Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
sansati ศานสติ
•
ติดตาม
12 ส.ค. เวลา 12:45 • การศึกษา
ทำบุญกับพระอรหันต์ในบ้าน
เราท่านคงเคยได้ยินครูบาอาจารย์สอนว่า พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ในบ้าน หรือไม่ก็ให้ไปทำบุญกับพระที่บ้าน คุณเข้าใจประโยคทำนองนี้มากน้อยแค่ไหน? บางคนอาจจะเคยแม้กระทั่งคิดค้านว่า พ่อแม่ไม่ใช่พระอรหันต์ซะหน่อย ก็เห็นๆอยู่ว่ามีกิเลสเต็มตัวเหมือนเรานั่นแหละ แต่เคยสงสัยไหมว่า ครูบาอาจารย์มีเหตุผลอะไร ถึงได้สอนเราเช่นนั้น?
มีคำสอนว่าอยากได้บุญใหญ่ บุญมาก ให้ทำบุญกับพระอรหันต์ เพราะท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากซึ่งกิเลสอาสวะ ทำบุญกับท่านถึงได้บุญมาก คำกล่าวนี้ถูกต้อง แต่ก็มีผู้ที่เข้าใจผิดบิดเบือนจากหลักคำสอน เพราะในความเป็นจริงแล้ว ต้องคำนึงถึงเจตนาในการทำบุญด้วย ไม่ใช่คิดถึงแต่ผู้รับเพียงอย่างเดียว จึงจะได้อานิสงส์มาก หากเจตนาเต็มไปด้วยความโลภอยากได้บุญ แม้ทำบุญกับพระอรหันต์ อานิสงส์ก็จะเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความเชื่อที่ส่งต่อกันมาผิดๆนี้ ทำให้เกิดการจัดทัวร์ไล่ตามล่าพระอรหันต์มาทำบุญกัน
จริงๆแล้วหากคุณมีความรู้เรื่องหลักการทำทานอย่างถูกต้อง จะทราบว่า การทำทานที่สละทรัพย์ แล้วได้อานิสงส์สูงสุด คือ การสร้างอาคารสถานปฏิบัติธรรม สำหรับให้ผู้คนมาปฏิบัติภาวนา ได้บำเพ็ญเพียรเพื่อการหลุดพ้น ถวายเป็นสาธารณะให้แก่พระสงฆ์ หรือผู้ที่สนใจได้เข้ามาปฏิบัติภาวนา การสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ฯลฯ รวมทั้งการบริจาคทรัพย์ เพื่อการทำนุบำรุง ซ่อมแซมสถานที่นั้นๆด้วย
นอกจากนี้การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ทั้งหลาย ที่ประชาชนทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน แทงค์น้ำ ถนนหนทางสาธารณะ ไฟถนน ป้ายรถประจำทาง สุสาน ฯลฯ ก็ได้บุญมากทำนองเดียวกัน อยากเสริมว่าการช่วยกันทำนุบำรุงรักษา ใช้ของที่เป็นสาธารณประโยชน์ร่วมกัน ด้วยจิตสำนึกที่ดี ก็เป็นบุญมากอย่างหนึ่งที่ทำได้ง่าย
การคิดอย่างมักง่ายว่าเป็นของสาธารณะ ไม่จำเป็นต้องสงวนรักษา เพราะไม่ใช่ของตน รวมทั้งการทำลายของสาธารณะด้วยความจงใจเจตนา อาจเป็นบาปมากติดตัวด้วย เพราะของนั้นต้องใช้ร่วมกัน หากชำรุดเสียหาย ทำให้คนจำนวนมากเดือดร้อนได้ โดยสรุปแล้ว ไม่ต้องไปเหนื่อยไล่ล่าพระอรหันต์ที่ไหน แค่กดโอนไวอยู่ที่บ้านก็สามารถทำทานที่ได้อานิสงส์สูงสุดได้แล้ว
แต่อยากขอเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งคือ การทำบุญควรทำด้วยความประณีต ก่อนจะกดโอน ขอให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ให้แน่ใจก่อนว่าเงินที่บริจาคไป ได้ไปทำในสิ่งที่บอกไว้จริง และอย่าลืมตรวจเบอร์บัญชีให้ถูกต้องด้วย เพราะเดี๋ยวนี้มีการปลอมเพจ ปลอมเฟซกันมาก ถูกต้องทุกอย่างยกเว้นเบอร์บัญชี เป็นของพวกมิจฉาชีพ เราก็ไม่อยากให้คุณไปสนับสนุนคนชั่วทางอ้อม ด้วยการไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน
ยังมีการบริจาคทรัพย์ ที่ได้อานิสงส์สูงมากอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายเท่าไหร่ นั่นคือ การบริจาคเพื่ออุปัฏฐากแก่ผู้บำเพ็ญเพียร ปฏิบัติธรรมเพื่อเผาผลาญกิเลส ทั้งฆราวาสและสงฆ์ ในด้านอาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค อาสนะ ยากันยุงแบบทา ฯลฯ และสิ่งต่างๆที่ขาดแคลนตามสมควร
หากจะกล่าวถึงพระอรหันต์แล้ว การจะทราบว่าใครเป็นพระอรหันต์นั้น สำหรับปุถุชนคนธรรมดา เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย กฎเกณฑ์ที่ใช้ตัดสินกันก็ คหสต. (ความเห็นส่วนตัว) ซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะตามหลักแล้ว ไม่มีใครจะบอกได้ว่าใครเป็นพระอริยะ ไม่ว่าขั้นไหนทั้งนั้น สิ่งนี้มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ อาจยังมีข้อยกเว้นอยู่บ้างว่า พระอริยะบางท่านที่มีอภิญญา มีญาณประเภทที่รู้วาระจิตผู้อื่น อาจสามารถบอกได้ แต่ก็ยังไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะต้องดูภูมิธรรมที่จะใช้เป็นเกณฑ์ตัดสิน ของพระอริยะท่านนั้นๆด้วย
นอกจากนี้ผู้ที่จะมีอภิญญาประเภทนี้ ปัจจุบันหาได้ยากเต็มที ส่วนอีกวิธีคือ พระอริยะที่มีภูมิอรรถภูมิธรรมสูงกว่าอาจจะพอบอกได้ว่า ใครเป็นพระอริยะระดับต่ำกว่าหรือในระดับเท่ากัน ด้วยการสนทนาธรรม วิธีการข้างต้นอาจจะพอใช้แบ่งแยกได้ แต่ก็มีกฎ เรื่องอวดอุตริมนุษยธรรม ต่อให้รู้ท่านก็ไม่บอกแก่คนทั่วไปอยู่ดี ฉะนั้นการไล่ล่าพระอรหันต์ จึงเป็นเรื่องที่ประจานความรู้ของผู้ที่เชื่อตามๆกัน ว่ารู้ไม่จริงเข้าไม่ถึงธรรมขนาดไหน เพราะนี่เป็นความรู้แค่เรื่องทาน ยังไม่ได้ขึ้นถึงธรรมะขั้นที่สูงกว่านี้เลย
แต่ถ้าหากว่าคุณมีบุญ ได้เจอกับพระอรหันต์ตัวเป็นๆจริงๆ สิ่งที่ควรทำไม่ใช่แค่ทำบุญทำทาน เพราะนั่นเป็นการเสียโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ครั้งหนึ่งในสังสารวัฏของการเกิดตายเลยทีเดียว ถ้าเทียบกันแล้ว การทำทานที่ได้อานิสงส์เต็ม ก็ยังน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่จะกล่าวถึง แม้จะทำกับพระอรหันต์ก็ตาม แถมเป็นบุญที่ให้ผลแล้วหมดไป หากคุณเคยได้ยินคำว่า บุญหมดตอนมีชีวิตอยู่ ส่วนใหญ่จะหมายถึงบุญทานนี่แหละ
นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมครูบาอาจารย์มักจะสอนว่า ถ้ามีโอกาสให้ทำเรื่อยๆบ่อยๆให้ติดเป็นนิสัย ไม่จำเป็นต้องทำทีละมากๆ หรือรอให้รวยก่อนจึงจะทำ ถ้าจะให้ดียิ่งกว่านั้น ควรจะทำทานที่ประกอบไปด้วย “กุศล” คือ รู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการทำทาน ปัญญาของการให้ทาน คือการสละออกซึ่งทรัพย์ และตัวตน การทำบุญที่ประกอบไปด้วยปัญญานี้ จะเรียกว่ากุศล และเป็นบุญที่สูงขึ้นไปกว่า “บุญ” ธรรมดาทั่วไป
