31 พ.ค. เวลา 10:55 • ความคิดเห็น

ซีรีส์ ”สงครามส่งด่วน“ กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากในตอนนี้

ผมดูถึง EP 3 ตอนที่สันติชวนรุ่ยเจี๋ยมาทำงานสำเร็จ ก็เลยอดนึกถึงวันที่คมสันเล่าไห้ฟังถึงเหว่ยเจี๋ยไม่ได้…
เราควรหาเหว่ยเจี๋ยของเราให้เจอ
คมสัน ลี ยูนิคอร์นหนุ่มแห่ง flash express ผู้ที่กำลังห้าวหาญบุกไปทั้งอาเซียน เพิ่งระดมทุนซีรีส์ F ด้วยมูลค่าเจ็ดหมื่นล้านบาท มาเล่าเรื่องราวของเขาให้กับหลักสูตรเอบีซีเมื่อวาน
2
คมสันเล่าถึงตอนที่เขาเริ่มต้นใหม่ๆ ได้เห็นโอกาสถึงการทำ logistic ที่ไทยว่ายังมีช่องว่างอยู่อีกมากเมื่อเทียบกับจีน เมื่อหกปีก่อน จีนส่งของทั่วประเทศอันกว้างใหญ่ไม่ว่าไกลแค่ไหนใช้เวลาแค่สามวัน ค่าส่งก็อยู่ที่ 15 บาท (ไทยในตอนนั้นคือ 70 บาท)
แถมที่จีนไม่มีสาขาแต่บริษัทมาบริการรับถึงบ้านตลอดเจ็ดวันยี่สิบสี่ชั่วโมง ในขณะที่ไทยต้องมายืนรอคิวหน้าสาขา เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ทำงาน
แถมที่สำคัญที่สุดคือ e commerce เมืองไทยกำลังบูม อาลีบาบามาซื้อลาซาด้า shopee ก็กำลังขยายอย่างรวดเร็วและต้องการการขนส่งของมาขึ้นเยอะมากแน่ๆ เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองจีนก่อนหน้าไม่กี่ปี
1
คมสันเห็นโอกาสใหญ่นี้เลยทุ่มทรัพยากรทั้งหมดในชีวิตตั้งบริษัทเตรียมลุย แต่ด้วยความไม่รู้ ไม่มีประสบการณ์และไม่เคยทำ แถมไม่มีความรู้ด้าน IT ใดๆ เลย คมสันรู้แต่ว่าต้องการคู่หูที่เก่งที่สุดเท่าที่หาได้มาช่วยตั้งไข่และทำในสิ่งที่เขาขาดได้
คมสันบังเอิญรู้จัก Senior HR คนหนึ่งของอาลีบาบาประเทศจีนเลยลองถามเขาว่า มีพนักงานอาลีบาบาคนไหนที่ถ้ามาลาออกแล้วอาลีบาบาจะเสียใจที่สุด
HR คนนั้นตอบไม่ต้องคิดพร้อมกับชื่อชื่อหนึ่งที่พูดออกมาว่า… เหว่ยเจี๋ย…
1
เหว่ยเจี๋ยเป็นพนักงานดีเด่นของอาลีบาบาห้าปีซ้อน มีหน้าที่การงานดี มี stock option ดูยังไงก็ไม่น่าจะสนใจบริษัทเล็กๆที่เพิ่งตั้งอย่าง flash ของคมสันได้
แต่คมสันก็ไม่ย่อท้อ ต้องหาคนที่เก่งที่สุดให้ได้เพราะ all in ใส่เงินทั้งหมดที่มีไปแล้ว ไม่มีทางถอยใดๆ เลยขอนัดพบเหว่ยเจี๋ย วันที่พบคมสันใส่สูทผูกไทด์เต็มยศ แต่ไปเจอเหว่ยเจี๋ยในสภาพใส่หมวกแก๊ป กางเกงขาสั้น คุยได้ซักพักก็แยกย้าย
คมสันกลับไปถาม senior HR คนนั้นก็รู้ว่าเหว่ยเจี๋ยปฏิเสธแทบจะในทันทีด้วยเหตุผลที่ว่าคมสันจะทำงานใหญ่แต่ยังสลัดคราบฟอร์มเยอะผูกไทด์ใส่สูทออกไปไม่ได้ ไม่น่าจะทำงานใหญ่ที่ต้องลงมือเปื้อนดินได้เลย
2
คมสันขอโอกาสอีกครั้ง หลอกล่อชวนเหว่ยเจี๋ยกับเพื่อนมาสงกรานต์ที่ไทยเพราะขึ้นชื่อกับชาวจีนมาก
คมสันดูแลอย่างดีและจงใจพาเหว่ยเจี๋ยให้ไปดูหน้าร้านไปรษณีย์ไทยที่ the street รัชดาที่มีแต่พ่อค้าแม่ขายแบกกล่องแบกถุงต่อคิวยาวเพื่อมาส่งของ เหว่ยเจี๋ยดูแล้วก็ประหลาดใจมากว่ามีบริการแบบที่ลูกค้าเอาเงินมาให้ที่ถึงแล้วต้องรอคิวเป็นชั่วโมงๆ ด้วยหรือ ที่จีนไม่มีแบบนี้อีกแล้ว
4
หลังจากนั้นเหว่ยเจี๋ยก็ลองไปถามผ่านล่ามกับพ่อค้าแม่ค้าในแถว ถึงรู้ว่าต้องรอนานและจ่ายค่าบริการแพงมากๆ เหว่ยเจี๋ยกลับไปด้วยภาพที่ติดอยู่ในหัว
