4 มิ.ย. เวลา 03:58 • ประวัติศาสตร์

LSS-EP.11-พระเจ้าท้ายสระ

เรื่องราวของกษัตริย์องค์หนึ่งของอยุธยาที่ครองราชย์เป็นเวลา 25 ปี แต่กลับมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายทั้งก่อนขึ้นครองราชย์ ตอนที่เสวยราชย์เป็นกษัตริย์ หรือแม้กระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคตไปแล้วก็ยังเป็นสาเหตุให้เกิดสงครามกลางเมืองที่กินเวลาไปเป็นปีอีก และนี่คือเรื่องราวของพระมหากษัตริย์องค์ที่ 30 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เชิญรับฟังครับ
ช่วงที่ผมเขียนบทความนี้กระแสละครเรื่องพรหมลิขิตกำลังมาแรงครับ แม่ผมติดงอมแงมเลย เรื่องราวในละครจะเป็นช่วงเวลาสมัยกรุงศรีอยุธยาในสมัยของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระทรงเป็นกษัตริย์ ทีนี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อของกษัตริย์พระองค์นี้เพราะว่าสมัยเรียนมีการบอกเล่าเรื่องราวของพระองค์ในตำราน้อยมาก
ผมเองก็เพิ่งไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเมื่อไม่นานมานี้ บางอย่างก็มีบันทึกไว้ในพงศาวดาร บางอย่างก็เป็นเพียงคำบอกเล่าปากต่อปาก แต่อย่างไรก็ตามผมก็ขอถือโอกาสนี้มาเล่าสู่กันฟังนะครับ ตลอดการเล่าเรื่องนี้จะพยายามใช้คำราชาศัพท์ให้น้อยที่สุด เพราะอยากให้ผู้ฟังเข้าใจง่ายและตัวผมเองก็ไม่แม่นเรื่องราชาศัพท์เท่าไหร่ด้วยครับ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระเป็นกษัตริย์องค์ที่ 30 ของกรุงศรีอยุธยาและเป็นองค์ที่ 3 ของราชวงศ์บ้านพลูหลวงซึ่งราชวงศ์สุดท้ายของอยุธยา ครองราชย์ช่วงปี พ.ศ.2251-2275 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระมีหลายพระนามที่คนเรียกกันครับแต่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 แต่เดี๋ยวพอผมเล่าๆไปอาจจะย่อเหลือแค่พระเจ้าท้ายสระนะครับ
ที่มาที่ไปของพระเจ้าท้ายสระผมขอเล่าย้อนไปถึงสมเด็จพระนารายณ์ที่สวรรคตแล้ว สมเด็จพระเพทราชาก็ขึ้นครองราชย์เริ่มต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง ซึ่งคำว่าบ้านพลูหลวงก็เป็นบ้านเดิมของพระเพทราชาในจังหวัดสุพรรณบุรี
ต่อมาหลังพระเพทราชาสวรรคตก็มีการต่อสู้กันเล็กน้อยก่อนที่บัลลังก์จะตกมาเป็นของพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ พระเจ้าเสือนี่ก็มีเรื่องซุบซิบกันในวังและยังคงถกเถียงกันถึงปัจจุบันว่าแท้จริงแล้วเป็นลูกแท้ๆของใครกันแน่ระหว่างพระนารายณ์หรือพระเพทราชา ผมต้องขอยืมภาพประกอบจากช่อง 3 มาเพื่อทำให้คุณผู้ชมคุณผู้ฟังเข้าใจง่ายขึ้นนะครับ
แต่อย่างไรก็ตามครับพระเจ้าเสือของเราเนี่ยมีโอรสหรือลูกชายกับพระมเหสีพระพันวษาอย่างน้อย 2 องค์ตามที่ได้บันทึกไว้ คนพี่ชื่อเจ้าฟ้าเพชร คนน้องชื่อเจ้าฟ้าพร ซึ่งทั้งสองก็เป็นกำลังสำคัญช่วยพระเจ้าเสือปราบกบฎตอนที่พระเจ้าเสือจะขึ้นครองราชย์ด้วยนะครับ