อนึ่ง ถ้าจะให้ไม่เสียทีที่ได้เจอกับพระอรหันต์ คุณควรจะขอเรียนการปฏิบัติกรรมฐานจากท่าน เพื่อเข้าถึงปัญญาที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น นี้ต่างหาก จึงจะคุ้มค่าที่ได้เจอพระอรหันต์ในชาติหนึ่ง เพราะเป็นบุญที่มีอานิสงส์มาก เป็นบุญขั้นสูงสุดคือการภาวนา แถมยังนำไปต่อยอดในภพชาติต่อๆไปได้อีกด้วย
คำสอนเรื่องการทำบุญกับพ่อแม่ที่บ้านสำคัญเพราะ มีความเชื่อผิดๆของคนไทยบางกลุ่มที่ว่า ต้องทำบุญกับพระเท่านั้นถึงจะได้บุญมาก เลยมีการละเลยพ่อแม่ที่บ้านให้เห็นกัน ทำบุญ ตักบาตรกับพระ แต่พ่อแม่ที่บ้านยังไม่ได้กินข้าวอะไรอย่างนี้ มีให้เห็นตั้งแต่สมัยก่อน ครูบาอาจารย์ท่านรับรู้เข้า จึงได้พูดเตือนเพื่อให้สติให้ปัญญา เพราะท่านรู้ว่าสำหรับลูกแล้ว การทำบุญกับพ่อแม่เป็นสิ่งที่ได้บุญมาก พอๆกับการที่ทำบาปกับพ่อแม่ ก็เป็นบาปที่หนักหนาสาหัสเช่นกัน
และทุกๆการกระทำของเรานั้นมีผลทั้งชาตินี้และชาติหน้า หากพลาดพลั้งทำผิด บาปหนักหน่วงไม่อาจลบล้างได้ มีแต่ต้องใช้กรรมจนหมดเท่านั้น จึงจะสามารถกลับมาสร้างกรรมดีใหม่ได้
ตัวอย่างก็มีให้เห็นในสมัยพุทธกาล พระอชาตศัตรูได้ปลงพระชนม์พระราชบิดาคือ พระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งรักท่านมาก แม้ได้รับคำทำนายว่าพระโอรสจะทำปิตุฆาต ก็มิได้ใส่พระทัย ให้ความรักอย่างเต็มเปี่ยม แต่พระอชาตศัตรู เพราะไปหลงเชื่อท้าวเทวทัตเสี้ยม ให้ฆ่าพระราชบิดา เพื่อจะได้ครองราชสมบัติ จึงได้ทำ 1 ในอนันตริยกรรม “ปิตุฆาต” ภายหลังสำนึกผิดก็สายเสียแล้ว
และแม้นเป็นผู้เข้าถึงพระรัตนตรัยแล้ว (นับถือไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งในภายหลัง) ก็ยังต้องตกนรกเนื่องจากการทำอนันตริยกรรม ซึ่งเป็นกรรมที่ปิดทางไปสวรรค์และนิพพานเลยทีเดียว
พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระอชาตศัตรูนั้น จริงๆแล้วมีบุญถึงขั้นเป็นพระอริยเจ้า แต่เพราะทำอนันตริยกรรมก่อน จึงปิดโอกาสตัวเองไปโดยปริยาย แม้พระพุทธเจ้าเปิดโอกาสให้ทำบุญใหญ่หลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่อาจพ้นนรกไปได้ แรงกรรมที่ทำกับพ่อแม่จึงหนักหน่วงอย่างยิ่งสำหรับคนเป็นลูก
อย่าให้ถึงกับต้องฆ่าฟันเลย แม้แต่กระทั่งละเลย หรือดุด่าว่ากล่าว ทุบตีล้วน แล้วแต่เป็นกรรมหนักหน่วง บาปหนักทั้งนั้น เพราะทำกับผู้มีพระคุณ ผู้มีแต่ให้ไม่เคยคิดร้ายเลยแม้แต่น้อย และไม่ใช่เพียงแต่พ่อ-แม่ สิ่งนี้ยังขยายไปถึงผู้มีพระคุณทุกๆคน เช่น ปู่ย่าตายายที่เลี้ยงดู แม้กระทั่งพ่อ-แม่บุญทำหรือผู้อุปถัมภ์ ผู้อุปการะคุณที่หวังดี มีแต่ให้ไม่เคยคิดร้ายทำลาย ผู้ที่คิด พูด ทำ อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเหล่านี้ แม้กรรมไม่หนักเท่ากับพ่อ-แม่แท้ๆ แต่ก็มีวิบากหนักทำให้วิบัติได้เช่นกัน
อนันตริยกรรม
อนนฺตร (ไม่มีระหว่าง) + อิย ปัจจัย + กมฺม (การกระทำ)