หลังจากนั้นเหว่ยเจี๋ยก็ขอคุยกับคมสันอย่างจริงจังหลายรอบ คมสันมารู้ทีหลังด้วยว่าเหว่ยเจี๋ยไปเช็คคนที่เคยทำงานกับคมสันต่างกรรมต่างวาระต่างๆ ด้วยว่าเป็นคนอย่างไร ตรงไปตรงมา บ้างาน ฯลฯ ก่อนจะตัดสินใจเจอ
เหว่ยเจี๋ยเห็นโลกแห่งเทคและ startup จีนมาเยอะ พอคิดว่าอยากจะลองเสี่ยงมากับคมสันแล้ว เขาก็เสนอว่าการที่จะรันบริษัทให้มีประสิทธิภาพนั้น บริษัทต้องมีพ่อ คือคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดคนเดียว เขาขอหุ้นแค่ 30% ไม่เอา 50% ตามที่คมสันเสนอเพื่อให้บริษัทไม่ต้องมีคนตัดสินใจสองคน แบ่งงานให้คมสันตัดสินใจเรื่องภายนอก เขาดูแล operation กับงานภายในวางระบบทั้งหมด
2
แล้วเขาก็ตัดสินใจมาประเทศที่ไม่เคยสนใจมาก่อน ทิ้งงานที่กำลังรุ่งในบริษัทระดับโลก เพื่อมาสร้างความฝันอะไรบางอย่างร่วมกับคมสัน
4
คมสันบอกว่า เหว่ยเจี๋ยมาเติมในสิ่งที่เขาไม่มีอย่างสมบูรณ์ เอาประสบการณ์จากเมืองจีนมาช่วยพิจารณานักลงทุน ประสบการณ์จากบริษัทใหญ่มาช่วยวางระบบ
1
ทำงานหนักแบบบ้าคลั่งถึงกับเอาเต็นท์มานอนที่บริษัทไม่กลับบ้านเป็นเวลาหลายเดือน ปัจจุบันก็ยังทำแบบนั้นอยู่ เป็นมือขวา เป็นลมใต้ปีก เป็นแม่บ้าน เป็นในส่วนที่คมสันไม่มีทางทำได้ถ้าไม่มีเหว่ยเจี๋ย
1
คมสันบอกว่าถึงวันนี้ทั้งคู่อยู่ในสถานะที่สบายขึ้นมาก เหว่ยเจี๋ยก็ยังทำงานหนักอยู่ ไม่ได้สนใจสะสมของมีค่าใดๆ ชอบทำแต่งาน และยังช่วยคมสันวางระบบขยายสู่อาเซียนอย่างแข็งขัน… ในเรื่องราวของ flash ที่มีรายละเอียดของการก่อร่างสร้างตัวมากมาย คมสันเลือกที่จะเล่าถึงเหว่ยเจี๋ยเป็นเส้นเรื่องหลัก ถ้าไม่มีเหว่ยเจี๋ยก็คงไม่มีคมสัน unicorn และไม่มี flash ในวันนี้
…….
ในบทบาทของดาวเด่น ผู้ประสบความสำเร็จมากมาย มักจะมีผู้ปิดทองหลังพระ คู่หูที่คอยเต็มเติม ส่งเสริมในอีกคนขึ้นสู่จุดสูงสุดเสมอ ในเรื่องราวแบบนั้น ถ้าถอดบุคคลผู้นั้นออกไป ดาวเด่นที่เราเห็นอาจจะไม่ได้เด่นแบบนี้หรืออาจจะมาไม่ถึงตรงนี้เลยก็ได้ สตีฟ จอบส์ ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะต้องมีทิม คุก วอร์เรน บัฟเฟต์ ก็มีชาร์ลี มังเกอร์ แบทแมนก็มีโรบิน เป็นต้น
1
ใครที่กำลังจะทำธุรกิจ หรือจะทำโครงการใดๆที่รู้ตัวเองดีว่าตัวเองนั้นยังขาดตกบกพร่องอยู่มาก การหาคนเก่งมาช่วยงาน มาเป็นพาร์ทเนอร์ มาเติมเต็มได้ก็เป็นวาสนาของตัวเราแบบหนึ่ง ในการหาคนเก่งนั้นก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย ความซื่อสัตย์ จริงใจ มุ่งมั่นไม่เอาเปรียบก็ส่วนหนึ่ง ขนาดความฝันก็ส่วนหนึ่ง
ความพยายามในการตื๊อ ให้ความสำคัญและยกย่องเชิดชูก็อีกส่วนหนึ่งที่อาจจะส่งเสริมในเรามีวาสนาได้คู่หู ได้พาร์ทเนอร์ที่ดีมาทำงานด้วยกันได้
ผมเองในชีวิตก็มีเรื่องราวแบบนี้ที่เป็นวาสนาของผมเช่นกันที่ได้พี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์มาช่วยกันทำหลักสูตร abc และกำลังจะทำโครงการใหญ่ที่เรียกว่า how club ที่ไปชักชวนคุณกระทิง พูนผลมาช่วยกันทำเพราะผมเองคงไม่มีปัญญาทำอะไรแบบนี้คนเดียวได้แน่ๆ
จะคิดจะทำอะไร ถ้าทำคนเดียวไม่ไหว ก็ลองพยายามหา “เหว่ยเจี๋ย” ของตัวเองกันดูนะครับ
โฆษณา