27 พ.ค. เวลา 13:34 • ความคิดเห็น

Tony Fernandes’s Tuck Box

โทนี่ เฟอร์นานเดส (Tony Fernandes) นักธุรกิจในตำนานผู้สร้างสายการบินแอร์เอเชียจากศูนย์ ศูนย์ทั้งไม่มีสตางค์และไม่มีประสบการณ์เพราะทำงานในวงการดนตรี ไม่เคยรู้เรื่องแอร์ไลน์
โทนี่เพิ่งมาเยือนที่ HOW Club โทนี่เป็นนักธุรกิจที่มีเสน่ห์ มีอารมณ์ขัน มีความกล้าคิดต่างและใช้ความฝันนำทางมากๆ เป็น session ที่ดีที่สุดในปีนี้ของผมเลย
ยิ่งได้คุณกระทิง พูนผลมาสัมภาษณ์ด้วย ยิ่งออกรสจนโทนี่เอ่ยปากว่าคำถามและการถามของกระทิงคือดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลยทีเดียว
โทนี่เกิดมาในครอบครัวชาวอินเดียที่มาเลเซีย ทั้งบ้านอยากให้เขาเป็นหมอถึงขนาดเกิดมาก็มีหูฟังหมอมาแขวนคอ ตุ๊กตาที่เล่นก็เป็นตุ๊กตาหมอ โทนี่ถูกส่งไปเรียนประจำที่อังกฤษในวัยสิบสองปี เขาเล่าว่าโรงเรียนประจำที่อังกฤษนั้น เวลาไปถึง นักเรียนทุกคนจะได้หีบประจำตัวที่เรียกว่า Tuck Box ไว้ใส่ของใช้ประจำตัว มีล็อคป้องกันการขโมย โทนี่ก็ใส่ขนม ใส่อะไรสารพัดตามประสาเด็ก และติดสติ๊กเกอร์ในกล่องอยู่หลายใบ พอจบการศึกษาก็ลืมๆทิ้งไว้ที่โรงเรียน
สามสิบปีต่อมา มีคนส่ง tuck box นั้นมาให้เขา พอโทนี่เปิดกล่อง ความทรงจำกับความฝันของเด็กวัยเยาว์ก็โผล่ขึ้นมา นอกจากของเก่าๆที่ถูกเก็บไว้
ตรงฝาข้างในมีสติ๊กเกอร์สี่ใบและเทปคาสเส็ทสองม้วนวางอยู่ข้างใน…
Always grab you chance whatever you can get
1
โทนี่เรียนจบด้วยคะแนนที่ไม่ดี ไม่มีทางเป็นหมอได้ ช่วงหนึ่งของชีวิตก็เลยไปตระเวนใช้ชีวิตในสหรัฐ เป็นเด็กชายหน้าอินเดียแต่พูดสำเนียงอังกฤษ เล่นดนตรีพอใช้ได้ รับจ้างหางานทั่วไป ตระเวนตั้งแต่เหนือจรดใต้ เคยเป็นนักเปียโนประจำสนาม red sox ด้วย ทำมันทุกอย่างแต่ไม่มีอะไรที่สำเร็จเลย หลังจากนั้นพ่อเลยส่งไปเรียนบัญชีซึ่งโทนี่เกลียดมาก
โทนี่ทำงานบัญชีได้แค่หกเดือนก็รู้ว่าไม่ใช่ชีวิตที่ต้องการ ลาออกแล้วอยากทำงานวงการเพลง ยื่นใบสมัครไปทุกบริษัท ไม่มีบริษัทไหนตอบรับ มีแค่ virgin record เรียกไปสัมภาษณ์แต่ก็ไม่รับ ตอนออกจากบริษัท เดินสวนกับริชาร์ด แบรนสันโดยบังเอิญ โทนี่ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสอันน้อยนิดหลุดลอย เข้าไปทักและชวนริชาร์ดคุย คุยจนถูกคอ ริชารด์เลยให้งานทำที่ virgin record
หลังจากนั้นก็ไปเป็นนักบัญชีอยู่ที่บริษัท warner โทนี่ไม่ชอบ report ที่ทำอยู่และคิดว่าทำได้ดีกว่านั้นแต่หัวหน้าไม่ให้ทำเพราะบอกว่ามันทำแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่โทนี่ดื้อไปแอบทำ report แบบใหม่และคิดว่าถ้าไม่ทำก็ไม่อยู่ดีกว่า ปรากฏว่า chairman บริษัทเห็นแล้วชอบมาก คิดว่าโทนี่มีไอเดีย มีความคิดสร้างสรรค์ ก็เลยชวนให้เปลี่ยนงานจากนักบัญชีมาอยู่ฝ่าย creative แล้วจะส่งมาเป็น GM ที่มาเลเซีย โทนี่ตอบตกลงทันที ไม่ถามด้วยว่าเงินเดือนเท่าไหร่
Always grab your chance โทนี่บอกไว้แบบนั้น..
