Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
29 พ.ค. เวลา 11:24 • ประวัติศาสตร์
หรือว่าคริสตจักรคาทอลิกคือสาเหตุที่ทำให้ยุโรปไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่ง?
การสิ้นพระชนม์และการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ เป็นหนึ่งในข่าวใหญ่ที่โด่งดังไปทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา และนับเป็นข่าวใหญ่ของคริสตจักรคาทอลิก
ที่ผ่านมาหลายร้อยปี คริสตจักรคาทอลิกคือหนึ่งในสถาบันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยที่ผ่านมา คริสตจักรคาทอลิกมักจะถูกโจมตีว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ค่อยมีใครจดจำว่ามีบทบาทในการรักษามรดกโบราณ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นรากฐานของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
แต่อีกข้อหนึ่งที่เริ่มมีคนตั้งคำถามและโจมตีก็คือ
“คริสตจักรคาทอลิกคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยุโรปไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งได้หรือไม่?”
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
จากข้อมูลนั้น กล่าวว่า “ทฤษฎีนิยมสงคราม(bellicist theory)” ซึ่งเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่ถูกกล่าวถึง ได้ระบุว่า การแตกแยกของยุโรปได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิแครอลิงเจียนในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 และรัฐสมัยใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นราวกับว่าเป็นผลลัพธ์จากสงครามในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 16-18
สงครามเหล่านี้ ทำให้เกิดความจำเป็นในการสร้างระบบราชการที่เข้มแข็ง ระบบภาษีและกองทัพ และในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ศูนย์อำนาจที่แข็งแกร่งทำการผนวกแคว้นเล็กแคว้นน้อยเข้าไว้ด้วยกัน โดยหนึ่งในบิดาแห่งทฤษฎีนี้ “ชาร์ลส์ ทิลลี่ (Charles Tilly)” นักสังคมวิทยาชาวอเมริกัน ได้สรุปไว้สั้น ๆ ว่า
“สงครามสร้างรัฐ และรัฐก็สร้างสงคราม”
ชาร์ลส์ ทิลลี่ (Charles Tilly)
แต่หากมองให้ลึกลงไป จะพบว่าหลายสิ่งหลายอย่างดูไม่สอดคล้องไม่สมเหตุสมผล
ข้อแรก ยุโรปยังคงแตกแยกจนถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ทั้งที่รัฐควรจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วตามทฤษฎี
ข้อที่สอง สถาบันสำคัญ เช่น รัฐสภา ระบบภาษี และการบริหารแบบรวมศูนย์ ล้วนถือกำเนิดขึ้นในช่วงก่อนยุคของสงครามใหญ่ และที่สำคัญ สงครามไม่ได้เสริมความแข็งแกร่งให้รัฐเสมอไป ส่วนใหญ่มักจะทำลายด้วยซ้ำ ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับฝรั่งเศสและโปแลนด์ในสมัยศตวรรษที่ 18
คำถามสำคัญก็คือ “แล้วความแตกแยกของยุโรปนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อใด?“ เยอรมนีและอิตาลีก็ได้แตกแยกในศตวรรษที่ 12 และนั่นเองคือช่วงเวลาที่คริสตจักรคาทอลิกเริ่มมีบทบาทอย่างโดดเด่น
คริสตจักรเรืองอำนาจได้อย่างไร?
เกิดอะไรขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 12?
ในเวลานั้น คริสตจักรเริ่มมีความเป็นอิสระมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้น ผู้ปกครองฆราวาสในท้องถิ่นเป็นผู้สร้างโบสถ์ แต่งตั้งนักบวช และรับรายได้และผลประโยชน์จากที่ดินของคริสตจักร แม้แต่องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ก็เคยแต่งตั้งพระสันตะปาปา
อันที่จริง คริสตจักรเพิ่งเริ่มได้อำนาจอิสระช่วงหลังปี 1059 (พ.ศ.1602) โดยเฉพาะในสมัยของ “พระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 (Pope Gregory VII)” เมื่อการเลือกพระสันตะปาปาเริ่มตกอยู่ในอำนาจของคณะพระคาร์ดินัล
พระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 (Pope Gregory VII)
การต่อสู้อันยาวนานเพื่อสิทธิในการแต่งตั้งบิชอป ซึ่งรวมถึงความขัดแย้งทางการทหารหลายครั้ง การตัดขาดจากศาสนา และการเจรจาต่อรองมากมาย ได้สิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงในการรับรองสิทธิของพระสันตะปาปาในการแต่งตั้งบิชอปตามดุลยพินิจของพระองค์เอง
และเมื่อสามารถปลดปล่อยคริสตจักรออกจากการควบคุมของจักรพรรดิได้แล้ว พระสันตะปาปาก็เริ่มเข้าแทรกแซงการเมืองฝ่ายฆราวาสอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในลักษณะของจักรวรรดิที่มีอำนาจมากเกินไป
ตลอดสองศตวรรษต่อมา ตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 12-14 คริสตจักรคาทอลิกก็ได้กลายเป็นมหาอำนาจตัวจริงของยุโรป มีอำนาจมากมาย เช่น
-ทรัพย์สินและความมั่งคั่ง คริสตจักรคาทอลิกครอบครองดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล โดยก่อนการปฏิรูปศาสนา คริสตจักรคาทอลิกมีอำนาจในที่ดินครึ่งหนึ่งของเยอรมนี และหนึ่งในสี่ของอังกฤษ อีกทั้งยังเก็บภาษีบำรุงศาสนา ซึ่งเป็นภาษีที่บังคับเก็บในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทั้งหมด ทำให้คริสตจักรมีทรัพย์สินมหาศาลและมีรายได้ต่อเนื่อง
1
-บุคลากรระดับมันสมอง คริสตจักรคาทอลิกมีทรัพยากรบุคคลจำนวนมาก ทั้งเหล่าเสมียนที่มีการศึกษา คลังเอกสาร นักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหาร ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นเหมือนกับมันสมองของคริตจักร ทำให้เหล่าพระประมุขและผู้ปกครองดินแดนต่างๆ ต้องพึ่งพิงคริสตจักรคาทอลิก
-อำนาจทางศีลธรรม ศาสนจักรควบคุมเกือบทุกด้านของชีวิตผู้คน ตั้งแต่เรื่องการแต่งงานไปจนถึงอาหารการกิน การถูกตัดขาดจากศาสนจักร จึงเปรียบเสมือนการถูกสังคมตัดขาดโดยสิ้นเชิง
นักประวัติศาสตร์ยังแสดงความเห็นว่า การแบ่งแยกทางการเมืองของยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนีและอิตาลี เป็นผลมาจากนโยบายของศาสนจักร โดยเป็นการป้องกันไม่ให้อำนาจทางโลกถูกรวมศูนย์ โดยเฉพาะจากจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ศาสนจักรจึงกระทำการต่างๆ เช่น สนับสนุนให้เมืองแต่ละแห่งเป็นอิสระ เข้าเป็นพันธมิตรกับกลุ่มกบฏและเจ้าชายในแว่นแคว้นต่างๆ ยุยงให้สร้างความแตกแยก และลงโทษประมุขที่มีอำนาจมากเกินไป
ความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับศาสนจักรพุ่งถึงขีดสุดในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 12-14 ก่อนจะค่อยๆ เสื่อมอิทธิพล ทำให้จำนวนสงครามทางศาสนาลดลงอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน ที่ซึ่งคริสตจักรคาทอลิกสนับสนุนการปกครองส่วนกลางหรือไม่เข้าไปวุ่นวาย เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปน ก็จะเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้รวดเร็วกว่า
ในการพยายามรักษาอำนาจของตน ศาสนจักรกลับไม่รู้ตัวว่าได้สร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่ความอ่อนแอของตน โดยในศตวรรษที่ 16 เจ้าชายแห่งเยอรมนีกลับกลายเป็นมีอำนาจมากพอที่จะสนับสนุนการปฏิรูปศาสนา และปฏิเสธอำนาจของพระสันตะปาปา อำนาจท้องถิ่นที่แข็งแกร่งจึงไม่หวั่นไหวต่อคำสั่งจากศาสนจักรอีกต่อไป
ดังนั้น หากเราต้องการจะเข้าใจว่าเหตุใดยุโรปจึงไม่กลายเป็นรัฐเดียวที่รวมศูนย์เหมือนจีนหรือคอลีฟะฮ์ของชาวอาหรับ เราอาจจำเป็นต้องมองไปที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจทางจิตวิญญาณและอำนาจทางโลกมากกว่าที่จะมองเพียงแค่สงคราม
คริสตจักรคาทอลิกมีบทบาทอย่างเข้มแข็งในการกำหนดแผนที่ของยุโรปมากกว่าที่ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจ แต่เหตุใดนโยบายของศาสนจักรจึงเป็นเช่นนั้น? และเหตุใดจึงไม่มีองค์กรที่เทียบเท่าศาสนจักรเกิดขึ้นในภูมิภาคอื่นของโลก?
นั่นอาจจะเป็นคำถามที่ต้องวิเคราะห์กันในเชิงลึกต่อไป
References:
https://medium.com/write-a-catalyst/has-the-catholic-church-prevented-the-unification-of-europe-a37c747587e6
https://www.comece.eu/wp-content/uploads/sites/2/2022/04/20050509-The-evolution-of-the-EU-and-the-Responsability-of-Catholics.pdf
https://www.researchgate.net/publication/229009870_Roman_Catholicism_and_the_Founding_of_Europe_How_Catholics_Shaped_the_European_Communities
https://study.com/academy/lesson/the-role-of-the-catholic-church-in-medieval-europe.html
ประวัติศาสตร์
4 บันทึก
13
3
4
13
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย