31 พ.ค. เวลา 04:35 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

การเดินทางข้ามเวลา ความเป็นไปได้ในโลกแห่งความจริงกับจินตนาการในโลกภาพยนตร์

การเดินทางข้ามเวลา หรือการย้อนอดีต ยังคงเป็นแนวคิดที่น่าหลงใหลและถูกนำเสนออย่างแพร่หลายในภาพยนตร์และนวนิยายวิทยาศาสตร์ (ไซไฟ) มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัยเพื่อแก้ไขอดีต การเปลี่ยนแปลงอนาคต หรือแม้แต่การเยี่ยมชมช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนสร้างความตื่นเต้นและกระตุ้นจินตนาการของผู้ชมได้อย่างไม่รู้จบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในทางวิทยาศาสตร์และหลักการทางฟิสิกส์ที่เราเข้าใจในปัจจุบัน การเดินทางข้ามเวลากลับดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม หรืออาจเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
การเดินทางข้ามเวลาในทางทฤษฎี: สู่ความเป็นไปได้ที่ยังเลือนลาง
หนึ่งในแนวคิดทางฟิสิกส์ที่ถูกนำมาอ้างอิงถึงความเป็นไปได้ของการเดินทางข้ามเวลาคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Relativity) ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ทฤษฎีนี้กล่าวว่าเวลาไม่ใช่สิ่งที่สัมบูรณ์ แต่จะขึ้นอยู่กับความเร็วของผู้สังเกต ยิ่งวัตถุเคลื่อนที่เข้าใกล้ความเร็วแสงมากเท่าไหร่ เวลาสำหรับวัตถุนั้นก็จะยิ่งช้าลงเมื่อเทียบกับผู้สังเกตที่อยู่นิ่ง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า การยืดของเวลา (Time Dilation) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและมีการนำไปใช้จริง เช่น ในระบบ GPS
นอกจากนี้ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (General Relativity) อธิบายว่าแรงโน้มถ่วงเป็นผลมาจากการโค้งงอของปริภูมิ-เวลา โดยมวลและพลังงาน ทฤษฎีนี้เปิดโอกาสให้เกิดโครงสร้างทางทฤษฎีอย่าง รูหนอน (Wormhole) ซึ่งอาจเชื่อมต่อสองจุดที่ห่างไกลกันในปริภูมิ-เวลา หรือแม้แต่สองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม การสร้างและรักษาเสถียรภาพของรูหนอนนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง และอาจต้องใช้สสารที่มีพลังงานเป็นลบ ซึ่งยังเป็นเพียงแนวคิดทางทฤษฎี
ทำไมถึงย้อนอดีตไม่ได้? อุปสรรคทางตรรกะและฟิสิกส์
การเดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีตนั้นเผชิญกับปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ ปฏิทรรศน์ (Paradox)
ปฏิทรรศน์การฆ่าปู่ (Grandfather Paradox): หากเราเดินทางย้อนเวลากลับไปป้องกันไม่ให้ปู่ของเราได้พบกับย่าของเรา แล้วตัวเราจะถือกำเนิดมาได้อย่างไร? นี่คือความขัดแย้งในเส้นเวลาที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาของการเปลี่ยนแปลงอดีต
หลักการทรงเหตุและผล (Causality Principle): การย้อนเวลาและการเปลี่ยนแปลงอดีตอาจนำไปสู่การละเมิดหลักการที่ว่าเหตุการณ์ต้องเกิดก่อนผลลัพธ์เสมอ
ปฏิทรรศน์การฆ่าตัวเอง (Suicide Paradox): ลองพิจารณาว่าหากคุณเดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีตและฆ่าตัวคุณเองก่อนที่คุณจะเดินทางข้ามเวลา เหตุการณ์นี้จะนำไปสู่ความขัดแย้งทางตรรกะอย่างรุนแรง ใครคือคนที่เดินทางข้ามเวลาไปฆ่าคุณในอดีต หากคุณตายไปแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางข้ามเวลา?
1
แม้ว่าในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปจะมีแนวคิดของ เส้นโค้งเวลาแบบปิด (Closed Timelike Curves - CTCs) ที่อาจอนุญาตให้เดินทางกลับไปยังอดีตได้ แต่การสร้างและรักษาสภาวะดังกล่าวต้องการสสารที่มีพลังงานเป็นลบ ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันการมีอยู่
ทำไมถึงข้ามไปในอนาคตไม่ได้ (ในความหมายของการ "กระโดด")?
