดีเลย เค้าก็ต้องคิดว่านี่เป็นของๆเค้า เค้าก็ต้องหาวิธีไปยึดครอง ไปเอามาเป็นเจ้าของในอุ้งมือให้ได้ อันนี้ก็น่าเข้าใจเค้าอยู่นะครับ
ไอ้เรื่องภาษาที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดนี่ ผู้เขียนก็เคยสัญญามาครั้งหนึ่งแล้วกับคนอ่านแล้วว่า เดวจะมาขยายความให้ฟัง ผู้เขียนต้องมาเขียนให้ได้ ไม่งั้นคงงงกันตาย
แต่ตอนนี้ ก็ระมัดระวังกันหน่อยนะครับ ดูๆว่าที่บ้านเรามีนักพลังจิตท่านไหน ที่มีชื่อแทรกด้วยอักษร N หรือแปลความหมายว่า งู รึพญานาคอะไรบ้างรึเปล่า ???และมีเยอะมากพอที่อังกฤษจะโมเมทึกทักเอาว่านี่มันเป็นของๆเค้ารึเปล่า ??????
พวกเค้าไม่ยึดตวนแสงเลย แต่ไพล่ไปรวมอัสสัมเข้ากับรัฐนากาแลนด์แทน คงเพราะคิดว่า พื้นที่ดังกล่าว คล้ายกับพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้ากระมัง ? (สังเกต ตวนแสง = Tuansang มีตัวทีด้วย คล้ายกับไม้กางเขนของพระเจ้าเลย)
ในย่อหน้าที่เก้าของคุณประคบ ทำให้เราทราบว่า ชาวอังกฤษเข้ามายึดครองอินเดียตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งแล้ว เรื่อยมาจนกระทั่งถึงสงครามโลกครั้งที่สองเลย จนกระทั่งสิ้นสุดสงคราม พวกเขาได้เกณฑ์แรงงานชาวนากาจำนวนหลายร้อยคน ไปทำงานโรงแรมที่ฝรั่งเศษ เพื่อนฝ่ายสัมพันธมิตรด้วยกัน ตั้งแต่ก่อนปี1918 โน่น (ทำให้ทราบว่า พวกเขาคลั่งและสนใจคำว่า Naga กับ Naked มากแค่ไหน)
เออร์ซูล่า แห่งหน่วย V Force ฝ่ายนากา ได้เข้าพิธีแต่งงานสมใจคุณแม่ของเธอล่ะ กับนายพลโทท่านนึงชื่อพลโทเฟรดดอริก นิโคลสัน เบทส์ของฝ่ายอัสสัม แบบนี้เอง ที่เราเรียกกันว่า ศึกรบศึกรัก
พอพวกเขากลับมายังมาตุภูมิอีกครั้ง ก็ฝังความคิดชาตินิยมขึ้นมาในหัวสมองทันที เป็นชาติไหนในโลกก็ต้องมีความคิดนี้กันทั้งนั้น อย่างนี้มันมีลักษณะการหมิ่นเชื้อชาติแฝงเร้นอยู่ พวกเขาได้รวมตัวกันเพื่อจะก่อตั้ง ขบวนการนาคารักชาติ เนื่องจากดีเอนเอของพวกเขาทุกคน มีความรักเสรีภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ และยังไปขอความช่วยเหลือจากญี่ปุ่นด้วย
ในย่อหน้าที่สิบ ทำให้เราทราบถึงสาเหตุการผนวกเอารัฐอัสสัมเข้าไปในรัฐนากาแลนด์ด้วยในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งอังกฤษยังไม่ไปไหนจากอินเดีย เป็นสาเหตุที่แน่ชัดก็คือ การพยามผลักไสให้ชาวนากาจำนวนหนึ่ง ที่มีเชื้อสายนิบิรุ อนันนูกิเหมือนกับชาวอารยันส่วนใหญ่ในอินเดีย และนับถือพราหมณ์-ฮินดู (และแน่นอนว่าเหมือนกับพวกเขาด้วย) ที่เป็นชนส่วนมากในอินเดีย เอาไปรวมให้ไปอยู่ด้วยกัน เป็นเหตุผลในเรื่องของการเมืองครับ
พวกเขามีความโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ใดมา ก็ถูกพวกอารยันดูหมิ่นศักดิ์ศรีและเหยียดหยามอยู่บ่อยๆแล้ว เมื่อถูกเอาไปรวมแบบนี้ พวกเขาก็มีการประท้วงด้วยวิธีต่างๆนานา ตั้งแต่ระดับเบา ไปจนกระทั่งรุนแรงขึ้นๆ พวกเขามีความรักอิสระเสรีกันอยู่แล้ว เรื่องอะไร จะยินยอมให้ใครมาหมิ่นศักดิ์ศรี แม้กระทั่งอังกฤษก็เถอะน่า
ย่อหน้าที่สิบเอ็ด ทำให้เราทราบเกี่ยวกับกฏหมายของชนชั้นปกครองของอินเดียขณะนั้นๆ แม้เขาจะยินยอมให้พวกนากาตั้งสมาพันธ์รัฐนากาแลนด์ได้สำเร็จสมดั่งความตั้งใจและความพยายามของพวกเขามาหลายๆปี แต่ก็ยังบลัฟกันทางศาสนา(พราหมณ์กับพุทธ)ด้วยปีพ.ศ. คือในราวๆปี พ.ศ.2506
นอกจากนี้ เลขของวัน และเดือน ก็ตรงกับลำดับของดาวนิบิรุเลย คือผลรวมจะเป็นสิบสอง อันนี้พวกชนชั้นปกครองพราหมณ์-ฮินดู เค้าออกกฏหมายมานะครับ อาจจะมีอังกฤษเบื้องหลังด้วยก็ได้ เพราะพวกเขาก็อาจจะไม่ชอบที่จะแยกนากาแลนด์ออกจากอัสสัมและอินเดียมากนัก เขาได้ตั้งเมืองโคหิมเป็นเมืองหลวงของพวกเขาด้วยนะ
ในย่อหน้าที่สิบสองของคุณประคบ ทำให้เราทราบถึงเรื่องของศาสนา ในภายหลังที่อังกฤษเข้ามายึดดินแดนแล้ว ก็ทำให้ชาวนากาในรัฐนากาแลนด์ หันมานับถือคริสต์ศาสนามากถึง 90% และเมินเฉยศาสนาฮินดูของอินเดียส่วนใหญ่ ที่เขานับถือกันส่วนมากในอินเดียแผ่นดินใหญ่ นับถือเพียง 7.7%เท่านั้นครับ (พวกเขาคงไม่รู้นะครับจนกระทั่งบัดนี้ ว่ามันก็คือนิบิรุเหมือนๆกันน่ะล่ะ พราหมณ์กับคริสต์ ไม่ต่างกันมาก)พวกเขาใช้อังกฤษเป็นภาษาทางราชการด้วยในปี 1967
" Naked!!!" เป็นอังกฤษท่านไหน ก็ต้องอุทานกันแบบนี้ทั้งนั้นล่ะเมื่อมาเจอครับ ก็ต้องเห็นใจ เพราะเค้าก็คิดว่านี่มันของๆพวกเขา
บล้อกของคุณประคบมีเนื้อหาที่น่าสนใจและให้รายละเอียดค่อนข้างระดับดีครับเกี่ยวกับนากา แต่ให้รายละเอียดเยอะ มันก็ยาวเฟื้อยไป ทำให้ไม่น่าอ่าน ขอจบที่ย่อหน้านี้ละกันครับ
ย่อหน้าที่สิบสาม ทำให้เราทราบว่าที่รัฐอัสสัม มีหุบเขาที่ชื่อพราหมณ์บุตรด้วย ซึ่งก่อเกิดแม่น้ำไหลออกจากหุบเขานี้สายหนึ่ง และก็ทำให้ทราบว่า ที่อินเดียอัสสัม พราหมณ์-ฮินดูเค้าปกครองพลเมืองอยู่ แม้ว่ารัฐอัสสัมจะถูกผนวกโดยอังกฤษ ให้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐนากาแลนด์แล้วก็ตามครับ
ขอขอบพระคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
https://postjung.com/tag/%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A1%E0%B8%B9
http://pracob.blogspot.com/2012/02/nagaland-nagaland-nagaland.html?m=1
https://picpost.postjung.com/136099.html
ประวัติศาสตร์
วิทยาศาสตร์
วิทยาการ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย