Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Defense Industry Chronicle
•
ติดตาม
31 พ.ค. เวลา 05:54 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Loitering Munition: อนาคตของสงครามไร้คนขับ หรือภัยคุกคามใหม่ที่ต้องจับตา?: ตอนที่ 1
"เมื่อโดรนสังหารไม่จำเป็นต้องรีบกลับฐานอีกต่อไป... โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่อาวุธสามารถ 'บินวน' รอคอยเป้าหมายได้อย่างไร้ขีดจำกัด นี่คือ Loitering Munition นวัตกรรมที่พลิกโฉมหน้าสงครามยุคใหม่ และคุณต้องรู้จักมัน!"
ภาพจาก: Switchblade 600, defense-update.com
Loitering Munition (อ่านว่า "ลอย-เทอ-ริ่ง มู-นิ-ชั่น") หรือที่มักเรียกกันว่า "โดรนพลีชีพ" (Suicide Drone) หรือ "โดรนฆ่าตัวตาย (Kamikaze Drone)" คือระบบอาวุธที่ผสมผสานคุณสมบัติของโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) กับขีปนาวุธเข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด กล่าวคือ มันมีคุณสมบัติของอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle หรือ UAV) ที่เรามักเรียกกันว่า โดรน (Drone) ซึ่งเป็นอากาศที่ปฏิบัติการได้ด้วยตนเองโดยระบบนักบินอัตโนมัติ (Auto Pilot) และอุปกรณ์ตรวจวัดและตรวจจับ (Measurement and Sensor) ต่างๆ เพื่อนำทาง
ส่วนประกอบภายในของ Loitering Munition
องค์ประกอบหลักๆของ Loitering Munition จะประกอบไปด้วย
1.
ระบบนำทาง (Navigation System) ระบบรับภาพในเวลากลางวันและกลางคืนสำหรับผู้ควบคุมในการนำทางเข้าสู่เป้าหมาย
2.
หัวรบ (Warhead) วัตถุระเบิดแรงสูงพร้อมสะเก็ดระเบิด
3.
แบตเตอรี่ (Battery) ระบบพลังงานสำหรับจ่ายให้กับระบบอิเล็คทรอนิกส์และระบบขับเคลื่อน
4.
ระบบทดสอบและควบคุม (Test & Control) ใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ และระบบนิรภัย
5.
ระบบควบคุมการบิน (Flight Control) ใช้สำหรับควบคุมการบิน มีทั้งระบบควบคุมโดยผู้ควบคุม และระบบการบินอัตโนมัติ
6.
ระบบบังคับทิศทาง (Steering)
7.
ระบบขับเคลื่อนและใบพัด (Electric Motor & Propellant)
IAI Harpy: Loitering Munition รุ่นแรกๆ ที่อิสราเอลพัฒนาขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และเข้าประจำการในทศวรรษ 1990s
ช่วงเริ่มต้น (ทศวรรษ 1980s - 1990s): แนวคิดและบทบาทแรกเริ่ม
แนวคิดในการใช้ UAV หรือ Drone โจมตีแบบพลีชีพ เริ่มปรากฏขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980s โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อ "การปราบปรามระบบป้องกันภัยทางอากาศของข้าศึก (Suppression of Enemy Air Defenses - SEAD)" โดย IAI Harpy ของอิสราเอล เป็น Loitering Munition รุ่นแรกๆที่ใช้สำหรับการโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายข้าศึก โดยมันจะทำการบินวนรอใกล้ๆกับสถานีเรดาร์ของฝ่ายตรงข้าม รอจนกว่าเรดาร์ค้นหาเป้าหมายเหล่านั้นจะเปิดทำงาน เมื่อมันได้รับสัญญาณเรดาร์ที่ส่งออกมา มันจะทำการพุ่งเข้าโจมตีเรดาร์เหล่านั้น
AeroVironment Switchblade 300
ช่วงพัฒนาการ (ทศวรรษ 2000s - 2010s): การขยายบทบาทและขนาดที่หลากหลาย
หลังจากประสบความสำเร็จในภารกิจ SEAD Loitering Munition เริ่มได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับบทบาทที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่การทำลายเรดาร์อีกต่อไป แต่รวมถึงการโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดิน รถถัง ยานพาหนะ กองกำลังทหาร หรือแม้กระทั่งเป้าหมายที่มีมูลค่าสูง รวมถึงให้การสนับสนุนแก่หน่วยรบภาคพื้นดินในการโจมตีเป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้า หรือเป้าหมายที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
การพัฒนาของเทคโนโลยีกล้อง เซ็นเซอร์ ระบบนำทาง (GPS/INS) และระบบสื่อสารไร้สาย ทำให้อาวุธชนิดนี้มีความสามารถในการระบุเป้าหมายและนำวิถีได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้เริ่มมีการพัฒนาในขนาดที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ขนาดใหญ่สำหรับการโจมตีระยะไกล ไปจนถึงระบบขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้โดยทหารแต่ละนาย
AeroVironment Switchblade เป็นตัวอย่างสำคัญของ Loitering Munition ขนาดเล็กที่พัฒนาโดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งปฏิวัติแนวคิดการใช้งานโดยอนุญาตให้ทหารราบสามารถพกพาและใช้งานได้เองเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ทหารยูเครนกำลังประกอบโดรนพลีชีพชนิด Quadrotor แบบประดิษฐ์เอง
ช่วงปัจจุบัน (ทศวรรษ 2020 เป็นต้นไป): การใช้งานแพร่หลายและผลกระทบในสงครามจริง
สงคราม Nagorno-Karabakh (2020) เป็นหนึ่งในความขัดแย้งแรกๆ ที่ Loitering Munition ได้รับการใช้งานอย่างมีนัยสำคัญ โดยอาเซอร์ไบจานใช้โดรนของอิสราเอล และตุรกีในการทำลายรถถังและระบบป้องกันภัยทางอากาศของอาร์เมเนีย
สงครามยูเครน-รัสเซีย (2022 - ปัจจุบัน): สงครามนี้ได้ยกระดับบทบาทของ Loitering Munition ขึ้นไปอีกขั้น และเป็นจุดที่ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของอาวุธชนิดนี้อย่างแท้จริง
FPV Suicide Quad Rotor Drone
โดรนพลีชีพแบบบังคับเอง (FPV Suicide Quad Rotor Drone) ภัยร้ายราคาถูก
โดรนพลีชีพแบบบังคับเองชนิด Multi-Rotor เป็นอาวุธราคาถูกในสนามรบที่ใช้งานได้จริงและเปลี่ยนผลของสงครามในยูเครนมาแล้ว เพราะมันสามารถจัดการยานเกราะของรัสเซีย หรือแม้กระทั่งรถถังหลักอย่าง T-72 โดรนเหล่านี้เลือกกำจัดเป้าหมายจากมุมสูงเหนือป้อมปืนของยานเกราะที่ว่ากันว่าเปราะบางที่สุด ด้วยการหิ้วกระสุนระเบิดแรงสูง (HE) เช่น กระสุนปืน ค. หรือหัวรบระเบิดแรงสูงเจาะเกราะ (HEAT) อย่างเช่น หัวรบของจรวด RPG โดยพวกมันสามารถนำพากระสุนสังหารเหล่านี้ไปได้ในระยะ 5 กิโลเมตร และสังหารเป้าหมายได้อย่างเงียบเชียบ
รถถังรัสเซียติดตั้งตระแกรงป้องกันโดรนเหนือป้อมปืน
ความประหวั่นพรั่นพรึงในการถูกโจมตีด้วยโดรนจากทางอากาศจึงเป็นที่มาของระบบป้องกันการโจมตีหลากหลายรูปแบบที่รัสเซียนำมาติดตั้งให้กับยานเกราะของตนเอง อย่างเช่นการนำตระแกรงเหล็กมาติดตั้งเหนือป้อมปืนเพื่อป้องกันไม่ให้โดรนสามารถโจมตีโดยตรงต่อตัวรถถัง ซึ่งทำให้พลรถถังและตัวรถมีความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่งจากโดครนบังคับเองประเภทที่หิ้ววัตถุระเบิดมาหย่อนลงบนป้อมปืนหรือส่วนบนของยานเกราะ เพราะถ้าไม่ใช้หัวรบเจาะเกราะแล้ว การระบิดเหนือเป้าหมายอย่างรถถัง แรงระเบิดและสะเก็ดระเบิดแทบจะไม่มีผลใดๆกับตัวรถ
แนวโน้มในอนาคต:
วิวัฒนาการของ Loitering Munition ยังคงดำเนินต่อไป โดยเน้นไปที่:
ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI): การตัดสินใจที่เป็นอิสระมากขึ้น (Autonomous) ลดภาระของผู้ควบคุม
การทำงานร่วมกันเป็นฝูง (Swarm Loitering Munitions): การปล่อย Loitering Munition จำนวนมากเข้าโจมตีเป้าหมายพร้อมกัน ทำให้ยากต่อการป้องกัน
ขนาดที่เล็กลงและต้นทุนที่ถูกลง: เพื่อให้สามารถผลิตและใช้งานได้ในปริมาณมากยิ่งขึ้น
จากอาวุธเฉพาะทางเพื่อทำลายเรดาร์ในยุคแรก Loitering Munition ได้พัฒนามาเป็นอาวุธที่หลากหลายและเปลี่ยนผลของสงครามสมัยใหม่ได้โดยสิ้นเชิง
สงคราม
สงครามโลกครั้งที่3
อาวุธสงคราม
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย