1 มิ.ย. เวลา 11:33 • นิยาย เรื่องสั้น

กำเนิดนวนิยายนายอำเภอปฏิวัติ

By.ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
นวนิยายเรื่องนายอำเภอปฏิวัติ เป็นนวนิยายที่ทรงคุณค่า ในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ตีแผ่เรื่องราวในกระทรวงมหาดไทย ได้ดีอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ประวัติของผู้เขียน นวนิยาย เรื่องนายอำเภอปฏิวัติ ที่ใช้นามปากกาว่า บุญโชค เจียมวิริยะ เป็นใครมาจากไหน ชื่อจริงชื่ออะไร แล้วหนังสือเล่มนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
ต้นสายปลายเหตุ ที่เขียน นายอำเภอปฏิวัติ มีจุดเริ่มต้นที่ไหน ที่สำคัญชีวิตครอบครัวของนายอำเภอปฏิวัติ มีที่มาอย่างไร
เรื่องราวชีวิตส่วนหนึ่งของผู้เขียน ผมใช้เวลารวบรวมนานนับ 10 ปี เพราะผมเป็นเพื่อนกับน้องชาย ( สมศักดิ์ แซ่ก๊วย) ภรรยาของผู้เขียน และมีบ้านเรือนอยู่ใกล้กัน ทำให้เห็นเรื่องราว ที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเวลาหนึ่ง ที่นายคมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร ผู้ใช้นามปากกา บุญโชค เจียมวิริยะ เป็นนายอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ในระหว่างปี พ.ศ.2513-2514
คมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร เกิดราวปี พ.ศ.2477 เป็นบุตรของ ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร (เจียม ศุภลักษณ์ศึกษากร ) กับคุณแม่เปลี่ยน
ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ 2441 ที่บ้านสำโรง ตำบลภูเขาลาดอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ 2500 ด้วยโรคกระเพาะอาหาร โดยจัดงานฌาปนกิจ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2507 ณเมรุวัดโพธิ์ ตำบลในเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร มีบุตร-ธิดา รวม 8 คน คือ
1.)จําเนียร ศุภลักษณ์ศึกษากร
2.)ชูชาติ ศุภลักษณ์ศึกษากร
3.)จำนวน ศุภลักษณ์ศึกษากร
4.)คมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร (ผู้เขียนนายอำเภอปฏิวัติ)
5.)เปรมใจ ศุภลักษณ์ศึกษากร
6.)สุพร (ศุภลักษณ์ศึกษากร) สุนทรสนาน
7.)ศรีนวล (ศุภลักษณ์ศึกษากร) ชุ่มวงศ์
8.)ปนัดดา ศุภลักษณ์ศึกษากร
ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร ได้รับการศึกษาที่โรงเรียนวัดกลาง (วัดพระนารายณ์) เรียนชั้นเตรียม ก.ถึงเตรียม ข. (สมัยโบราณเรียกว่าขั้นต่ำ) แล้วเลื่อนชั้นไปเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 5 (สมัยโบราณเรียกว่าชั้นสูง)
พ.ศ 2457 จบชั้นสูง แล้วไปรับข้าราชการครู
พ.ศ 2460 ได้รับคัดเลือกให้ไปเรียนวิชาครูกสิกรรม ที่กรุงเทพฯ
พ.ศ 2466-2477 ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร ดำรงตำแหน่งเป็น ครูใหญ่โรงเรียนฝึกหัดครูมูลกสิกรรม ( โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัด) และได้รับพระราชทานยศเป็น ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร
โรงเรียนฝึกหัดครู ต่อมาคือวิทยาลัยครู สถาบันราชภัฏ และในที่สุดก็คือมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2465 ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร ได้จับจองที่ดินเพื่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูมูล นครราชสีมา แล้วขออนุญาตก่อสร้าง พร้อมกันนั้นก็ได้ทำหลักสูตร ต่อมาเมื่อต้นปีพ.ศ 2466 ทางมณฑลเห็นชอบ จึงแต่งตั้งให้ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร เป็นผู้รักษาการแทนครูใหญ่
ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร ได้ดำเนินการถากถางป่าไม้ไผ่ ในสุสานร้างด้วยความลำบากตรากตรำ เพื่อที่จะให้เป็นสถานที่ก่อสร้าง โรงเรียนเป็นการชั่วคราว ในที่สุดโรงเรียนก็ได้สร้างขึ้นอย่างถาวร และขุนศุภลักษณ์ศึกษากร ได้บริหารโรงเรียนถึง 12 ปี โดยการผลิตครูที่ดี มีคุณภาพ ออกสู่สังคม ในที่สุดที่ดินตรงนี้ ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นโรงเรียนช่างไม้ นครราชสีมา ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา
ในช่วงปลายท้ายชีวิตของ ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลและสมาชิกสภาจังหวัด จากผลแห่งความดี ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนให้ได้รับเลือกตั้งอย่างท่วมท้น
ต้นตระกูลของ ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร มีคุณปู่ คือ ขุนพิทักษ์เสนา และญาติที่เหนือชั้นขึ้นไปล้วนมีบรรดาศักดิ์ทุกคน เว้นแต่ บิดาของขุนศุภลักษณ์ศึกษากร เท่านั้น และมีคุณตา คือขุนนราพิทักษ์
ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร จะสอนลูก ๆ อยู่เสมอว่า " ให้เอาอย่างพ่อ หรือไม่ก็บอกว่าให้ดูพ่อเป็นตัวอย่าง " และยังมีบทกลอน เป็นคติเตือนใจ คือ
คุณบิดามารดาอาจารีย์
พระคุณมีแก่เราแต่เยาว์มา
ทั้งไตรรงค์ธงชาติศาสน์กษัตริย์
ธรรมนูญรัฐไทยเราเท่าภูผา
ได้นอนเนาว์เอากำเนิดแต่เกิดมา
ชาวประชาเป็นสุขอยู่ทุกวัน
ทั้งบุรุษสตรีวีระชาติ
สร้างอำนาจสืบสกุลคุณมหันต์
ท่านเหล่านี้ดีเลิศประเสริฐครัน
ได้ช่วยกันกอบกู้ชูชาติไทย
ถึงสิ้นชีพส่วนชื่อยังลือลั่น
ชื่อเสียงนั้นหอมอยู่ดูสดใส
ถ้าทำชั่วติดตัวจนบรรลัย
ละโลกไปก็ไม่สิ้นคนนินทา
เชื่อคำครูเถิดหนาอย่าประมาท
คิดสร้างชาติให้ปรากฏมียศฐา
ประเทศไทยคงถึงชัยวัฒนา
ปวงประชาพ้นทุกข์สุขสำราญ
คมสัน ได้รับการศึกษา จากหลายสถาบัน อาทิ โรงเรียนสิริวิทยากร , โรงเรียนสุขานารี , โรงเรียนสุรินทร์ราษฎร์บำรุง โรงเรียนสวัสดิ์ผดุงวิทยา ,โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย , โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ,โรงเรียนสุรนารีวิทยาลัย , และได้เข้าศึกษาต่อที่ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในขณะทำงานที่กองการปกครองท้องที่ ได้ลาไปศึกษาต่อใน ด้านรัฐศาสตร์ ระดับปริญญาโท ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ส่วนบุคคลที่ คมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร ได้เชิดชู และให้ความสำคัญ ที่ส่งผลต่อความสำเร็จในงานเขียน มีหลายท่านด้วยกันคือ
ครูเตี๊ยม บุญยากร , ครูรำพึง วิจารณ์ , ครูปรุงมาศ วงศ์กำแหง , ดร.สาย ภาณุรัตน์ ครูวิรัช เปรื่องการ , ครูสังวาลย์ พุทธิรัตน์, ครูยุพิน วิจารณ์, ครูวรณี ศิริบุญ (สัชฌุกร)
และ ศาสตราจารย์เจือ สตะเวทิน ซึ่งเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาภาษาไทย และรากฐานวิชาการประพันธ์ จนสามารถทำให้นายคมสัน ใช้วิชาการภาษาไทยเขียนนวนิยาย ประสบความสำเร็จ ผลิตงานเขียนเพื่อรับใช้สังคม และใช้เลี้ยงชีพได้เป็นอย่างดี
คมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร ภายหลังที่จบการศึกษาจาก คณะรัฐศาสตร์ ระดับปริญญาตรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เริ่มชีวิตราชการเป็นเสมียน ไต่เต้าขึ้นเป็น ปลัดอำเภอ อักษรเลข ผู้ตรวจราชการส่วนท้องถิ่น จ่าจังหวัด ปลัดอำเภอโท ผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอ และนายอำเภอในที่สุด
ชีวิตราชการของ คมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร ส่วนใหญ่จะทำงานในพื้นที่ส่วนภูมิภาค บางที่ก็รับราชการเพียงไม่กี่เดือน ก็จะได้รับคำสั่ง จากผู้บังคับบัญชา ย้ายไปรับราชการในพื้นที่แต่ละแห่ง จนนายอำเภอคมสัน เปรยๆ ว่า อยู่พอๆ กับนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ หรือบางทีเก้าอี้ยังไม่ทันอุ่น ก็ถูกย้ายแล้ว
ล้วนแต่ร่อนเร่อยู่ตามหัวเมืองที่ไกลปืนเที่ยง ไม่ต่างอะไรกับคนจรหมอนหมิ่น และมักจะไปอยู่ไหนไม่ค่อยยืด ถ้าอยู่อำเภอหรือจังหวัดไหนที่ราบรื่น ก็พอจะอยู่ได้สัก สามสี่ปี และคงไม่มีโอกาส ได้เข้าไปทำงานในนครบาล เหมือนอย่างคนอื่น
