31 พ.ค. เวลา 14:18 • การเมือง

ยืนหยัดแม้กะเผลก: ความหวังและความท้าทายของขบวนการอุยกูร์ในต่างแดน

ชาวอุยกูร์พลัดถิ่น ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วเอเชียกลาง ตุรกี ยุโรป และอเมริกาเหนือ คือหนึ่งในชุมชนมุสลิมพลัดถิ่นที่ปรากฏเด่นชัดบนเวทีโลกมากที่สุดในปัจจุบัน ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยความหลากหลายทางแนวคิดและความไม่เป็นเอกภาพ พวกเขาแบกรับประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดจากการถูกกดขี่มายาวนานในมณฑลซินเจียงของจีน หรือที่ชาวอุยกูร์เรียกว่า “เตอร์กิสถานตะวันออก” ความฝันเรื่องเอกราชยังคงสว่างอยู่ในใจ แต่หนทางกลับเต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งจากภายในขบวนการเอง และจากสภาพแวดล้อมทางการเมืองระหว่างประเทศ
การลี้ภัยของชาวอุยกูร์เริ่มต้นอย่างจริงจังในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 หลังจากราชวงศ์ชิงล่มสลาย และอุดมการณ์ชาตินิยมจีนฮั่นเริ่มก่อตัวขึ้น ความพยายามในการสถาปนารัฐเอกราชนำไปสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐเตอร์กิสถานตะวันออกในปี 1933 และ 1944 แต่ก็ถูกรัฐบาลจีนสมัยใหม่ล้มล้างในเวลาไม่นาน เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนผนวกรวมซินเจียงในปี 1949 ชาวอุยกูร์ก็ต้องเผชิญกับยุคใหม่แห่งการรวมศูนย์อำนาจ ที่มาพร้อมกับการควบคุมเข้มงวด การลดทอนวัฒนธรรมท้องถิ่น และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์นี้ทำให้ชาวอุยกูร์จำนวนไม่น้อยต้องหลบหนีออกนอกประเทศ ทั้งนักวิชาการ ผู้นำทางศาสนา และประชาชนทั่วไป บุคคลสำคัญอย่าง ‘อีซา ยูซุฟ อัลป์เตกิน’ มีบทบาทในการสานต่ออัตลักษณ์และข้อเรียกร้องของชาวอุยกูร์ในต่างแดน โดยเฉพาะในตุรกีและตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงสงครามเย็น ชะตากรรมของชาวอุยกูร์แทบไม่ถูกพูดถึงในระดับโลก ทั้งมหาอำนาจตะวันตกและโลกมุสลิมก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน และความไม่สำคัญของประเด็นนี้ในเชิงยุทธศาสตร์ในขณะนั้น
ในช่วงหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน และเมื่อจีนเริ่มมีบทบาทโดดเด่นมากขึ้นบนเวทีระหว่างประเทศ โลกจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจกับสถานการณ์ในซินเจียงมากขึ้น โดยเฉพาะหลังมีรายงานเกี่ยวกับค่ายกักกัน การใช้แรงงานบังคับ และการพยายามกลืนกลายวัฒนธรรมอุยกูร์ให้หมดไป ทว่าการตื่นตัวของชาวโลกก็มาพร้อมกับความขัดแย้งภายในขบวนการอุยกูร์พลัดถิ่นเอง ซึ่งแยกออกเป็นสองแนวทางหลักที่สะท้อนวิสัยทัศน์ที่ต่างกันอย่างชัดเจน
แนวทางแรกคือสภาโลกอุยกูร์ (World Uyghur Congress – WUC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นที่เยอรมนีในปี 2004 และมีฐานอยู่ในอเมริกาเหนือ เน้นการเคลื่อนไหวอย่างสันติผ่านการทูตระหว่างประเทศ เรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองภายในกรอบของจีน และยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และการธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอุยกูร์
อีกแนวทางหนึ่งคือรัฐบาลพลัดถิ่นแห่งเตอร์กิสถานตะวันออก (East Turkestan Government in Exile – ETGE) ซึ่งก่อตั้งในปีเดียวกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีจุดยืนชัดเจนในการเรียกร้องเอกราชเต็มรูปแบบ มองว่าชาวอุยกูร์กำลังเผชิญกับลัทธิล่าอาณานิคมในยุคปัจจุบัน และเน้นการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการอย่างตรงไปตรงมา แม้จะมีขนาดเล็กและไม่เป็นที่รับรองในระดับรัฐ แต่ก็ยังยืนหยัดในการส่งเสียงให้โลกได้ยินถึงความปรารถนาในการมีรัฐของตนเอง
ทั้งสองแนวทางต่างก็ต้องเผชิญกับความท้าทาย WUC แม้จะได้รับการยอมรับในระดับสากลมากกว่า แต่ก็ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่ให้กระทบกับความสัมพันธ์ทางการทูตที่เปราะบางระหว่างตะวันตกกับจีน ขณะที่ ETGE ก็ถูกมองว่ามีจุดยืนแข็งกร้าวเกินไป และขาดพลังในการผลักดันเชิงนโยบายเนื่องจากทรัพยากรจำกัด ความสัมพันธ์ระหว่างสองกลุ่มจึงเปรียบเสมือนการ “เดินกะเผลกด้วยสองขา” อย่างที่นักวิชาการ ยิตซัค ชิคอร์ กล่าวไว้ คือ แม้จะไม่มั่นคง แต่ก็จำเป็นต้องก้าวไปด้วยกัน
ในระดับโลก แม้ชาติตะวันตกจะวิพากษ์จีนเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้าเดินหน้าดำเนินนโยบายแข็งกร้าว เนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในโลกมุสลิมเอง หลายประเทศแม้จะแสดงความเห็นอกเห็นใจในระดับสาธารณะ แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉย เพราะต่างมีผลประโยชน์ร่วมกับจีน โดยเฉพาะในโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่ขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจไปทั่วเอเชีย
แม้ต้องเผชิญกับแรงเฉื่อยและการประนีประนอม ขบวนการอุยกูร์พลัดถิ่นยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ องค์กรภาคประชาสังคมขยายตัวขึ้น แพลตฟอร์มออนไลน์เปิดโอกาสให้ชาวอุยกูร์ได้ส่งเสียง คนรุ่นใหม่ในต่างแดนเริ่มลุกขึ้นมามีบทบาทสำคัญ ด้วยทักษะภาษา ความเข้าใจโลก และเครือข่ายที่แข็งแกร่ง พวกเขากำลังนำพลังใหม่มาสู่การต่อสู้ โดยผสมผสานการอนุรักษ์วัฒนธรรมกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง และเชื่อมโยงกับเครือข่ายสิทธิมนุษยชนทั่วโลก
ที่สุดแล้ว วลีว่า “เดินกะเผลกด้วยสองขา” ไม่ใช่ภาพของความอ่อนแอ แต่คือสัญลักษณ์ของความอดทนและความเชื่อมั่น ชาวอุยกูร์ยังไม่ยอมเงียบหาย ยังยืนหยัดแม้ท่ามกลางอุปสรรค และยังคงเชื่อในอนาคตที่พวกเขาจะได้กลับไปสู่บ้านเกิด—ไม่ว่าจะเป็นดินแดนแห่งภูมิศาสตร์หรือจิตวิญญาณ—พร้อมกับศักดิ์ศรีและเสรีภาพที่คู่ควร
โฆษณา