2 มิ.ย. เวลา 17:00 • ไลฟ์สไตล์
การสวดมนต์ ก็เป็นเรื่องของการ ที่เมื่อเราไปนั่งหน้าพระ เราเอากายวาจาใจ กราบพระ กราบพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์อัครสาวก ท่านก็ละความโลภโกรธหลง ทรัพย์สินเงินทอง เรากราบ พระที่ท่านพ้นทุกข์ไปแล้ว บริสุทธิ์แล้ว ท่านไม่ทรัพย์สินเงินทอง สมบัติอะไรจะให้ สิ่งที่ทำนำกายไปจิต ไปกราบท่านบูชาท่าน เพือที่เราจะได้ เบาบางจากอารมณ์กรรม ความโลกโกรธ มากราบท่าน
เราก็นำกิริยาดีมากราบ กราบท่านด้วยจิต ไม่ได้ใช้อารมณ์อยาก มากราบท่าน เรากราบท่าน ด้วยเหตุที่เราก็อยากพ้นทุกข์ เหมืนนท่านบ้าง เพราะว่าเกิดทีไหรมันก็ทุกข์ ต้องดิ้นรน เสาะแสวงหาปัจจัยมาเลี้ยงสังขารกรรม ให้บรรเทาเบาบาง จากกายที่หิวกระหาย เรานำกายวาจาใจ มากราบพระสวดมนต์ เพื่อบันทึกการกระทำของเราลงไปที่ธาตุทั้งสี่ การมาสวดมนต์ เราก็ยุติ ไม่ได้นำกายไปเดินในช่องทาง ที่มีแต่ความโลภโกรธหลง
คราวนี้ ในการทำบุญ เราก็อาศัยปัจจัยที่เราหามาด้วยแรงกายที่ไปหามาด้วยความเหนื่อยยากของกาย เราก็เจียดปัจจัยนั้น มาวางต่อเบื้องพระพักตร์.ขององค์พระสัมมามาสัมพุทธเจ้า เพื่อฝากไว้ในศาสนาของท่าน ทำนุบำรุงพระศาสนา เกิดมาชาติหน้า สิ่งที่วางไว้ในศาสนา ก็บันทึกเรื่องราวบุญกุศล นั้นไปกับจิตของเรา
การทำบุญกุศลนั้น เพื่อให้กายเรามีบุญ ทำให้กายกรรม นั้นเป็นกายบุญเกิดขึ้น กายบุญนั้นก็ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดี ช่วยบรรเทา กรรมหนักให้เป็นเบา เมื่อกายเป็นบุญ เรากใช้กายนี้ ไปทำมาหากิน ก็มีบุญหนุนนำช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างไปได้ การสวดมนต์นั้นก็เป็นการสร้างบุญกุศล ส่งเสริมให้จิตอาศัยกาย เบาบางจาดเรื่องของอารมณ์กรรม การสละปัจจัย ออกไปทำบุญทำทาน ก็เพื่อสละความโลกความโกรธความหลง ที่มันก็ซ่อนเร้น อยู่ในวัตถุ ใครไปหญิงของมีค่า ที่เราหา .เราก็โกรธ ..บางที่ก็ทำลายกันอบะกันเกิดขึ้น
พระพุทธเจ้า ท่านเจ้าป่าท่านไม่ได้ไปนั่งท่องคาถาอาคม ท่านไปนั่ง ภาวนา มีคำว่า พุทโธ พระสาวก ก็ทำตาม มีแต่คำว่าพุทโธ เพื่อดึงจิตไม่ไปพัวพัน อารมณ์ต่างที่เกิดขึ้นในกาย ส่วนเรานั้นเป็นจิตของผู้ที่มีกรรม จึงถูกอารมณ์ย่ำยีไม่หยุดได้เลย ไม่ว่าจะไปเดินไปนั่งนอน ที่ได้ เคลือบกายไป มันก็เป็นอารมณ์ไปเสียทั้งหมด
เราไปดูชาดกพระพุทธเจ้า ท่านให้ทาน สร้างบุญกุศล ท่านทำมาแต่ละชาติ ยิ่งทำยิ่งเกิดมา มีทรัพย์สินเงินทอง มีลาภยศสรรเสริญ ยิ่งทำ ก็ยิ่งเกิดมา มีทรัพย์สินเงินนทองมารอคอยให้ใช้ จนชาติสุดท้าย เห็นว่า ทรัพย์สินเงินทอง ก็เบื่อหน่ายที่จะต้องเกิดมาใช้อีก ด้วยบุญบารมี ที่ทำมา เห็นสิ่งเหล่าทำให้ต้องเกิด ..ก็ทิ้งทั้งหมด ไม่เอามาใช้
เจ้าชายเศรษฐี ก็ทิ้งบ้าง เดินเข้าป่าด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว อย่างพระกัสสป ท่านก็ ให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้เป็นทาน ประดองสองมือให้ผู้ที่อยากได้เอาไปใข้ด้วยความเต็มใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต่อท่านอีกต่อไป นั้นเป็นเรื่องจิตของผู้ที่มีบุญกุศลมาเต็มที่ มีปัญญาธรรม มองเห็นทรัพย์สินเงินทองยศฐานบรรดาศักดิ์ นั้นทำให้ต้องเกิด เมื่อจะหยุดเกิด ก็ทิ้งออกไปจากกาย มีแต่กายที่พ่อแม่ให้มา เดินเจ้าป่า ขีนน้ำสักใบก็ไม่มี
ส่วนเรานั้นยังต้องเกิด ..ก็สร้างบุญกุศลบารมีสะสมไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้มีบุญหนุนนำ ไม่ต้องใช้เวลาไปหาปัจจัย มีเวลาที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม สะสมการใช้กายวาจาใจมาเดินตามรอยของพระ ยืนเดินนั่งนอน ไม่นึกคิดอะไร ไม่มีอารมณ์ .นำพาจิตไปสร้างทุกข์
โฆษณา