3 มิ.ย. เวลา 03:56 • ไลฟ์สไตล์
สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่

เดินที่สวนกับน้อง

บางทีเราก็ลืมไปแล้วว่า เราเองก็คือผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถึงแม้อายุยังน้อยในสายตาของผู้ใหญ่ที่โตกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว เราไม่ได้ทันรู้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งน้องถามถึงชีวิตในรั้วมหา’ลัย มีคนมองเราเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ แล้ว
เราเป็นลูกคนเดียว โชคดีที่มีลูกพี่ลูกน้องที่เล่นกันตั้งแต่เด็กทำให้ไม่เหงาเกินไป เขาอายุน้อยกว่าเราประมาณห้าปี เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนี้กำลังเรียนมัธยมปลาย ในโรงเรียนที่เราเคยอยู่มาตลอดหกปีเราสองคนเรียนกันคนละสาย เราไปทางศิลป์ภาษา ส่วนน้องไปสายวิทย์-คณิต แม้เราสองคนเหมือนจะมีเส้นทางที่ไปคนละทิศ ทว่าชีวิตประจำวันเรากลับดูคล้ายคลึง เหมือนเรากำลังได้เห็นตัวเองในเวอร์ชันเมื่อห้าปีก่อน นี่อาจเป็นเพราะน้องเห็นเราเติบโตจึงซึมซับมาไม่มากก็น้อย
น้องเป็นคนเงียบ ๆ ในสายตาเรา ถ้าไม่ชวนคุยก็จะไม่ค่อยพูดอะไร ถึงอย่างนั้นพอได้เปิดจอคอมเล่นเกมกับเพื่อนก็มักจะได้ยินเสียงความสนุกสนานอึกกะทึกคึกโครมดังแว่วมา เสียงแบบที่เราคุ้นเคย เพราะครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นแบบนั้น สมัยเด็ก เรามักชวนน้องมาดูเรานั่งเล่นเกม น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาชอบเกมจนถึงทุกวันนี้
พอเขาขึ้น ม.5 ก็ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับเรา เพราะไปโรงเรียนสะดวกกว่า มันเลยเป็นโอกาสดีให้เราได้กลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้งหลังจากห่างกันไป เราชวนน้องไปเดินออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ ตอนนี้การเดินที่สวนเป็นกิจวัตรส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตเราไปแล้ว หลังจากที่แม่ชวนไปเป็นครั้งแรกจนแม่ไปไม่ไหว เราก็เลยชวนน้องไปแทนระหว่างที่เดินก็ได้คุยกันเรื่อยเปื่อย ค่อย ๆ รู้ว่าเราสองคนห่างกันพอสมควร ทั้งช่วงวัย ความคิด และแม้แต่คำที่ใช้เรียกกัน น้องเริ่มเรียกตัวเองว่า "ผม" บ้าง พูดปิดท้ายด้วยคำว่า "ครับ" เป็นบางครั้ง
มันดูเขิน ๆ ยังไม่ชินนัก แต่เราดีใจที่เขาเต็มใจจะพูดคุยกับเรา ทั้งการเรียนที่เราเต็มใจบอกทั้งส่วนที่เขาทำได้ดีและส่วนที่ทำไม่ค่อยได้ เขาบอกโดยที่เราไม่ต้องถาม พอเราถามถึงเรื่องการคบเพื่อน เขาก็เล่าให้ฟัง เราไม่ได้อยากรู้ว่าใครเป็นใครหรอก แค่อยากรู้ว่า เวลาพูดถึงเพื่อน เขาเล่าอย่างไร น้ำเสียงเป็นยังไง สีหน้าแบบไหน
น้องเราใกล้จะจบมัธยมปลายแล้วเลยไม่แปลกที่จะเริ่มสนใจชีวิตในมหา’ลัย เขาถาม เราก็ตอบ ตอบด้วยความเต็มใจ พอเราถามกลับถึงการเรียนต่อน้องก็เล่าให้ฟัง เป็นสายที่เราให้คำแนะนำอะไรไม่ได้มากแต่ก็พยายามแนะนำไปให้ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่อวดรู้ กระนั้นพอนึกดูเรากลับดูพูดอวดรู้ไปซะหน่อย เราเล่าไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน เล่าว่ามหา'ลัยโน้นนี้ตั้งอยู่ที่ไหน
ไปจนถึงการเดินทาง พูดถึงการขึ้นรถเมล์ น้องไม่ค่อยเข้าใจแล้วเขาก็พูดออกมา เป็นประโยคที่แอบทำให้เราสลดใจ "ไม่รู้ว่ารถเมล์เป็นยังไง หาดใหญ่ไม่มีรถเมล์" ซึ่งเราเข้าใจความรู้สึก เราไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้กระทั่งหน้าตาของมัน เคยเห็นแต่รถสองแถว ต่อให้รอที่ป้ายรถเมล์นานแค่ไหนรถเมล์ก็จะไม่มา และจะไม่มีวันรู้หากเราไม่ได้ไปเรียนที่เมืองหลวง
โฆษณา