เนื่องจากเจ้าฟ้าเพชรและเจ้าฟ้าพรเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันที่ถูกเลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆจึงรักกันเป็นอย่างดี เจ้าฟ้าเพชรด้วยความที่เป็นลูกชายคนโตใช่ไหมครับก็เลยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรมพระราชวังบวรมงคลสถานหรือตำแหน่งวังหน้านั่นเอง การได้ตำแหน่งวังหน้าสมัยนั้นตามพระราชประเพณีแล้วก็คือผู้ที่มีสิทธิสืบบัลลังก์เป็นกษัตริย์คนต่อไปนั่นเอง
ทีนี้มันมีเรื่องเล่าแบบนี้ครับว่าพระเจ้าเสือเนี่ยมีงานอดิเรกงานหนึ่งก็คือการล่าสัตว์ครับ วันหนึ่งช่วงหน้าฝนก็ได้ไปล่าสัตว์แถวนครสวรรค์แล้วทีนี้ตรงบริเวณนั้นเนี่ยมันมีบึงใช่ไหมครับ จะข้ามไปก็ลำบากก็เลยสั่งให้เจ้าฟ้าเพชรและเจ้าฟ้าพรสองพี่น้องเนี่ยช่วยกันเกณฑ์ไพร่พลตัดต้นไม้ถมดินบึงนี้ให้เสร็จภายใน 1 วัน
งานนี้ไม่ง่ายครับ ใครที่เคยสร้างบ้านหรือพอรู้เรื่องโยธาจะพอทราบว่าการเอาดินมาถมที่เนี่ยวันเดียวดินมันยังไม่อยู่ตัวแน่ๆครับ แต่พระเจ้าเสือไม่รู้ว่าท่านรู้ไหม ท่านเห็นบึงถมดีแล้วก็เลยขี่ช้างหมายจะบ้างบึงที่ถมแล้วนี้ไป
ทีนี้ช้างทรงของพระองค์ก็เลยติดหล่มน่ะสิครับ แม้ภายหลังจะสามารถถอนช้างออกมาได้ก็ยังทรงพิโรธอยู่หาว่าสองพี่น้องก็คือเจ้าฟ้าเพชรและเจ้าฟ้าพรมีใจคิดกบฏ อ้าวเป็นเรื่องสิครับ พระเจ้าเสือคว้าง้าวมาจะฟันใส่เจ้าฟ้าเพชรลูกชายแต่ทว่าเดชะบุญเจ้าฟ้าพรไวครับหยิบพระแสงของ้าวเข้าไปรับไว้ได้ทันทำให้เจ้าฟ้าเพชรรอดตายไปได้ พระเจ้าเสือยังไม่หายโกรธครับ ว่ากันว่าสั่งเฆี่ยนตีสองพี่น้องแทน ร้อนถึงแม่เลี้ยงของพระเจ้าเสือที่พอรู้เรื่องก็รีบมาทูลขออภัยโทษให้เจ้าฟ้าเพชรและเจ้าฟ้าพรเป็นผลสำเร็จ
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุนี้หรือมีเหตุขัดเคืองพระราชหฤทัยเรื่องอื่นอีกหรือไม่ พระเจ้าเสือตอนใกล้สวรรคตได้ตัดสินใจมอบราชสมบัติให้กับเจ้าฟ้าพรพระโอรสองค์รองเฉย ทีนี้พอพระเจ้าสือสวรรคตเจ้าฟ้าพรก็มีสิทธิขึ้นเสวยราชสมบัติอย่างถูกต้องใช่ไหมครับ แต่ไม่รู้ว่าด้วยความรักพี่หรือมีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่ก็ตาม เจ้าฟ้าพรตัดสินในคืนราชสมบัติให้กับเจ้าฟ้าเพชรผู้พี่ที่อยู่ในฐานะวังหน้าขึ้นครองราชย์ก่อน โดยพี่น้องคู่นี้ได้มีการทำสัญญาใจกันว่าระหว่างครองราชย์นี้ถ้าเจ้าฟ้าเพชรสวรรคตไปก่อนก็จะยกบัลลังก์ให้กับเจ้าฟ้าพร
ทีนี้เจ้าฟ้าเพชรก็เลยได้เสวยราชเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ กษัตริย์อยุธยาองค์ที่ 30 ของกรุงศรีอยุธยา พร้อมกับแต่งตั้งเจ้าฟ้าพรขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรมงคลสถานหรือตำแหน่งวังหน้าเพื่อรอสืบราชสมบัติต่อไปนั่นเอง
