3 มิ.ย. เวลา 11:58 • สุขภาพ

โควิด-19 (COVID-19)

โควิด-19 หรือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ถูกพบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ปลายปี 2019 และแพร่ระบาดเป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลกในปี 2020 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2020 เชื้อไวรัสนี้อยู่ในตระกูลโคโรนาไวรัส ซึ่งสามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านละอองฝอยจากการไอ จาม หรือสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อน
อาการ
อาการของโควิด-19 มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสภาพร่างกายของผู้ป่วย อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- ไข้หรือหนาวสั่น
- ไอแห้ง
- เหนื่อยล้า
- เจ็บคอ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ปวดศีรษะ
- สูญเสียการรับรสหรือกลิ่น
- หายใจลำบาก (ในกรณีรุนแรง)
บางรายอาจไม่มีอาการ (asymptomatic) แต่ยังสามารถแพร่เชื้อได้ อาการมักปรากฏภายใน 2-14 วันหลังได้รับเชื้อ
ความร้ายแรง
ความรุนแรงของโควิด-19 แตกต่างกันไป:
- **อาการเล็กน้อยถึงปานกลาง** (ราว 80%): ผู้ป่วยมีอาการคล้ายหวัดหรือปอดอักเสบเล็กน้อย และมักหายได้เอง
- **อาการรุนแรง** (ราว 15%): ผู้ป่วยอาจมีปัญหาการหายใจ ต้องการออกซิเจน หรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- **อาการวิกฤต** (ราว 5%): อาจเกิดภาวะปอดอักเสบรุนแรง ระบบหายใจล้มเหลว หรือภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรืออวัยวะล้มเหลว
กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสรุนแรง ได้แก่ ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคปอด หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อัตราการเสียชีวิตทั่วโลกแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์และการเข้าถึงการรักษา
การป้องกัน
1. **การฉีดวัคซีน**: วัคซีนป้องกันโควิด-19 (เช่น Pfizer, Moderna, AstraZeneca) ช่วยลดความรุนแรงและการเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรฉีดตามกำหนดและรับวัคซีนเข็มกระตุ้น
2. **สวมหน้ากากอนามัย**: โดยเฉพาะในที่แออัดหรือในร่ม
3. **รักษาระยะห่าง**: อยู่ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร
4. **ล้างมือบ่อยๆ**: ด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 70%
5. **หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า**: โดยเฉพาะตา จมูก และปาก
6. **ระวังการระบายอากาศ**: อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
7. **ตรวจคัดกรอง**: หากมีอาการหรือสัมผัสผู้ติดเชื้อ ควรตรวจด้วยชุด ATK หรือ PCR
การรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ:
- **อาการเล็กน้อย**: พักผ่อน ดื่มน้ำมากๆ รับประทานยาลดไข้ (เช่น พาราเซตามอล) และแยกกักตัวที่บ้าน 7-14 วัน
- **อาการปานกลางถึงรุนแรง**: เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อาจได้รับ:
- ออกซิเจนบำบัด
- ยาต้านไวรัส เช่น Remdesivir, Molnupiravir หรือ Paxlovid (ขึ้นอยู่กับคำแนะนำแพทย์)
- ยาต้านการอักเสบ เช่น Dexamethasone สำหรับผู้ที่มีอาการปอดอักเสบ
- **อาการวิกฤต**: อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหรือรักษาในหอผู้ป่วยหนัก (ICU)
- การดูแลตนเอง: ผู้ป่วยควรติดตามอาการ เช่น ระดับออกซิเจนในเลือด (ใช้เครื่องวัด SpO2) และปรึกษาแพทย์ทันทีหากอาการแย่ลง
ข้อมูลเพิ่มเติม
- การกลายพันธุ์ของไวรัส เช่น สายพันธุ์เดลต้า โอมิครอน หรือสายพันธุ์ย่อย ทำให้การแพร่ระบาดและความรุนแรงแตกต่างกัน
- การติดตามข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น WHO หรือกระทรวงสาธารณสุข เป็นสิ่งสำคัญ
- หากต้องการข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์กรมควบคุมโรค
ที่มา (https://ddc.moph.go.th)
โฆษณา