31 พ.ค. เวลา 03:08 • การศึกษา

นิทานเรื่อง "ตั๋วรถไฟครึ่งราคา"

----------------
    อ่านบทความของ "วินทร์ เลียววาริณ"  เขาเล่านิทานเรื่องหนึ่งในตำราเรียนของนักเรียนชั้นประถมเมื่อ 40 ปีมาแล้ว คือเรื่อง "ตั๋วรถไฟครึ่งราคา" จึงอย่ากนำนิทานย้อนอดีตนี้มาเล่าต่อครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัวหนึ่งในชนบทมีฐานะยากจนข้นแค้น วันหนึ่งผู้เป็นแม่ส่งลูกชายเข้ากรุงโดยทางรถไฟ สมัยนั้นเด็กอายุต่ำกว่าสิบสองขวบขึ้นรถไฟจะเสียเงินเพียงครึ่งราคา
ในวันที่แม่พาเด็กขึ้นรถไฟ เด็กน้อยอายุเกินสิบสองขวบมาได้เพียงวันเดียว ทว่าแม่ก็ซื้อตั๋วเต็มราคาให้เด็ก ทั้งที่เงินมีจำกัด
ผู้เป็นแม่พูดกับลูกชายว่า "ลูกเอ๋ย นี่คือตั๋วรถไฟกับความจริง เก็บมันใส่กระเป๋าเถิด ไม่มีใครรู้หรอกว่าลูกอายุเกินสิบสองขวบมาหนึ่งวัน มีแต่ลูกเท่านั้นที่รู้ เสียเงินเพราะความสัตย์ดีกว่าได้เงินไม่กี่บาทเพราะหลอกลวงเขา..."
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความซื่อสัตย์ไม่เกี่ยวกับฐานะ ชาติตระกูล หรือระดับการศึกษา คนขับรถแท็กซี่ คนกวาดขยะ แม่บ้านไม่น้อยเก็บเงินที่คนลืมทิ้งไว้แล้วคืนเจ้าของ
1
โลกทุกวันนี้หาคนซื่อสัตย์ยากขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกที่การหาเงินลำบากขึ้น การเดินเข้าสู่พื้นที่ของ 'ด้านมืด' เป็นไปได้ง่ายขึ้น
1
แต่ไม่ว่าเป็นพื้นที่สีเทาเข้มหรือเทาอ่อน และแม้ไม่มีใครรู้ แต่เราก็ย่อมรู้ไม่ยากว่าการกระทำใดซื่อสัตย์หรือไม่
1
ขณะที่บางคนพยายามรีดไถข้าวของและเวลาจากองค์กรมากที่สุด บางคนเบียดบังเวลาหลวงไปทำงานส่วนตัว ด้วยข้ออ้างสารพัดเช่น "เงินเดือนก็เท่านี้ จะเอาอะไรกันนักหนา” หรือ “บริษัทรวยจะตาย ขอแค่นี้ไม่ล้มหรอก"
1
ความไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์กรเมื่อทำสักครั้งแล้ว ก็คือการขี่หลังเสือ เลิกไม่ได้ง่าย ๆ
     ความซื่อสัตย์เป็นคุณธรรมที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ปราศจากสิ่งนี้มนุษย์ก็ไม่ต่างจากตัวอะมีบาที่แย่งอาหารกัน
    การไร้ความซื่อสัตย์เป็นบ่อเกิดของการฉ้อราษฎร์บังหลวง การคอร์รัปชัน ที่กำลังกัดกินสังคมไทยอยู่ทุกวันนี้
   เราจึงควรทำความดีเพราะเราเห็นคุณค่าของเรา ไม่ใช่เพราะต้องการให้ใครรู้ เราซื่อสัตย์เพราะเรามีค่าพอที่จะได้รับสิ่งดี ๆ ซึ่งรวมทั้งศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ที่เจริญแล้ว
1
โฆษณา