โดยพระนามของพระองค์ที่เรียกกันว่าพระเจ้าท้ายสระนั้น ที่มาของคำว่าท้ายสระมาจากชื่อพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ที่พระองค์ชอบไปประทับ ซึ่งพระที่นั่งนี้เป็นวังที่อยู่ข้างสระน้ำท้ายเขตพระราชวังนั่นเองครับ
สาเหตุหลักที่พระองค์ชอบไปประทับที่นี่เพราะรู้สึกปลอดภัย อีกทั้งพระองค์ก็ชื่นชอบกีฬาทางน้ำอย่างเช่นการตกปลา มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งครับพระองค์ทรงตกปลาตะเพียนได้ จากนั้นจึงได้ทำอาหารจากเนื้อปลาตะเพียนนี้ แล้วได้ชิมเนื้อของมันเกิดชอบ จึงสั่งห้ามประชาชนจับปลาตะเพียนกินไม่งั้นจะลงโทษโดยการปรับเป็นเงิน 5 ตำลึง
ตลอดรัชสมัยของพระเจ้าท้ายสระประมาณ 25 ปี เรียกว่าแทบไม่มีปัญหาสงครามเลย จะมีก็แต่เรื่องของพระองค์เจ้าดำโอรสองค์หนึ่งของพระเพทราชาที่มีศักดิ์เป็นอาของพระเจ้าท้ายสระที่ไม่ค่อยแสดงความเคารพต่อพระเจ้าท้ายสระสักเท่าไหร่ และท้าทายพระราชอำนาจอยู่บ่อยครั้งโดยการเข้าไปในบริเวณพระราชฐานต้องห้ามโดยพลการจนสุดท้ายพระเจ้าท้ายสระอดทนไม่ไหวสั่งให้จับพระองค์เจ้าดำสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ ก็คือการเอาไม้ฟาดที่ท้ายทอยจนเสียชีวิตนั่นเอง
ตะกี๊ผมเพิ่งบอกว่าในสมัยของพระเจ้าท้ายสระเนี่ยแทบจะไม่มีปัญหาสงครามใช่ไหมครับ แต่ทว่าปี พ.ศ. 2259 ก็มีเรื่องให้กรุงศรีอยุธยาต้องออกแรงอยู่บ้าง เมื่อพระศรีธรรมราชาที่ 2 หรือนักเสด็จ กษัตริย์ของกัมพูชาถูกพระแก้วฟ้าที่ 3 หรือนักองค์อิ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากพวกญวณหรือเวียดนามทำรัฐประหารชิงบัลลังก์ได้เป็นผลสำเร็จจนทำให้นักเสด็จต้องหนีเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าท้ายสระ พระเจ้าท้ายสระก็ทรงเลี้ยงดูเป็นอย่างดีครับ ให้ข้าวให้น้ำและให้ที่พักอาศัย
จนวันหนึ่งครับหลังจากผ่านมาประมาณ 2 ปี พระเจ้าท้ายสระก็คิดว่ามันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่เราจะทวงบัลลังก์คืนให้กับนักเสด็จ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์จริงๆคืออยากทวงบัลลังก์คืนให้เขาจริงไหมนะครับ แต่ผลก็คือพระเจ้าท้ายสระได้ส่งทหารออกไปตีกัมพูชาโดยแบ่งออกเป็น 2 ทัพใหญ่ๆครับ คือทางบกนำโดยเจ้าพระยาจักรีบ้านโรงฆ้อง ส่วนทางน้ำนำทัพโดยพระยาโกษาธิบดีจีน
ต้องเล่าแบบนี้ก่อนนะครับว่าเจ้าพระยาจักรีบ้านโรงฆ้องเนี่ยแกเป็นทหารนักรบอยู่แล้วครับ แต่ทว่าเจ้าพระยาโกษาธิบดีจีนเนี่ยเป็นชาวจีนที่เข้ามารับราชการในกรุงศรีอยุธยาจนได้ดิบได้ดีเป็นเจ้าพระยาพระคลังที่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจเงินทองการค้าขายให้อยุธยา