การกระทำที่ให้ผลในภพไม่มีระหว่าง หมายถึง ครุกรรมในฝ่ายอกุศลซึ่งจะให้ผลเป็นชนกกรรม นำปฏิสนธิในอบายภูมิ หลังจากสิ้นชีวิตจากชาตินี้แล้วแน่นอน ไม่ว่าจะเจริญกุศลที่มีอานิสงส์มากอย่างไร ก็ไม่สามารถลบล้างการให้ผลของอนันตริยกรรมได้ อนันตริยกรรม มี ๕ อย่าง คือ
๑. ฆ่ามารดา
๒. ฆ่าบิดา
๓. ฆ่าพระอรหันต์
๔. ทำโลหิตของพระพุทธเจ้าให้ห้อ
๕. ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
อนึ่งครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เพราะสำหรับลูกแล้วการฆ่าพ่อ ฆ่าแม่มีบาปหนักเทียบเท่ากับที่ฆ่าพระอรหันต์ แม้คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ เป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดาที่มีกิเลสหนาเท่านั้น ในขณะที่บุคคลอื่นต้องฆ่าพระอรหันต์จึงจะบาปเท่านี้
ท่านจึงสอนเช่นนี้เพื่อเตือนสติ และให้ลูกได้มีโอกาสทำบุญใหญ่ โดยไม่ต้องไปเหนื่อยไล่ล่าพระอรหันต์ที่ไหน เพราะโอกาสที่จะได้เจอพระอรหันต์นั้นยาก ไม่เหมือนกับพ่อแม่ที่อยู่ที่บ้าน สามารถทำบุญได้ตลอดเวลา สั่งสมบุญไปก็มีโอกาสได้บุญเยอะเช่นกัน เพราะทำได้บ่อยไม่เลือกเวลาและสถานที่
แต่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำบุญกับพ่อแม่ได้แล้ว เพราะท่านไม่ได้มีชีวิตอยู่ ตัวอย่างนี้ครูบาอาจารย์ท่านก็เตือนอยู่บ่อยๆ ทำได้เพียงแค่อุทิศส่วนกุศลไปให้หลังจากท่านจากไป อย่างน้อยเราก็ได้ทำ ในส่วนที่สามารถทำได้แล้ว ส่วนก่อนหน้านั้น ทำไม่ดีก็ถือว่าแล้วกันไป เพราะเกินกว่าจะแก้ไข ให้ตั้งใจทำดี พระพุทธเจ้าท่านให้อยู่กับปัจจุบัน ระลึกในสิ่งที่ทำผิดบาป แล้วตั้งใจดีว่าอย่าทำซ้ำอีก
คนที่มีพ่อแม่อยู่จึงควรระลึกถึงคุณท่านให้มาก ทำดีต่อท่านได้เท่าไหร่ ก็ทำให้เต็มที่ อย่าต้องมาเสียใจตอนท่านตายว่าไม่มีโอกาสทำ ชีวิตคนเราไม่รู้แน่นอนว่าจะไปเมื่อไหร่ ไม่แน่นว่าเราอาจจะตายก่อนท่าน แบบนี้ก็หมดโอกาสทำบุญแล้วเช่นกัน
ตอนนี้คุณคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมครูบาอาจารย์ถึงสอนว่า พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ให้กตัญญูรู้คุณ อย่าเชื่อใครเสี้ยมสอน ให้ไม่กตัญญูกับพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ เพราะเป็นทางลงนรกตกอบาย ต้องไปรับวิบากกรรมหนักหลายภพชาติแม้จะเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว วิบากที่ทำกับท่านอาจเป็นเศษกรรมส่งผลติดตามมาได้ ยกตัวอย่างเช่น ทำบุญกับใครไม่ขึ้นมีแต่คนเนรคุณ
แต่เอาเถิด จะเชื่อพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ หรือจะเชื่อคนอื่น จะนรกหรือสวรรค์ก็เลือกเดินกันเอาเอง เพราะเราล้วนต่างเป็นทายาทของกรรม เป็นผู้กระทำและรับผลแห่งการกระทำนั้นด้วยตัวเอง
อ้างอิง
อนันตริยกรรม
https://www.dhammahome.com/webboard/topic10191.html
ขอบคุณภาพจาก
https://www.pinterest.com/pin/48413764739012378/
https://www.pinterest.com/pin/948007790307542736/
พุทธศาสนา
แนวคิด
บทความ
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย