3 มิ.ย. เวลา 07:31 • ข่าวรอบโลก

📖 บทวิเคราะห์ (ส่วนตัว) ศักยภาพการตอบโต้

ของรัสเซียในสมรภูมิสงครามยูเครน
กว่า 3​ ปีที่ปฎิบัติ​การพิเศษทางทหารต่อยูเครน
ของรัสเซียได้ปะทุขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ
(วิเคราะห์​บ้างหลัง 3​ ปี​รัสเซีย-ยูเครน​ หรือการต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดอาจยังมาไม่ถึง​ 🇷🇺⚔️🇺🇦 ▪️◾)​
โลกปัจจุบันกำลังเผชิญกับพลวัตใหม่ของสงคราม ซึ่งเทคโนโลยีล้ำสมัยได้เข้ามาปฏิวัติสมรภูมิอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพของปฏิบัติการไซเบอร์ที่สามารถสร้างความปั่นป่วนในโลกเสมือนจริง บทบาทของดาวเทียมในการเฝ้าระวังและนำทาง หรืออิทธิพลของอากาศยานไร้
คนขับ (โดรน) ที่ขยายขีดความสามารถในการ
โจมตีและลาดตระเวน
ท่ามกลางภูมิทัศน์ทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ รัสเซีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์และเคยมีแสนยานุภาพทางทหารที่แข็งแกร่งในยุคสงครามเย็น กลับต้องเผชิญกับความท้าทายที่ไม่คาดคิดในการดำเนินปฏิบัติการในยูเครน แม้จะมีการระดมสรรพาวุธนานาชนิด ทั้งขีปนาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้าง โดรนพลีชีพที่มุ่งเป้าโจมตี และอาวุธหนักที่ถูกส่งเข้าสู่สมรภูมิอย่างต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงหลายอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ในช่วงปลายปี 2024 เกือบจะกลางปี 2025 ภาพรวมของสงครามเปลี่ยนไปสู่การทำสงครามเชิงประลองกำลังและเทคโนโลยีมากกว่าการยึดครองพื้นที่ สงครามอากาศกลายเป็นหัวใจหลัก ทั้งการโจมตีข้ามพรมแดนด้วยขีปนาวุธและโดรน และปฏิบัติการพิเศษของยูเครนที่พุ่งเป้าเข้าโจมตีฐานทัพ
และคลังยุทธศาสตร์ภายในรัสเซียเอง
💢 ปฏิบัติการ "Spider Web" ซึ่งยูเครนใช้โดรน FPV กว่า 117 ลำ (อาจมากกว่านั้น)​ บุกถล่มฐานทัพอากาศสำคัญในภูมิภาคต่างๆ ของรัสเซีย จนสร้างความเสียหายต่อเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ได้กว่า 34% (ตามคำกล่างอ้างว่าปฏิบัติการนี้ดำเนินการโดยหน่วย SBU ของยูเครนและก่อความเสียหายมูลค่าประมาณ 2.3 แสนล้านบาท)
เป็นเหตุการณ์ที่ตอกย้ำให้เห็นจุดอ่อนเชิงระบบ
และความท้าทายที่รัสเซียต้องเผชิญในการป้องกันตนเอง ขณะที่ความได้เปรียบของยูเครนอยู่ที่การเข้าถึงข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม SAR
https://www.facebook.com/share/p/1BezZT2ZRL/ ของบริษัท ICEYE และระบบสื่อสารควบคุมโดรนผ่านโครงข่าย 4G-LTE ที่ปรับใช้กับอุปกรณ์ Ardupilot บน Raspberry Pi
https://ardupilot.org/dev/docs/raspberry-pi-via-mavlink.html ทำให้ปฏิบัติการสามารถดำเนินได้ลึกเข้าถึงพื้นที่หวงห้ามอย่างมีประสิทธิภาพ
หากมองในภาพรวมจะพบว่า ยูเครนไม่ได้ใช้เฉพาะปฏิบัติการ Spider Web เท่านั้น แต่ยังมีปฏิบัติการอื่น ๆ ที่แสดงถึงความหลากหลายของยุทธวิธี เช่น การยิงขีปนาวุธ ATACMS โจมตีฐานทัพในเคิร์สก์ หรือการลอบสังหารนายทหารระดับสูงของรัสเซียในพื้นที่แนวหน้าและเขตหลังฐาน ซึ่งช่วยเสริมแรงกดดันในหลายมิติ และทำให้ยุทธศาสตร์เชิงลึกของรัสเซียเริ่มแสดงอาการเปราะบางอย่างเห็นได้ชัด
💢อย่างไรก็ตาม▪️▪️◾◼️
ท่ามกลางช่องโหว่เหล่านี้ รัสเซียเองก็มีจุดแข็งสำคัญในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกละเลยในบางบริบทเช่นกัน ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของรัสเซีย เช่น Zhitel ซึ่งสามารถรบกวนสัญญาณ GPS และระบบสื่อสารในรัศมี 10 กิโลเมตร
รวมถึงปืน Stupor rifle ที่ใช้ทำให้โดรนสูญเสียการนำทางและควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถือเป็นอาวุธสำคัญในการลดขีดความสามารถของ
ขีปนาวุธ.Storm Shadow​ Himars และโดรนโจมตีของยูเครน นอกจากนี้ รัสเซียยังใช้ UAV ลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องในการติดตามความเคลื่อนไหวของกองทัพยูเครนแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยในการกำหนดเป้าหมายและยิงตอบโต้ได้อย่างแม่นยำ
คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้นว่า ▪️▪️◾
รัสเซียยังมีศักยภาพในการตอบโต้ยูเครน
อย่างไรได้อีกในสมรภูมินี้​ ❓❓❓
ในอีกด้าน รัสเซียยังคงเดินหน้าใช้อาวุธปล่อยระยะไกลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธ Kalibr, Iskander, Kinzhal, Zircon รวมถึงโดรน Shahed-136 หรือที่รัสเซียเรียกว่า Geran-2 ในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของยูเครน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า ระบบสายส่ง และอุตสาหกรรมกลาโหม ซึ่งแม้จะสามารถสร้างความเสียหายได้เป็นระยะ ๆ แต่ปัญหาที่รัสเซียกำลังเผชิญคือ เป้าหมายสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ส่วนใหญ่ได้ถูกโจมตีไปแล้วตั้งแต่ปีแรกของสงคราม ทำให้เหลือเพียงเป้าหมายในเชิงแทคติกที่มีน้อยลง
ขณะเดียวกัน ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนได้รับการเสริมกำลังจากชาติพันธมิตรตะวันตกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Patriot, NASAMS, IRIS-T และ Gepard ทำให้การโจมตีเชิงลึกของรัสเซียมีประสิทธิภาพลดลง.โดยเฉพาะในช่วง
กลางถึงปลายปี 2024 ที่อัตราการยิงสกัดโดรน
และขีปนาวุธเพิ่มขึ้น
รัสเซียจึงเริ่มขยายขีดความสามารถในการโจมตีทางอากาศ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ได้เปิดปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในสงคราม ด้วยการยิงขีปนาวุธและโดรนรวมกว่า 367 ลูกภายใน 24 ชั่วโมง พุ่งเป้าไปยังโครงสร้างพื้นฐานพลังงานในเมืองใหญ่ และศูนย์ซ่อมอาวุธสำคัญของยูเครน นอกจากนี้ รัสเซียยังเริ่มนำขีปนาวุธรุ่นใหม่อย่าง
‼️Oreshnik​ ‼️
ป็นการพัฒนาจาก RS-26 Rubezh ​มีพิสัย 800-2,000 กิโลเมตร เข้าสู่การปฏิบัติการโจมตีจริง โดยครั้งแรกใช้ยิงโจมตีเมือง
ดนีโปรเมื่อพฤศจิกายน 2024 เพื่อเป็นการตอบโต้การโจมตีเชิงลึกของยูเครนในพื้นที่เบื้องหลัง
แม้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงและอาวุธปล่อยระยะไกลเหล่านี้จะสามารถแสดงแสนยานุภาพเชิงยุทธศาสตร์ได้ แต่ผลลัพธ์ในเชิงเปลี่ยนแปลงพื้นที่หรือสถานการณ์ในสนามรบจริงกลับค่อนข้างจำกัด ยิ่งไปกว่านั้น การสูญเสียเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์และคลังอาวุธในประเทศจากปฏิบัติการโดรนและขีปนาวุธของยูเครน ทำให้รัสเซียต้องเริ่มทบทวนขีดความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามเชิงลึกอย่างจริงจัง
1
อย่างไรก็ดี ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียเองยังคงไม่สามารถรับมือกับการโจมตีแบบโดรน FPV จำนวนมาก หรือขีปนาวุธร่อนระยะกลางที่ยิงเข้ามาจากระยะไกลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนเชิงระบบที่ทำให้สนามรบยุคใหม่ที่เน้นการโจมตีระยะไกลและสงครามไร้คนขับ กลายเป็นความท้าทายสำคัญที่ทั้งสองฝ่าย
ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน
ช่องโหว่บนลานบิน​ ✈️🔥🔥🔥
