2 มิ.ย. เวลา 04:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Loitering Munition ตอนที่ 2: ตัวเปลี่ยนเกมส์ในสงครามยุคใหม่

"ในสนามรบ ผู้เอาชัยอาจไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งเสมอไป"
การ Disruption มักจะเกิดขึ้นเสมอในทุกยุคทุกสมัยของสงครามนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยโบราณ การสร้างป้อมค่ายให้แข็งแกร่ง ถือว่าเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง แต่การปรากฏตัวของปืนใหญ่ที่มีอำนาจการทำลายสูงทำให้ป้อมค่ายเหล่านั้นหมดประสิทธิภาพไป หรือแม้กระทั่งในสงครามโลกแต่ละครั้งก็เกิดการ Disruption ของเทคโลยีอาวุธสงครามในหลายรูปแบบ เราเคยเชื่อว่าเรือประจัญบานคืออาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุดในท้องทะเล แต่สุดท้ายเรือประจัญบานขนาดยักษ์อย่างเช่นเรือยามาโต้และมุซาชิ กลับจมลงเพราะถูกโจมตีจากอากาศยาน
เรือยามาโต้จมลงหลังจากถูกโจมตีอย่างหนักจากอากาศยานประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน
การปรากฏตัวของรถถังทำลายการสงครามแบบหลุมเพลาะ การปรากฏตัวของเครื่องบินรบทำลายประสิทธิภาพของปืนใหญ่ การปรากฏตัวของเรือดำน้ำทำลายกองเรือประจัญบาน การปรากฏตัวของเรือบรรทุกเครื่องบินคือการครอบครองน่านน้ำโดยสิ้นเชิง เทคโนโลยีในสนามรบจะถูก Disrupt อยู่ตลอดเวลาเพื่อแก้เกมส์และพยายามเปลี่ยนผลของสงครามให้ฝ่ายที่ใช้เทคโนโลยีนั้นเอาชัยต่อฝ่ายตรงข้ามได้ และถ้ามันมีประสิทธิภาพสูงพอ มันจะสามารถหยุดสงครามได้ เช่น อาวุธนิวเคลียร์
"อาวุธที่คิดเองได้ คือสุดยอดของอาวุธ"
ในอดีตมนุษย์คือสุดยอดอาวุธ เพราะมนุษย์คิดเองได้ และรู้ว่าจะรบอย่างไร จัดการกับเป้าหมายอย่างไร แต่สงครามในปัจจุบันมีความซับซ้อนในหลายมิติ และมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อกำจัดจุดอ่อนของมนุษย์จึงถือกำเนิดขึ้น หนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญที่มีการพัฒนาและสอดแทรกเข้าไปยังเทคโนโลยีอาวุธสมัยใหม่ในทุกมิตินั่นคือ "ระบบปัญญาประดิษฐ (Artificial Intelligent)"
ระบบ CIWS แบบ Phalanx ระบบอาวุธแบบแรกที่ใช้ AI ในการควบคุม
ระบบปัญญาประดิษฐ์ถูกพัฒนาเพื่อใช้งานกับระบบอาวุธอย่างเป็นทางการและมีกฏหมายรองรับครั้งแรกในปี 1970 โดยมีการอนุญาตให้ติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจำแนกภัยคุกคามและสั่งการให้ระบบอาวุธทำงานเพื่อป้องกันตนเองได้ นั่นคือ ระบบ CIWS หรือ Closed-In Weapons System แบบ Phalanx โดยมีการติดตั้งในระบบเรดาร์ควบคุมการยิง และหลังจากนั้นได้มีการติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ในระบบป้องกันภัยทางอากาศอีกหลายแบบ โดยใช้หลักการที่ว่า "No Human in The Loop" นั่นคือ ไม่มีมนุษย์อยู่ในกระบวนการตัดสินใจใช้อาวุธ
การติดตั้งระบบ AI กับอาวุธป้องกันภัยทางอากาศแบบ CIWS เป็นการใช้ AI ในการตอบโต้ภัยคุกคามเท่านั้น หากแต่หลังจากนั้นไม่นาน แนวคิดเรื่องการติดตั้งระบบ AI สำหรับอาวุธโจมตีโดยตรง (Offensive Weapons) จนกระทั่งในช่วงปี 2018 หลายชาติได้ประกาศถึงความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธโจมตีที่ติดตั้งระบบ AI ในปี 2020 UNSC ได้รายงานถึงการใช้โดรนติดอาวุธแบบ KARGU-2 ที่ผลิตในตุรกีได้ทำการโจมตีและสังหารมนุษย์ในลิเบีย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกที่โดรนได้ทำการสังหารมนุษย์ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ของมันเอง
STM KARGU-2 โดรนแบบแรกที่สังหารมนุษย์ด้วยระบบ AI
Loitering Munition: "อาวุธที่อยู่ถูกที่ ถูกเวลา และคิดเองเป็น"
อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้นว่า อาวุธที่คิดเองได้คือสุดยอดของอาวุธ แต่นอกจากจะคิดเองได้แล้ว อาวุธที่ว่าต้องไปให้ถูกที่ และถูกเวลาด้วยเช่นกัน จึงเป็นที่มาของคำว่า Loitering ที่แปลว่า "บินวน" เหนือพื้นที่สังหาร "เพื่อรอ" เวลาที่เหมาะสม ในการโจมตี และ "ตัดสินใจได้เอง" ในการจัดการกับเป้าหมาย (โจมตี หรือไม่โจมตี)
เพราะที่ผ่านมาอาวุธยิงประเภทต่างๆเช่น กระสุนปืนใหญ่ จรวด ลูกระเบิด และขีปนาวุธ เป็นอาวุธที่ต้องมีข้อตกลงใจต่อเป้าหมายก่อนยิงเสมอ เพราะเมื่อยิงออกไปแล้ว จะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก ต่อให้เป็นอาวุธจรวดในลักษณะ Semi-Automatic จำพวกบังคับด้วยเลเซอร์ หรือเส้นลวด เช่นจรวดต่อสู้รถถัง เมื่อยิงออกไปแล้ว ไม่สามารถสั่งให้วนรอเป้าหมายได้ ผู้ยิงทำได้เพียงยกเลิกและจรวดจะทำลายตัวเองเท่านั้น
แต่สำหรับ Loitering Munition มันสามารถทำได้มากกว่านั้น มันสามารถถูกปล่อยออกไปยังพื้นที่สังหาร และบินวนรอจนเป้าหมายเข้าพื้นที่ มันสามารถเลือกปฏิบัติต่อเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น รอจนเป้าหมายหยุดเคลื่อนที่ หรือรอจนขบวนเป้าหมายเข้าพื้นที่ทั้งหมด หรือเลือกจัดการเฉพาะบางเป้าหมายได้
ยุทธวิธีในการใช้ Loitering Munition ต่อเป้าหมาย
Loitering Munition จะเปลี่ยนผลของสงครามได้อย่างไร
1. Loitering Munition มีความอ่อนตัวและความแม่นยำ (Flexibility and Precision) โดยมันมีความหลากหลายในการปฏิบัติการ สามารถเปลี่ยนเป้าหมายระหว่างปฏิบัติการได้ และสามารถโจมตีเป้าหมายที่หลบซ่อน หยุดนิ่ง หรือเคลื่อนที่ได้
2. Loitering Munition สามารถรวบรวมข่าวกรองได้ตามเวลาจริง (Real Time Intelligent) เพื่อให้ผู้ควบคุม หรือระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถตัดสินใจต่อเป้าหมายได้ตลอดเวลา
3. Loitering Munition จะเพิ่มความซับซ้อนของสงคราม (Increase Complexity of War) เพราะมันสามารถสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆในสนามรบอยู่ตลอดเวลา
4. Loitering Munition สร้างผลกระทบต่อขบวนรถส่งกำลังบำรุงและยานเกราะของฝ่ายตรงข้าม (Impact on Logistics and Armor Vehicle) เพราะมันคือฝันร้ายของยานพาหนะภาคพื้นดินที่ปราศจากเกราะป้องกัน
5. Loitering Munition สร้างผลกระทบทางจิตวิทยาต่อทหาร เพราะความที่มันสามารถโจมตีได้เงียบเชียบ ไม่รู้ตัวล่วงหน้า และสร้างหายนะได้อย่างแม่นยำ ความกลัวต่อภัยคุกคามนี้จะสามารถกัดกร่อนจิตใจของทหารฝ่ายตรงข้ามได้อย่างดี
6. Loitering Munition มีราคาต่อหน่วยที่ถูก (Low-Cost Option) เมื่อเทียบกับ CEP หรือ Circular Error Probable เมื่อเปรียบเทียบกับ Precision Munition ประเภทอื่นๆเช่น กระสุนปืนใหญ่แบบ Excalibur ราคานัดละ 80,000 เหรียญ ที่มี CEP อยู่ที่ 10 ในขณะที่ Loitering Munition ที่มีราคาเท่ากัน มีค่า CEP ไม่เกิน 3 เมตร แต่สามารถปฏิบัติการได้หลากหลายกว่า
จากเหตุผลทั้งหมดในข้างต้น Loitering Munition จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นจำนวนมากจากหลากหลายบริษัท โดยมีความเชื่อกันว่า Loitering Munition จะเป็นตัวเปลี่ยนผลของสงครามสำหรับสนามรบอสมมาตร (Asymmetric Warfare) ที่คู่สงครามมีความแตกต่างกันทั้งขนาดและเทคโนโลยี อย่างเช่น สงครามในยูเครนที่ดำเนินมาอย่างยืดเยื้อจนทุกวันนี้
โฆษณา