นามปากกา บุญโชค เจียมวิริยะ ปรากฏเป็นครั้งแรก ในหนังสือสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ฉบับที่ 13 ปีที่ 21 วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายนพ.ศ 2517 จากผลงานเรื่องสั้น ซึ่งมีคุณประจวบ ทองอุไร เป็นบรรณาธิการ
นวนิยายเรื่องนายอำเภอปฏิวัติได้เขียนเสร็จสิ้นลงเมื่อปี พ.ศ 2517 และได้รับรางวัลหลายรางวัล อาทิ นวนิยายรางวัลยอดเยี่ยมแห่งปี พ.ศ 2518 ของคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ พ.ศ 2519 , ได้รับเกียรติบัตรของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในวงราชการ( ป.ป.ป.) พ.ศ 2534
จากการที่หนังสือนวนิยาย "นายอำเภอปฏิวัติ" ได้รับรางวัล คมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร ผู้ใช้นามปากกาว่า บุญโชค เจียมวิริยะ ก็ได้ออกมาขอบคุณ ศาสตราจารย์สุกิจ นิมมานเหมินท์ ,ศาสตราจารย์คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต, และคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ,ที่ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้นวนิยายเรื่องนายอำเภอปฏิวัติ ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประจำปี
โดยในหนังสือ นวนิยายนายอำเภอปฏิวัติ มีเนื้อหา เกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อใช้เป็นหนังสืออ่าน สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาและเยาวชนทั่วไป ให้มีทัศนคติที่ถูกต้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม
สำหรับเนื้อหาโดยย่อของหนังสือนายอำเภอปฏิวัติ เป็นการนำเสนอตัวละครหลักสองคน คนหนึ่งตรงฉินยอมหักไม่ยอมงอ ชีวิตราชการจึงลุ่ม ๆ ดอน ๆ และถูกกลั่นแกล้ง โดยการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ตัวละครอีกคนหนึ่งเป็นคนที่สามารถปรับตัว เข้ากับระบบได้ดี ชีวิตราชการและครอบครัวจึงราบรื่น แต่ทั้ง 2 วิธีนั้นมีเรื่องที่เป็นคติ ซ่อนเงื่อนไขไว้ ให้ได้ไปขบคิด ในอาชีพราชการที่ดีสุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม
ช่วงเวลาหนึ่งในอดีต หลักสูตร นักเรียนนายอำเภอ จะต้องอ่านนวนิยายนายอำเภอปฏิวัติ แล้วนำมาวิพากษ์ และนำเสนอรายงานอันเป็นส่วนหนึ่ง ของการศึกษา แต่เป็นที่น่าเสียดายปัจจุบันไม่มีแบบนี้อีกแล้ว ทั้งปลัดอำเภอ หรือนายอำเภอ แม้แต่ผู้มีตำแหน่งที่สูงขึ้น ในกระทรวงมหาดไทย ก็ไม่มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนี้
หนังสือนวนิยายนายอำเภอปฏิวัติ ถูกตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ต่ำกว่า 16 ครั้ง และทุกวันนี้กลายเป็นหนังสือเก่าหายาก และแม้นว่าจะเป็นหนังสือมือสองจะมีราคาที่สูงมาก แต่ก็ยังมีนักอ่านและผู้สนใจอยากจะซื้อมาไว้ศึกษา
คมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร ผู้ใช้นามแฝง บุญโชค เจียมวิริยะ ยังมีผลงานการประพันธ์อยู่หลายเรื่อง คือ ธาตุมนุษย์, ของขวัญ, ลูกไม้มหาดไทย, ได้เงาอดีต, สู่รั้วสิงห์, สุดทางที่กาฬสินธุ์, มหาดไทยมาเฟีย, เทพบุตรมหาดไทย, มหาดไทยสะเทือน, นายอำเภอรวมพล, นิสิตหนุ่ม, และฟ้าสีดำ ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง แผ่นดินเถื่อน
คมสัน ศุภลักษณ์ศึกษากร เสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2556 เวลา 08.52 น. สิริอายุ 79 ปี กำหนดพระราชทานเพลิงในวันที่ 10 มีนาคม 2556 เวลา 18.00 น ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
อ้างอิง Reference
-หอสมุดแห่งชาติจังหวัดภูเก็ต สาขาวัดเจริญสมณกิจ ภูเก็ต
-หนังสืออนุสรณ์ งานฌาปนกิจ ขุนศุภลักษณ์ศึกษากร 22 มีนาคม 2507 จัดพิมพ์โดยกรมศิลปากร
- Pantip
&&&&&&&&&&&&
โฆษณา