28 พ.ค. เวลา 04:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จาก 'ผู้ปล่อยกู้' สู่ 'ผู้ทวงหนี้' ปีนี้ทั่วโลกจะคืนเงินกู้จีนกว่า 1 ล้านล้านบาท

จากบทบาท 'ผู้ปล่อยกู้รายใหญ่' ภายใต้โครงการ Belt and Road 'จีน' จะเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ทวงหนี้ โดยปีนี้จะมีการชำระหนี้คืนจีนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์
สถาบันคลังสมองในออสเตรเลีย Lowy Institute เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ในปี 2568 นี้ กลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกจะต้องชำระหนี้คืนจีนเป็นจำนวนสูงสุดทุบสถิติใหม่ จากที่จีนขยายการปล่อยสินเชื่อครั้งใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงพีกสุดของโครงการ "ข้อริเริ่มสายแถบ และเส้นทาง" Belt and Road Initiative (BRI) หรือชื่อเดิมว่า "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ของปักกิ่ง
ภายใต้โครงการดังกล่าวที่เปิดตัวโดยประธานาธิบดีจีนสี จิ้นผิง ในปี 2013 รัฐบาลปักกิ่งได้เดินหน้าปล่อยเงินกู้หลายพันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ขณะเดียวกันก็แสวงหาการสร้างการค้า และขยายอิทธิพลในประเทศเหล่านี้ด้วย
1
ในปีนี้ ประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ จะต้องชำระหนี้คืนจีนทั้งหมดราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (กว่า 1.1 ล้านล้านบาท) ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดและเปราะบางที่สุด 75 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นวงเงินราว 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 7.2 แสนล้านบาท) ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และการศึกษาในประเทศเหล่านี้อาจตกอยู่ในความเสี่ยง
“ตลอดช่วงที่เหลือของทศวรรษนี้ จีนจะเป็นผู้ทวงหนี้มากกว่าจะเป็นธนาคารผู้ปล่อยกู้ให้กับซีกโลกกำลังพัฒนา” ไรลีย์ ดุ๊ก ผู้เขียนรายงานดังกล่าวระบุ
ในประเทศกำลังพัฒนา 54 ประเทศนั้น การชำระหนี้คืนจีนจะสูงกว่ายอดการชำระหนี้รวมกันให้กับกลุ่ม "Paris Club" ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ปล่อยกู้เก่าแก่ที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศในตะวันตก
รายงานดังกล่าวระบุด้วยว่า “ในขณะที่ปักกิ่งเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้เรียกเก็บหนี้ รัฐบาลตะวันตกยังคงมุ่งเน้นเรื่องภายในประเทศของตนเอง โดยมีการให้ความช่วยเหลือ และการสนับสนุนแบบพหุภาคีลดน้อยลง” พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงของการพัฒนาที่ถดถอย และความไร้เสถียรภาพในโลก
โฆษณา