31 พ.ค. เวลา 00:35 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

ทรัมป์จะเพิ่มภาษีสูงสุด 15% ภายใน 150 วัน

ทรัมป์กำลังพิจารณาแผน(ภาษี)B ซึ่งจะเรียกเก็บภาษีสูงถึง 15% ภายใน 150 วัน
ทรัมป์ประกาศว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงกับประเทศและภูมิภาคมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก และยังเรียกวันนั้นว่า "วันปลดปล่อย" ในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย (ข่าวจาก AFP)
หลังจากศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีคำตัดสินเมื่อวันพุธ (28 พฤษภาคม 2568)
ห้ามการบังคับใช้คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ในการจัดเก็บภาษีศุลกากรกับหลายประเทศภายใต้พระราชบัญญัติอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (IEEPA)
ศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ ได้อนุมัติคำร้องของรัฐบาลทรัมป์ เมื่อวันพฤหัสบดี (29 พฤษภาคม 2568) ที่จะระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ไว้ชั่วคราว
เพื่อให้ผู้พิพากษามีเวลาพิจารณาข้อโต้แย้งของฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย
รวมถึงคำร้องของรัฐบาลทรัมป์ที่จะขยายระยะเวลาการพักการตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
ขั้นตอนต่อไป คือ การกำหนดอัตราภาษีภายใต้มาตรา 301
ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการแจ้งเตือนและหารือที่ยาวนานแต่ถือว่ามีพื้นฐานทางกฎหมายมากกว่า
ซึ่งมาตรา 301 จะอนุญาตให้ผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา (USTR) ดำเนินการกับการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของต่างประเทศ
รวมถึงการกำหนดภาษีศุลกากร อัตราภาษีเฉพาะ
ภายใต้มาตรา 301 ถูกกำหนดโดย USTR โดยมักจะเป็นการตอบสนองต่อการสืบสวนที่พบว่าการกระทำของประเทศต่างประเทศนั้นไม่สมเหตุสมผลหรือเลือกปฏิบัติ
และเป็นภาระหรือจำกัดการค้าของสหรัฐฯ
โดยภาษีศุลกากรเหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบของอากรเพิ่มเติม และอัตราและขอบเขตเฉพาะนั้นจะถูกกำหนดโดย USTR ในแต่ละกรณี
เมื่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐไม่ได้รับการพิจารณาทางการเมือง งานนี้ทรัมป์จึงเรียกพาวเวลล์เข้าพบ และหารือ
ทางด้านโฆษกทำเนียบขาว เลวิตต์ กล่าวว่ารัฐบาลกำลังอุทธรณ์คำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
และพิจารณาทางเลือกอื่นในการกำหนดภาษีศุลกากร แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน
1
เดิมทีศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ให้เวลาทำเนียบขาว 10 วันในการดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมดในการระงับภาษีศุลกากร
มีรายงานว่าในขณะที่ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ สำหรับศาลแขวงกลางกำลังฟื้นฟูมาตรการภาษีของรัฐบาลทรัมป์เป็นการชั่วคราว
ไม่รอช้า...ทีมงานของทรัมป์ก็กำลังเตรียม "แผนภาษี B"
เพื่อประเมินว่ามีความจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายใหม่ในการบังคับใช้การดำเนินนโยบายภาษีของทรัมป์หรือไม่
แม้ว่านโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
แต่ความกระตือรือร้นของเขาในการกำหนดภาษีศุลกากรใหม่ก็ไม่ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย
ทำเนียบขาวกล่าวก่อนหน้านี้ว่า
หากการอุทธรณ์ล้มเหลว ทรัมป์จะดำเนินการเรียกเก็บภาษีเดียวกันนี้ผ่านอำนาจทางกฎหมายอื่นๆ ต่อไป
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังพยายามอย่างมากที่จะพลิกคำตัดสินของศาล โดยกล่าวว่าหากศาลอุทธรณ์กลางของรัฐบาลกลางไม่หยุดการตัดสินนี้โดยเร็ว
รัฐบาลของทรัมป์จะอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาโดยเร็วที่สุดในวันศุกร์นี้กันต่อไป (30 พฤษภาคม 2568 )
จะเห็นได้ว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กได้ตัดสินห้ามการบังคับใช้คำสั่งฝ่ายบริหารของรัฐบาลทรัมป์
ในการจัดเก็บภาษีศุลกากรกับหลายประเทศภายใต้กฏหมายทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ
คำตัดสินดังกล่าวระบุว่า กฏหมายในอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งภาษีศุลกากรระดับโลก
คำสั่งภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือคำสั่งภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับการค้าที่ผิดกฎหมาย
คำสั่งบริหารอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิกและการบังคับใช้จะถูกห้ามอย่างถาวร
คำตัดสินดังกล่าวเป็นการตอบสนองต่อคดีฟ้องร้องที่ยื่นต่อรัฐบาลกลางโดยธุรกิจขนาดเล็ก 5 แห่งและ 12 รัฐ
เมื่อวันที่ 14 เมษายน และ 23 เมษายน ตามลำดับ
สอดคล้องกับ The Wall Street Journal ที่อ้างอิงแหล่งข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (29 พฤษภาคม 2568) ว่าขณะนี้ทีมของทรัมป์กำลังพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้สองวิธี
วิธีแรกคือการพิจารณาการจัดเก็บภาษีศุลกากรในระดับขนาดใหญ่ต่อโลกภายใต้มาตรา 122 ของกฏหมายการค้า พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ไม่เคยใช้มาก่อน
กฏหมายดังกล่าวรวมถึงการอนุญาตให้รัฐบาลเรียกเก็บภาษีสูงถึงร้อยละ 15 ภายใน 150 วัน
เพื่อแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่นๆ
จนแล้วจนรอด ยังไม่มีรายงานว่าการเจรจาแผน B ภายในทำเนียบขาวจะมีความคืบหน้าใดๆ และยังไม่มีการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย.
โฆษณา