1
If you don’t try, you don’t know
2
โทนี่ทำงานได้ดี มีไอเดียใหม่ๆจนรายได้ของบริษัทโตขึ้นมาสามเท่า แต่ก็ตัดสินใจลาออกตอน time warner รวมกับ AOL เพราะไม่เชื่อในวิสัยทัศน์ของบริษัท ตอนตกงานอยู่นั่งดูทีวีอยู่อังกฤษแล้วเห็น easyjet เป็น low cost airlines ก็เลยอยากทำบ้างโดยไม่มีทั้งสตางค์และไม่มีความรู้ใดๆด้านสายการบิน
แต่ก็บอกว่า “ถ้าไม่ลอง เราก็ไม่มีทางรู้ได้เลย”
และหลังจากนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานของชายผู้ที่จำนองบ้านและไปขอซื้อสายการบินหนี้สินล้นพ้นตัวของรัฐบาลในราคาหนึ่งริงกิต แล้วสร้างสายการบินนั้นจนกลายเป็นแอร์เอเชียในปัจจุบัน
เขาบอกว่า เขาไม่มีความรู้เรื่องสายการบินใดๆ ตอนหลังๆก็มาทำอีกหลายเรื่องที่ไม่มีความรู้มาก่อน แต่ถ้า “ put you mind into it” อะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ
1
Comfortable to take risk
โทนี่แอบเล่าความลับให้ฟังหนึ่งเรื่องที่ไม่ค่อยเล่าให้ใครฟัง ตอนที่มีเครื่องบินสิบลำ ยังไม่ใหญ่มากแต่ก็มีความฝันที่จะเป็นสายการบินแห่งภูมิภาค มีวันหนึ่งเขาให้สัมภาษณ์กับ CNN หลังจากนั้นมีโทรศัพท์สำเนียงไทยโทรหาเขา ปลายสายบอกชื่อว่าทักษิณ ชินวัตร เขาไม่เชื่อเลยวางสายไป ซักพักก็โทรมาอีก พอได้คุยกันทางปลายสายบอกว่าได้ดู CNN และสนใจเรื่อง low cost airlines โทนี่เลยบินมาเมืองไทย ยังเป็นบริษัทเล็กๆ ในสมัยนั้น
มาถึงก็ได้พบกับผู้บริหารระดับสูง พอเล่าถึงไอเดียและ business model ทางชินคอร์ปก็สนใจร่วมลงทุน และถามว่าซีอีโอที่ไทยคือใครอยากเจอหน้า
โทนี่ในตอนนั้นก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพราะยังไม่มีบริษัทอะไรในไทยทั้งสิ้น ก็เลยโทรไปหาพี่โจ ทศพลที่เป็นเพื่อนกันและทำงานอยู่ที่วอร์เนอร์ และบอกว่าให้มาเฉยๆ พยักหน้าอย่างเดียวพอ พี่โจผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรก็มาพยักหน้า
หลังจากนั้นทางชินคอร์ปก็ตัดสินใจลงทุน โทนี่เลยบอกพี่โจผู้ที่ยังงงๆอยู่ว่าให้ลาออกแล้วมาเริ่มต้นได้เลย เป็นจุดกำเนิดของไทยแอร์เอเชียตั้งแต่นั้นมา
Airasia ‘s Secret sauce
โทนี่บอกว่าฝ่ายแรกที่เขาตั้งคือ Culture department และเปลี่ยนฝ่ายเดิมของ HR ที่เหมือนตำรวจ คอยจับผิดพนักงานให้เป็น people department ให้ใส่ใจความเป็นอยู่และความรู้สึกของพนักงาน ที่แอร์เอเชียนั้นทำงานด้วยความสนุก ความสุข ไม่มีเจ้ายศเจ้าอย่าง โทนี่เองจงใจแต่งตัวให้แย่ๆในช่วงแรกด้วยซ้ำ เขาบอกว่าการแต่งตัวแย่กว่าพนักงาน จะทำให้พนักงานไม่กลัว และกล้ามาคุยกับเขา
โทนี่สร้าง culture ที่ฉลองมันทุกรูปแบบ อยู่กันแบบดูแลกัน ที่แอร์เอเชียเลยไม่มียูเนี่ยน ไม่เคยมีประท้วงใดๆเลย ถ้าพนักงานมีความสุข เขาจะทำงานทุ่มเทให้กับเราเอง
โทนี่บอกว่าหน้าที่ของผู้นำคือเจียระไนเพชรในตมให้เป็นเพชรที่งดงาม ต้องสร้างบรรยากาศให้คนได้ร่วมกันคิด ไม่ใช่แค่ผู้บริหารระดับสูงไม่กี่คน ให้คนกล้าลองทำอะไรใหม่ๆ และผิดพลาดได้ และนี่คือเคล็ดลับของแอร์เอเชียที่ทำให้เติบโตขึ้นมาอย่างมั่นคง
1
Leadership in crisis
วิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดของแอร์เอเชียคือตอนเครื่องบินหายสาบสูญที่อินโดนีเซีย แทบทุกคนในบริษัทรวมถึงนักกฏหมายบอกว่าโทนี่อย่าไปอินโดเพราะไม่รู้ว่าเกิดสถานการณ์อะไรที่ควบคุมไม่ได้หรือไม่ แต่โทนี่คิดว่าการเป็นผู้นำนั้นไม่ใช่แค่เฉพาะ good time แต่ต้องเป็นตอน bad time ด้วย โทนี่ก็เลยบินไปที่สุราบายา
โทนี่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆแต่ตรงไปหาครอบครัวผู้สูญเสียเลย ไปหาทุกครอบครัว ให้เบอร์โทรทุกคน ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่นักกฏหมายหรือนักประชาสัมพันธ์แนะนำ และอยู่ตรงนั้น แก้ปัญหาอย่างสุดความสามารถ โทนี่บอกว่าในสถานการณ์แบบนั้น ความจริงใจ (honesty) และ ความโปร่งใส (transparency) สำคัญที่สุด พอเรื่องร้ายผ่านไป ชื่อเสียงของโทนี่ก็ได้รับการยอมรับอย่างมากที่อินโดนีเซียถึงการลงแก้วิกฤติด้วยตัวเองในครั้งนั้น
หลังจากนั้น ไม่ว่าจะมีวิกฤติอะไร สายการบินไหนหยุดบินเช่นช่วยระเบิดที่บาหลี แอร์เอเชียไม่เคยหยุด แถมหลายครั้งยังแจกตั๋วฟรีเช่นตอนบาหลี ให้คนกลับไปเที่ยวอีกด้วย เป็นการช่วยชุมชนที่เกิดวิกฤติไปด้วยซ้ำ
โทนี่บอกว่า เวลามีเรื่องร้าย อย่าโทษใคร เพราะ everything is your fault …as leader
Crisis happens but there’s always silver-lining
โทนี่บอกว่า ไม่ว่าจะมีวิกฤติหนักแค่ไหน ฟ้าหลังฝนก็จะสดใสเสมอ แม้แต่วิกฤติหนักที่สุดของแอร์เอเชียในช่วงโควิดที่รายได้หายไปหมด ต้องเลี้ยงพนักงานนับหมื่นอยู่เป็นปี ขาดทุนหนักมากแต่โทนี่ก็เชื่อเสมอว่าจะต้องรอด โทนี่บอกว่า never give up และให้ surround yourself with good people แล้วเดี๋ยวก็จะเห็นทางออกเอง
สถานการณ์ที่บินไม่ได้แบบนั้น บีบให้แอร์เอเชียต้องไปเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ต้องไปกู้หนี้ยืมสินด้วยดอกเบี้ยสูงถึง 17% ในช่วงนั้น แต่ก็สร้างธุรกิจใหม่ได้หลายธุรกิจ ตั้งแต่การสร้างบริษัทวิศวกรรมที่ดูแลเรื่อง efficiency ของสายการบินโดยใช้เทคนิควิศวกรรมและ data science ปฏิวัติวงการจนตอนนี้มีมูลค่าบริษัทเกือบพันล้านเหรียญ
ช่วงที่ขนผู้โดยสารไม่ได้ก็เลยไปทำ cargo ส่งของและค้นพบ business model ใหม่ที่ไม่มีใครทำคือบินตรงเข้าเมืองเล็กเมืองน้อยโดยไม่ผ่านเมืองใหญ่ทั้งในจีนและเอเชียเลยกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วตาม e commerce ที่บูมมากๆตั้งแต่นั้น ทำ teleport next day ช่วยนักธุรกิจ ecommerce รุ่นใหม่ๆในราคาประหยัดจนตอนนี้ธุรกิจคาร์โก้แซงสิงคโปร์แอร์ไลน์ไปแล้วเช่นกัน
ท้ายสุด โทนี่ตัดสินใจ disrupt ธุรกิจตัวเองด้วยการเอาเว็บไซด์ที่จองได้เฉพาะแอร์เอเชียเหมือนสายการบินอื่น เปลี่ยนให้เป็น Online Travel Agency (OTA) ในชื่อ airasia move ที่จองสายการบินไหนก็ได้เพื่อแข่งกับคู่แข่ง OTA ระดับโลก ซึ่งโทนี่บอกว่ายากมากๆในการเปลี่ยนวิธีคิดของทีมงานข้างในที่ต้องเอาเวบตัวเองมาขายตั๋วคู่แข่ง แต่โทนี่บอกว่าถ้าไม่ทำ ต่อไปก็เสร็จ OTA Platform หมด
โทนี่บอกว่าถ้าเราไม่ reinvent ตัวเองให้ทันก็จะอยู่ไม่ได้จากบทเรียนบริษัทที่ถูก disrupt ในอดีตที่มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย
Character of leaders
โทนี่เล่าถึงคาแรกเตอร์ของคนเก่งที่โทนี่ชอบว่ามีคุณลักษณะที่สำคัญอยู่หลายประการ ประการแรกต้องเป็นคนที่สื่อสารได้ดี (great communication) ถ้าไม่รู้ก็จะถามไปเรื่อยจนพบทางออกเอง ประการที่สองก็คือต้องเป็นคนที่ humble ถ่อมตัว ไม่หยิ่ง ไม่หลงตัวเอง มีความเป็นมิตร เป็นคนที่ทุกคนอยากเข้าหา
และประการสุดท้ายที่สำคัญมากๆก็คือต้องทำงานหนัก ไม่มีทางลัดในชีวิตไม่ว่าเรื่องอะไร และแถมโบนัสก็คือต้องเป็นคนที่สนุก รู้จัก have fun ด้วย
Leadership lesson
โทนี่บอกว่าผู้นำที่เก่งๆหลายคนอยู่นานเกินไป ต้องรู้จักจังหวะที่จะก้าวลงในเวลาที่เหมาะสม ให้คนเก่งคนใหม่เข้ามาทำงานต่อ และถ้าเราออกไปแล้วคนใหม่มาทำพังก็ต้องโทษว่าเป็นความผิดของเราด้วยที่เลือกและเทรนคนที่มาแทนไม่ดี โทนี่บอกบอร์ดไปแล้วว่าอีก 5 ปีจะวางมือและอยู่ในช่วงสร้างและเริ่มเตรียมผู้บริหารรุ่นใหม่ทีเก่งๆเข้ามาแทนที่เขาแล้ว
ในกล่อง Tuck Box ที่มีคนส่งมาให้หลังจากโทนี่ออกจากโรงเรียนประจำสามสิบปีนั้น ข้างในมีของกินของใช้ที่พาความทรงจำดีๆกลับมาจนโทนี่บอกว่าน้ำตารื้น ที่สำคัญคือ บนฝาในกล่องนั้นมีสติ๊กเกอร์อยู่สามใบและเทปสองม้วนที่บอกความฝันของเด็กชายโทนี่ในสมัยนั้นไว้
สติ๊กเกอร์ใบแรกคือรูปรถแข่ง F1 ใบที่สองคือสติ๊กเกอร์ทีมฟุตบอลเวสต์แฮม และใบที่สามคือสติ๊กเกอร์สายการบินแควนตัสที่โทนี่ใฝ่ฝันจะบินเพราะสมัยนั้นตามคุณแม่ไปสนามบินและได้เห็นคนมีความสุขเวลาจะได้เดินทาง
ใน tuck box นั้นก็ยังมีเทปคาสเส็ทสองม้วน ม้วนหนึ่งของ abba เป็นความชอบเพลงของเด็กชายโทนี่ในตอนนั้น
โทนี่บอกว่าเขาได้ทำความฝันของเด็กชายโทนี่ทั้งหมดแล้ว จะสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างแต่ก็ได้ทำมันหมด ได้เป็นเจ้าของ F1 เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลอังกฤษซึ่งไม่ได้ประสบความสำเร็จนัก ได้เป็นเจ้าของสายการบินและได้อยู่ในวงการเพลงมาอย่างยาวนาน
ทำมันหมดแล้วจริงๆ…
โทนี่เล่าถึงความฝันหลังจากเกษียณที่ airasia ว่าเขาอยากจะทำโรงพยาบาล low cost ที่มีราคาไม่แพง ให้ชาวบ้านเข้าถึงได้ง่ายๆโดยได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อที่เป็นหมอ และก็ได้เริ่มโครงการทำเรื่องการศึกษาที่ราคาถูกไปแล้วอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นความฝันที่อยากทำให้ใหญ่ อยาก disrupt วงการสาธารณสุขและการศึกษาเหมือนที่่เขาเคยทำได้ที่วงการสายการบิน ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ได้มีโอกาสบินได้
แต่เขาก็บอกว่าต่อให้ถูกรถบัสชนตายพรุ่งนี้ก็จะไม่เสียดายเพราะ “I already live my life”
สติ๊กเกอร์ทั้งสามใบและเทปสองตลับที่เป็นความฝันของเด็กชายโทนี่ในวัยเด็ก เป็นพยานถึงชีวิตที่ได้ทำครบถ้วนตามที่ฝันไว้แล้ว….
โฆษณา