ดังนั้นนึงไม่ได้มีความชำนาญทางด้านการศึกสงครามเท่าไหร่นัก แต่ที่ได้รับแต่งตั้งครั้งนี้ก็เพราะเป็นคนโปรดที่ได้รับความไว้วางใจของพระเจ้าท้ายสระ ว่ากันว่าทีแรกเนี่ยเจ้าพระยาโกษาธิบดีจีนก็ไม่ได้เต็มใจจะรับหน้าที่นี้เท่าไหร่แต่ด้วยความที่เป็นคำสั่งของกษัตริย์เนี่ยก็เลยขัดไม่ได้
เจ้าพระยาโกษาธิบดีจีนก็เลยนำทหารเดินทางไปทางเรือพร้อมอาวุธเต็มอัตราศึกเข้าไปรบกับทหารกัมพูชาที่ร่วมมือกับทหารเวียดนามซึ่งก็สู้ไม่ได้ครับ เมื่อตอนกองทัพทำท่าจะแตกพ่ายเจ้าพระยาโกษาจีนคิดไรไม่ออกก็เลยหนีกลับอยุธยาเสียอย่างนั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับสถานการณ์ทางบกที่นำโดยเจ้าพระจักรีบ้านโรงฆ้องที่ชนะทุกสมรภูมิจนสามารถนำกองทัพไปล้อมเมืองกัมพูชาและส่งจดหมายให้กัมพูชายอมแพ้และยอมเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาได้เป็นผลสำเร็จ
ผลจากการรบครั้งนี้เจ้าพระยาจักรีบ้านโรงฆ้องได้รับพระราชทานรางวัลอย่างมากมายเลยครับ ขณะที่เจ้าพระยาโกษาธิบดีจีนที่แม้จะหนีทัพกลับก่อนแต่ด้วยความที่เป็นคนโปรดของพระเจ้าท้ายสระก็ไม่ได้โดนลงโทษอะไรนักหนาให้เลือดตกยางออกครับ แค่ชดใช้ค่าเสียหายให้กับเรือรบและอาวุธที่เสียหายไปเท่านั้น ถือว่าโชคดีไปครับ
พระราชกรณียกิจของพระเจ้าท้ายสระที่มีชื่อเสียงและยังเห็นได้จนถึงทุกวันนี้ก็คือการสร้างวัดสุวรรณาราม จังหวัดสุพรรณบุรี และการขุดคลองมหาชัยครับ เนื่องจากคลองมหาชัยเนี่ยถูกขุดมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเสือแต่ยังไม่ทันเสร็จพระเจ้าเสือสวรรคตก่อน พระเจ้าท้ายสระพอขึ้นครองราชย์ก็ทรงมีรับสั่งให้ขุดต่อครับ โดยตอนเดิมที่ขุดเสร็จสมัยพระเจ้าเสือเนี่ยให้ตั้งชื่อว่าคลองพระพุทธเจ้าหลวงเพราะขุดมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ส่วนคลองที่ขุดเพิ่มในสมัยตัวเองเนี่ยเรียกว่าคลองมหาชัยชลมารคหรือคลองมหาชัยในปัจจุบันนั่นเอง
สมัยของพระองค์เนี่ยการค้าขายกับจีนขยายตัวดีมากครับ ด้วยความที่เจ้าพระยาพระคลังเป็นคนจีนก็เลยทำให้ติดต่อการค้าอะไรกับจีนก็ง่าย มีคนจีนเข้ามารับราชการค้าขายในอยุธยาเป็นจำนวนมาก
ยุคของพระเจ้าท้ายสระเป็นยุคที่ข้าวสารราคาถูกมากถึงแค่เกวียนละ 7 บาทเท่านั้น แต่ในยุคเดียวกันนี้ก็มีช่วงที่ไข้ทรพิษระบาดจนคนตายไปครึ่งเมือง ข้าวยากหมากแพงจนะมีราคาแพงขนาดที่ไม่สามารถหาซื้อข้าวสารได้
นอกจากนี้ในยุคของพระองค์ยังมีประเด็นท้าทายทางศาสนา โดยมีเรื่องว่ามิชชั่นนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในอยุธยาได้มีการเปรียบเปรยพุทธกับคริสต์แล้วก็มีการพูดในทำนองหมิ่นพุทธศาสนา ทีนี้ประเทศเราเนี่ยเป็นเมืองพุทธมาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้วใช่ไหมครับ คนพุทธก็ต้องเยอะกว่าเป็นธรรมดา พอได้ยินแบบนี้ก็ไม่ค่อยพอใจ เรื่องมันก็มาถึงหูของพระเจ้าท้ายสระ
พระองค์ก็เลยมีรับสั่งห้ามเผยแพร่ศาสนาคริสต์เป็นภาษาไทย ห้ามคนไทย คนมอญ คนลาวเข้ารีตเป็นคริสต์ และก็ห้ามบรรดามิชชันนารีพูดจาหมิ่นศาสนาพุทธ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษถูกเฆี่ยนและเนรเทศ
ทีนี้จะมาเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของพระเจ้าท้ายสระกับเจ้าฟ้าพรในฐานะวังหน้าหลังการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าท้ายสระครับ พบว่าทั้งสองก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะครับ ครั้งหนึ่งได้ออกไปคล้องช้างด้วยกันแล้วช้างของพระเจ้าท้ายสระล่วงหน้าไปก่อน ช้างชองเจ้าฟ้าพรที่ตามไปเกิดชนกับช้างของพระเจ้าท้ายสระจนช้างตกใจ แต่สุดท้ายพระเจ้าท้ายสระก็สามารถควบช้างกลับมาได้อย่างปลอดภัยและก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเจ้าฟ้าพรเพราะเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ
พระเจ้าท้ายสระเนี่ยมีพระโอรสชั้นเจ้าฟ้าอย่างน้อยสามคนเรียงตามอาวุโสได้ดังนี้ครับ ก็คือเจ้าฟ้านเรนทร์องค์โต เจ้าฟ้าอภัยองค์รอง และเจ้าฟ้าปรเมศร์ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ ปลายรัชกาลของพระเจ้าท้ายสระอยู่ๆความสัมพันธ์ชองพระเจ้าท้ายสระและเจ้าฟ้าพรน้องชายก็แย่ลงเรื่อยๆ จนมีการเปลี่ยนแปลงการยกบัลลังก์
ที่ถ้าคุณผู้ฟังจำได้ว่าเดิมทีพี่น้องเขาคุยกันว่าถ้าพี่ตายก่อนจะยกให้น้องขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อใช่ไหมครับ แต่พระเจ้าท้ายสระดันเปลี่ยนพระทัยยกให้กับลูกชายคนโตของตัวเองนั่นคือเจ้าฟ้านเรนทร์แทน ซึ่งเจ้าฟ้าพรพอรู้ก็ยอมแต่โดยดีนะครับ เพราะว่าส่วนตัวเจ้าฟ้าพรก็รักเจ้าฟ้านเรนทร์หลานชายคนนี้มากเนื่องจากเคยบวชด้วยกัน และคิดว่าถ้าบัลลังก์ตกเป็นของเจ้าฟ้านเรนทร์ก็คงจะยอมแต่โดยดี
แต่ทว่าเรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นครับ เจ้าฟ้านเรนทร์ก็คิดว่าเดิมทีพ่อกับอาของตัวเองได้ตกลงกันไว้แล้วว่าถ้าพ่อตายบัลลังก์ก็ควรตกเป็นของอา เจ้าฟ้านเรนทร์แกก็ดีครับ แกก็ปฏิเสธที่จะรับสืบทอดราชสมบัตินี้
แต่เพื่อให้เรื่องมันง่ายขึ้นครับ เจ้าฟ้านเรนทร์ก็เลยตัดสินใจหนีไปบวช เดิมทีเจ้าฟ้านเรนทร์คิดว่าถ้าตัวเองไปบวชแล้วเนี่ยพ่อก็คงคืนบัลลังก์ให้กับเจ้าฟ้าพรตามที่เคยตกลงกันไว้ตามเดิม แต่ทว่าพระเจ้าท้ายสระกลับตัดสินพระทัยว่าถ้ายกให้ลูกคนโตไม่ได้ก็เลยยกให้ลูกคนรองอย่างเจ้าฟ้าอภัยแทนครับ ทีนี้พอเป็นเจ้าฟ้าอภัยเรื่องก็เลยไม่ง่ายเสียแล้วครับ เพราะคนนี้เจ้าฟ้าพรไม่ยอม
ช่วงท้ายรัชกาลพระเจ้าท้ายสระเกิดประชวรครับ บางแหล่งบอกว่าเป็นฝีในช่องปากหรือลำคอ บางแหล่งก็บอกว่าประชวรที่ลิ้น ยุคหลังเนี่ยก็มีการสันนิษฐานกันครับว่าพระเจ้าท้ายสระน่าจะเป็นมะเร็งช่องปาก
