2 มิ.ย. เวลา 04:42 • ประวัติศาสตร์

อัจฉริยะภาพของ “ชาวยิว”

ที่ผ่านมา เราอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่า “ชาวยิว” เป็นกลุ่มชนที่มีความสามารถ ฉลาดหลักแหลม โดดเด่นเหนือใครๆ
เราลองมาดูกันถึงข้อมูลความโดดเด่นของชาวยิว ก่อนจะไปดูยังข้อมูลที่ผ่านมากันครับ
ความโดดเด่นของชาวยิว ก็เช่น
-22% ของรางวัลโนเบลทั้งหมด ตกเป็นของชาวยิว และ 40% ของรางวัลโนเบลด้านเศรษฐศาสตร์ ก็เป็นของชาวยิว
1
-46% ของรางวัลพูลิตเซอร์ทั้งหมด ตกเป็นของชาวยิว ถึงแม้ว่าขาวยิวในสหรัฐอเมริกาจะมีเพียงแค่ประมาณ 2% เท่านั้น
1
-ในปีค.ศ.1971 (พ.ศ.2514) ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเครือไอวีลีกจำนวน 25% เป็นชาวยิว
-20 อันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ครึ่งหนึ่งเป็นชาวยิว
-75% ของฝ่ายบริหารลอสอลามอส ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการที่ผลิตระเบิดปรมาณู เป็นชาวยิว
-40% ของรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในสหรัฐอเมริกา ตกเป็นของชาวยิว
-งานวิจัยและการค้นพบทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ของชาวยิว ช่วยชีวิตผู้คนทั่วโลกกว่า 2,800 ล้านคน
-ชาวอเมริกันเชื้อสายยิวประมาณ 25% มีรายได้ครัวเรือนสูงกว่าปีละ 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.6 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าสูงมาก
-ในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) ศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ในเยอรมนี ประมาณ 1 ใน 3 เป็นชาวยิว ถึงแม้ว่าในเวลานั้นจะมีชาวยิวไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งประเทศ
-นักปรัชญาในยุโรปที่โดดเด่นแห่งศตวรรษที่ 20 จำนวน 25% เป็นชาวยิว
-บุคลากรในวงการฮอลลีวู้ดเกินครึ่งเป็นชาวยิว
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของชาวยิวที่ถูกหยิบยกมาพูด
แต่ก็ไม่ใช่ว่าชาวยิวทุกกลุ่มจะประสบความสำเร็จ
ที่ดูจะโดดเด่นเหนือชาวยิวกลุ่มอื่น ก็คือ “ชาวยิวอัชเกนัซ”
ชุมชนชาวยิวอัชเกนัซ เริ่มถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 10 ในยุโรปตะวันออก แต่ต้นกำเนิดของพวกเขายังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ โดยข้อมูลทางพันธุกรรม ได้เผยให้เห็นว่าชาวอัชเกนัซมีเชื้อสายผสมผสานระหว่างแถบยุโรปกลาง แถบเมดิเตอร์เรเนียน และตะวันออกกลาง
พวกเขาอาจถือกำเนิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของชาวยิวที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิโรมันตั้งแต่ราวปีค.ศ.0 (พ.ศ.543) และชาวยิวที่อพยพออกจากปาเลสไตน์หลังจากการทำลายวิหารในปีค.ศ.70 (พ.ศ.613)
อีกทฤษฎีหนึ่ง ซึ่งถูกพิสูจน์ในภายหลังว่าไม่น่าเชื่อถือ ได้ระบุว่าชาวอัชเกนัซมีต้นกำเนิดจากชาวคาซาร์ ซึ่งเป็นชนเผ่าที่พูดภาษาตุรกีและเปลี่ยนมานับถือศาสนายูดาห์ในช่วงศตวรรษที่ 8 หรือ 9
แต่ไม่ว่าจะทฤษฎีใด ชุมชนอัชเกนัซก็ประกอบขึ้นจากชาวยิวที่มาจากภูมิภาคต่างๆ โดยในช่วงแรก พวกเขามีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลายชั่วอายุคนที่แต่งงานและมีลูกหลานร่วมกัน ก็ทำให้ชุมชนนี้ค่อยๆ กลายเป็นกลุ่มที่มีลักษณะทางพันธุกรรมและวัฒนธรรมใกล้เคียงกันมากขึ้น
หากมีสิ่งใดที่ทำให้ชาวอัชเกนัซมีแนวโน้มประสบความสำเร็จเป็นพิเศษ สิ่งนั้นก็น่าจะพัฒนาขึ้นหลังจากที่พวกเขารวมกลุ่มกันใหม่ในยุโรปตะวันออก โดยข้อมูลจากหนังสือ “The Chosen Few” ซึ่งเขียนโดย Maristella Botticini และ Zvi Eckstein ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จทางการเงินของชาวอัชเกนัซตั้งแต่ราวปีค.ศ. 1000 (พ.ศ.1543) ซึ่งเป็นช่วงที่อัตลักษณ์ของพวกเขาในฐานะชาวยิวแห่งยุโรปตะวันออกเริ่มตั้งมั่น ดังนั้นสิ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนั้น น่าจะเกิดขึ้นในช่วงหลายศตวรรษก่อนหน้านั้น
แล้วมันคืออะไร?
ข้อมูลจากหนังสือเรื่อง The Chosen Few ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
การปฏิรูปทางศาสนาและวัฒนธรรมของชาวยิวในช่วงศตวรรษที่ 1-7 โดยเฉพาะการที่ผู้นำชาวยิวได้เริ่มกำหนดให้ชายชาวยิวทุกคนต้องเรียนรู้การอ่านและศึกษาคัมภีร์โตราห์ ซึ่งเป็นการบังคับใช้ “การรู้หนังสือ” อย่างแพร่หลายในยุคที่การรู้หนังสือยังไม่ใช่เรื่องธรรมดาสามัญในสังคมอื่นๆ
ประเด็นหลักของทฤษฎีนี้คือ
1.การศึกษาคือหัวใจสำคัญ
เมื่อศาสนายูดาห์เปลี่ยนจากการบูชายัญและพิธีกรรมในวิหาร ซึ่งสิ้นสุดหลังปีค.ศ.70 (พ.ศ.613) ไปสู่ศาสนาที่เน้นการเรียนรู้และการตีความเนื้อหาในคัมภีร์ ผู้นำชุมชนก็เริ่มให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กชายทุกคน การรู้หนังสือจึงกลายเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของชาวยิวในเวลานั้น
2.แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ
เมื่อชาวยิวจำนวนมากไม่สามารถทำอาชีพเกษตรกรรมได้เพราะถูกจำกัดสิทธิในที่ดิน ชาวยิวจึงหันไปประกอบอาชีพที่ต้องใช้ความรู้ เช่น พ่อค้า คนปล่อยเงินกู้ เลขานุการ เป็นต้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จทางเศรษฐกิจ
3.การคัดเลือกตามธรรมชาติทางวัฒนธรรม (Cultural Selection)
ครอบครัวที่ไม่สามารถลงทุนในเรื่องการศึกษาของบุตรได้ มีแนวโน้มจะออกจากชุมชนยิวโดยใช้วิธีการเปลี่ยนศาสนา ทำให้ประชากรที่เหลืออยู่คือกลุ่มที่มีการศึกษาและมุ่งเน้นคุณค่าทางปัญญา เมื่อเวลาผ่านไป ชาวยิวเหล่านี้ก็พัฒนาเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มสูงต่อความสำเร็จในเชิงวิชาชีพและเศรษฐกิจ
1
นี่ก็อาจจะเป็นทฤษฎีที่พอให้มองภาพออกว่าทำไมชาวยิวจึงโดดเด่นในหลายๆ แง่มุมและมีอิทธิพลในเวลาต่อมา
1
โฆษณา