ในขณะที่ การยืดของเวลา ทำให้เราสามารถเดินทางสู่อนาคตได้ในลักษณะที่เวลาของเราเดินช้าลงเมื่อเทียบกับโลกภายนอก (คล้ายกับการ "ออกจากกระแสเวลาปัจจุบัน" และปล่อยให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น) แต่นี่ไม่ใช่การ "กระโดด" ไปยังอนาคตตามที่เราเห็นในภาพยนตร์
การยืดของเวลาไม่ใช่การ "ข้าม": การเดินทางด้วยความเร็วสูงหรือการอยู่ในสนามโน้มถ่วงที่เข้มข้นจะทำให้เวลาของเราเดินช้าลง แต่เราไม่ได้ "ข้าม" ไปยังอนาคตที่มีตัวตนอีกคนของเราอยู่ เราเพียงแค่เคลื่อนที่ผ่านเวลาด้วยอัตราที่แตกต่างกัน
แนวคิดของปฏิทรรศน์ที่คล้ายคลึงกับการฆ่าตัวเองในการเดินทางสู่อนาคต
ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่นักเดินทางข้ามเวลาไปยังอนาคตและพบว่าชีวิตในอนาคตของตนเองนั้นเลวร้ายและกำลังจะจบลง หากนักเดินทางผู้นั้นกลับมายังปัจจุบันและเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจหรือพฤติกรรมในอดีตอย่างสิ้นเชิง เพื่อหลีกเลี่ยงอนาคตที่เลวร้ายนั้น จนกระทั่งอนาคตที่เขาเคยไปเยือนไม่เคยเกิดขึ้น แล้วใครคือ "ตัวเขาในอนาคต" ที่เขาได้ไปพบเจอตั้งแต่แรก? สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันโดยมีข้อมูลจากอนาคต อาจนำไปสู่ความไม่สอดคล้องกันในเส้นเวลาเกี่ยวกับการมีอยู่ของผู้เดินทางข้ามเวลาเอง
ปฏิทรรศน์ของการเดินทางไปฆ่าตัวเองในอนาคต
หากบุคคลเดินทางข้ามเวลาไปยังอนาคตและตัดสินใจฆ่าตัวเองในอนาคต จะเกิดความขัดแย้งในเรื่องของการดำรงอยู่ของตัวตนข้ามช่วงเวลา ถ้า "ตัวเราในอนาคต" ตายไปแล้ว "ตัวเราในอดีต" จะกลายเป็น "ตัวเราในอนาคต" ที่ตายไปแล้วได้อย่างไร? นอกจากนี้ แรงจูงใจในการเดินทางข้ามเวลาในครั้งแรกก็อาจหายไปด้วย หากอนาคตที่ตั้งใจจะไปนั้นไม่มี "ตัวเรา" อยู่แล้ว
การขาดกลไกในการ "กระโดด"
ปัจจุบัน เรายังไม่มีความรู้หรือเทคโนโลยีที่จะช่วยให้เราสามารถ "ข้าม" ไปยังจุดใดจุดหนึ่งในอนาคตได้โดยตรง อนาคตยังมาไม่ถึง และการเดินทางไปยังอนาคตในความหมายของการ "ข้าม" ไปยังช่วงเวลาที่ยังมาไม่ถึงนั้น ยังคงเป็นเพียงจินตนาการ
ภาพจาก Gemini AI
สรุป
การเดินทางข้ามเวลาเป็นแนวคิดที่น่าตื่นเต้น แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว การย้อนเวลากลับไปในอดีตนั้นเผชิญกับอุปสรรคทางตรรกะและฟิสิกส์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิทรรศน์ต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น ส่วนการเดินทางไปยังอนาคตในลักษณะของการ "กระโดด" นั้นยังไม่มีกลไกที่ชัดเจนรองรับ
นอกจากนี้ การพิจารณาถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันโดยมีข้อมูลจากอนาคต รวมถึงปฏิทรรศน์ของการเดินทางไปฆ่าตัวเองในอนาคต ยังชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของแนวคิดนี้ สิ่งที่เราเข้าใจและเป็นไปได้ในทางวิทยาศาสตร์คือปรากฏการณ์การยืดของเวลา ซึ่งเป็นการเดินทางสู่อนาคตในอัตราที่ช้าลงเท่านั้น อนาคตของการเดินทางข้ามเวลาจึงยังคงเป็นปริศนาที่รอคอยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาไขต่อไป
โฆษณา