ระหว่างที่พระเจ้าท้ายสระกำลังประชวรอยู่ที่เองทั้งเจ้าฟ้าพรและเจ้าฟ้าอภัยที่ร่วมมือกับน้องชายอย่างเจ้าฟ้าปรเมศร์ก็ได้ซ่องสุมกำลังกันเต็มที่เลยครับ แต่ยังไม่ได้เปิดฉากต่อสู้กันเพราะยังเกรงใจพระเจ้าท้ายสระ ฝ่ายเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์ก็พยายามกีดกันไม่ให้เจ้าฟ้าพรเข้าเยี่ยมพระเจ้าท้ายสระและปิดข่าวอาการประชวรของพระเจ้าท้ายสระไม่ให้เจ้าฟ้าพรรู้
ในที่สุดครับพระเจ้าท้ายสระก็เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2275 ข่าวการสวรรคตของพระเจ้าท้ายสระตอนแรกฝ่ายเจ้าฟ้าอภัยพยายามปิดบังไม่ให้เรื่องไปถึงเจ้าฟ้าพรครับ แต่ความลับไม่มีในโลก ท้ายที่สุดเจ้าฟ้าพรก็ทราบเรื่องจนได้ จนทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ระหว่างอากับหลาน วังหน้ากับวังหลวงขึ้น
บรรดาขุนนางก็ถูกบังคับให้เลือกข้าง ท่านผู้ฟังจำโกษาจีนได้ไหมครับ โกษาจีนคนนี้เลือกข้างเจ้าฟ้าอภัยครับแต่สุดท้ายหลังจากการสู้รบจนเป็นสงครามกลางเมืองที่กินเวลายาวนานกว่า 1 ปี สูญเสียขุนนาง แม่ทัพ นายกอง และทหารที่มีฝีมือเป็นจำนวนมาก
จนว่ากันว่านี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้กรุงศรีอยุธยาเสื่อมถอยลงเลยทีเดียว ผลสรุปของสงครามครั้งนี้เป็นเจ้าฟ้าพรได้รับชัยชนะและสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปได้สำเร็จจนมีนามที่คนรุ่นหลังเรียกกันว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศซึ่งเรื่องราวของพระองค์ผมจะขอกั๊กไว้เล่าในตอนต่อๆไป
ชัยชนะของเจ้าฟ้าพรทำให้เจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์ต้องหนีก่อนจะถูกจับได้และถูกลงโทษด้วยการประหารด้วยท่อนจันทน์ในที่สุด แรกเริ่มเดิมทีเจ้าฟ้าพรได้เชิญเจ้าฟ้านเรนทร์สึกออกมาครองราชย์ แต่เจ้าฟ้านเรนทร์ปฏิเสธทำให้เจ้าฟ้าพรขึ้นครองราชย์เองเป็นพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศในที่สุด
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศนั้นแค้นพระเจ้าท้ายสระที่ไม่ยกราชสมบัติให้ตนแต่แรกจนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราววุ่นวายเป็นสงครามกลางเมือง แรกเริ่มเดิมทีแค้นมากขนาดที่ว่าจะให้เอาศพของพระเจ้าท้ายสระไปโยนทิ้งน้ำเลยด้วยซ้ำแต่บรรดาขุนนางได้คัดค้านจึงเปลี่ยนพระทัยตัดสินใจจัดงานพระบรมศพตามโบราณราชประเพณีแต่ไม่จัดให้สมพระเกียรติ โดยลดขนาดเมรุและลดจำนวนพระสงฆ์สดับปกรณ์ลง
#พระเจ้าท้ายสระ #พรหมลิขิต #ประวัติ #พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ #history #ที่นี่มีเรื่องเล่า #ประวัติศาสตร์ #longstoryshort
โฆษณา