ความประมาทเชิงยุทธศาสตร์
ที่รัสเซียกำลังจ่ายราคา​ 💢💢▪️
แม้ว่าสนธิสัญญา New START จะกำหนดให้เครื่องบินทิ้งระเบิดติดอาวุธนิวเคลียร์ต้องจอดประจำการในพื้นที่เปิดที่สามารถตรวจสอบได้ผ่านดาวเทียม เพื่อเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถยืนยันสถานะได้ตามข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ แต่ในสถานการณ์สงครามจริง ข้อกำหนดเหล่านี้แทบไม่มีน้ำหนักในการบังคับใช้ อีกทั้งคู่สัญญาเองก็ไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด และใน
ระยะหลังยังมีการระงับปฏิบัติบางส่วนของข้อตกลงนี้ชั่วคราวอีกด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางของสหรัฐฯ ซึ่งเก็บรักษาเครื่องบินล่องหนยุทธศาสตร์อย่าง B-2 และ B-21 ในโรงเก็บพิเศษตลอดเวลา เพื่อปกป้องวัสดุเคลือบผิวที่บอบบางและป้องกันการเสื่อมสภาพ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าการปล่อยให้เครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียจอดเปิดโล่งบนลานบินเป็นแนวทางที่เสี่ยงและไม่รัดกุม
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ พื้นที่ไซบีเรียซึ่ง
เป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศส่วนใหญ่ ถูกประเมินว่าอยู่ห่างไกลจากภัยคุกคามโดยตรง ทำให้กองทัพรัสเซียอาจประมาทและไม่คาดคิดว่าจะถูกโจมตี
ลึกเข้ามาได้ถึงขนาดนี้ ขณะเดียวกัน
งบประมาณทางทหารส่วนใหญ่ของรัสเซียถูกทุ่มลงไปที่สมรภูมิแนวหน้าและระบบป้องกันเมืองสำคัญอย่างมอสโกและ​เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก​ การพัฒนาอาวุธ​เชิงรุก
จึงยังไม่มีงบประมาณเร่งด่วนสำหรับการจัดสร้าง
โรงเก็บเครื่องบินยุทธศาสตร์​ ทำให้เครื่องบินหลายลำต้องจอดกลางลานท่ามกลางความเสี่ยง
ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวเลือก "อาวุธนิวเคลียร์" 💢💢🔥🔥
ทางเลือกสุดท้ายที่ไม่มีผู้ชนะ
แม้อาวุธนิวเคลียร์จะยังคงเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ที่รัสเซียถือครองในระดับสูงที่สุด
ในโลก แต่การนำมาใช้ไม่ว่าจะในรูปแบบ
ยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์
ก็จะนำไปสู่ผลกระทบทางการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศในระดับสูง รัสเซียต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการถูกตอบโต้จากพันธมิตร NATO และประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์อื่น ๆ
ที่สำคัญ รัสเซียเองก็ทราบดีว่าการใช้นิวเคลียร์ไม่ได้ทำให้สถานการณ์สงครามสิ้นสุดลงทันที หากแต่จะเป็นการเปิดฉากสู่สงครามโลกครั้งใหม่ ซึ่งรัสเซียเองก็อาจจะไม่สามารถป้องกันดินแดนของตนจากการโจมตีนิวเคลียร์สวนกลับได้ทั้งหมด
แม้จะมีระบบ A-235 Nudol
https://www.facebook.com/share/p/15cN4L8815/ S-500, Early Warning Radar หรือ Peresvet แต่ขีดความสามารถในการรับมือขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) หรือ Submarine-Launched Ballistic Missile (SLBM) จากสหรัฐฯ และ NATO ยังคงมีช่องว่าง
การใช้นิวเคลียร์จึงอาจเป็นเพียง ตัวเลือกเชิงสัญลักษณ์สุดท้ายมากกว่าจะเป็นทางออก
ที่แท้จริง และหากเลือกใช้ ก็มีแนวโน้มสูงว่า
จะนำไปสู่สถานการณ์ ▪️▪️◾
‼️พังไปด้วยกัน‼️
(Mutual Assured Destruction - MAD)
https://www.facebook.com/share/p/15MbEvCwND/ ซึ่งไม่มีฝ่ายใดยินดีให้เกิดขึ้น
ศักยภาพ​ และพันธมิตร​ที่เหลืออยู่ 💢💢💢
สงครามอากาศแบบกดดันรายวัน​ 🤝 🇮🇷 🇨🇳 🇰🇵
ในสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่รัสเซียยังคงดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องคือ "สงครามกดดันรายวัน" ผ่านการโจมตีทางอากาศ การปฏิบัติการไฮบริด และสงครามไซเบอร์ ซึ่งมีเป้าหมายในการบ่อนทำลายขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ เศรษฐกิจ และจิตวิทยาของยูเครน อย่างไรก็ตาม ขีดจำกัดของเครื่องมือในมือ รวมถึงข้อจำกัดด้านทรัพยากรและอุตสาหกรรมภายในประเทศภายใต้แรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตร ทำให้โอกาสในการเปลี่ยนแปลงสมดุลสงครามลดลงอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่รัสเซียต้องพึ่งพาเพื่อเสริมขีดความสามารถในสมรภูมินี้ คือเครือข่ายพันธมิตรระหว่างประเทศ อิหร่าน เป็นพันธมิตรหลักในการส่งมอบโดรนพลีชีพ Shahed-136 (Geran-2) มีบทบาทสำคัญในการโจมตีเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานยูเครนเป็นรายวัน ด้วยต้นทุนต่ำและความสามารถในการปรับแต่งเพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศ
เกาหลีเหนือกลายเป็นอีกพันธมิตรสำคัญที่ค่อยๆ มีบทบาทชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งมอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ถึงปานกลางอย่าง KN-23
และ KN-24 ซมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Iskander ของรัสเซีย และมีรายงานการซ้อมยิงขีปนาวุธ
ร่วมกันในปี 2024 เป็นการแสดงความร่วมมือเชิงทหารที่เข้มข้นขึ้น
แม้ ▪️▪️◾ จีน​จะหลีกเลี่ยงการส่งยุทโธปกรณ์โดยตรง แต่ก็มีบทบาทสำคัญในแง่การจัดหาเทคโนโลยี อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนสำหรับโดรน ระบบนำทาง และซอฟต์แวร์ควบคุมบางประเภท ซึ่งถูกนำไปใช้เสริมขีดความสามารถของ UAV และ FPV drone ของรัสเซียในสนามรบ
ความร่วมมือเหล่านี้​ ไม่เพียงช่วยคงศักยภาพในการโจมตีและรักษาแนวรบภายนอกของรัสเซีย แต่ยังทำหน้าที่ชดเชยข้อจำกัดด้านการผลิตอาวุธและเทคโนโลยีขั้นสูงภายในประเทศ ที่ถูกกดดันจากมาตรการระหว่างประเทศในช่วงสงครามยืดเยื้อ
และอาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อสมดุลสงครามในระยะถัดไป หากเครือข่ายพันธมิตรเหล่านี้ยังคงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
📃🖍️ บทสรุป▪️▪️◾
สงครามในยูเครนได้กลายเป็นเวทีทดสอบเทคโนโลยีและยุทธศาสตร์ของยุคใหม่อย่างแท้จริง ในเวลานี้ ศักยภาพการตอบโต้เชิงรุกของรัสเซียมีข้อจำกัด​ หากไม่ยกระดับเข้าสู่การใช้อาวุธนิวเคลียร์ เป็นตัวเลือกที่เสี่ยงอย่างยิ่งและแทบไม่มีใครยินดี
ให้เกิดขึ้น
รัสเซียอาจยังคงใช้ "สงครามโดรนและขีปนาวุธ" เพื่อกดดันยูเครนต่อไปในระยะสั้น แต่หากไม่มีปัจจัยระดับโลกหรือพันธมิตรใหม่เข้ามาเสริม โอกาสในการบรรลุเป้าหมายเดิม เช่น การโค่นล้มรัฐบาลเคียฟหรือควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่เพิ่ม
ยังคงห่างไกลกว่าที่เคยเป็น
สิ่งที่สะท้อนจากปฏิบัติการ "Spider Web" และปฏิบัติการโดรนล้ำลึกในรัสเซีย ก็คือ สงครามนี้
เปลี่ยนรูปแบบและขีดความสามารถ
ไปสู่สงครามเทคโนโลยีเต็มรูปแบบแล้ว
และโลกกำลังจับตามองว่า​ 💢 🔥
รัสเซียจะเดินหมากต่อไปเช่นไร​▪️▪️◾
➖➖➖➖➖➖➖➖321/2025​➖➖➖➖➖
รวบรวมเรื่องนิวเคลียร์​
ที่เคยนำเสนอไปแล้วไว้ที่นี่ก่อน
ความมั่งคั่งด้านแร่ธาตุของยูเครน​ 🇺🇦
และความสำคัญระดับโลก​ 🪨⚒️⛏️ 🪨🪨
ทรัมป์-ปูติน​ หารือข้อตกลงหยุดยิงยูเครน
เป้าหมาย​ ด้านพลังงานในยูเครนเป็นเวลา
30 วัน▪️▪️◾◼️🔲
รวบรวมกว่า 100 เรื่องราว เกี่ยวกับรัสเซีย​ 🇷🇺
โฆษณา