9 มิ.ย. เวลา 23:00 • ธุรกิจ

Retail เช็กพุ่งต่อเนื่อง! สัญญาณฟื้นตัวเศรษฐกิจ โอกาสใหม่ของผู้ประกอบการไทย

ยอดขายปลีกใน สาธารณรัฐเช็ก ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยในเดือนมีนาคม 2568 เพิ่มขึ้นถึง 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นับเป็นระดับการซื้อขายสูงสุดนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 สะท้อนการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และที่น่าสนใจคือ คนเช็กไม่ได้ซื้อแค่ของจำเป็นอีกต่อไป แต่กลับมา "ช้อปตามใจ" กันมากขึ้น!
ขอบคุณภาพจาก britannica.com
อีคอมเมิร์ซและน้ำมัน หนุนตลาดโต
ภาคอีคอมเมิร์ซ และ ยอดขายน้ำมัน เป็นตัวผลักดันหลัก โดยยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้น 10% และสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร (non-food) เพิ่มขึ้น 5.1% ซึ่งบ่งชี้ถึงความสนใจใน "สินค้าไลฟ์สไตล์" เช่น แฟชั่น ความงาม และของใช้ภายในบ้าน
ขอบคุณภาพจาก realpragueguides.com
พฤติกรรมนี้เปิดโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะสินค้าที่มีเอกลักษณ์แบบไทยร่วมสมัย เช่น เสื้อผ้า งานคราฟต์ เครื่องสำอางออร์แกนิก สินค้าสปา รวมถึงของตกแต่งบ้านและผลิตภัณฑ์รักษ์โลก
ขอบคุณภาพจาก realpragueguides.com
ระบบจ่ายเงินดิจิทัล ครองเมือง!
อีกด้านหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ พฤติกรรมการชำระเงิน คนเช็กกลายเป็นผู้นำด้านการใช้ ระบบไร้สัมผัส (contactless) ในยุโรป โดยการใช้สมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์จ่ายเงินคิดเป็นกว่า 50% ของธุรกรรมทั้งหมด ขณะที่การใช้บัตรเดิมลดลงเหลือเพียง 1% เท่านั้น
ร้านค้าไร้พนักงานและระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบกำลังขยายตัว ปัจจุบันมีมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมากกว่าประเทศใหญ่ ๆ อย่างเยอรมนีด้วยซ้ำ
ขอบคุณภาพจาก carrushome.com
โอกาสของไทยอยู่ตรงไหน?
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคต.) ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็น “สัญญาณเชิงบวก” สำหรับ ผู้ส่งออกไทยที่ต้องการเจาะตลาดยุโรปตอนกลาง โดยเฉพาะสินค้า แฟชั่นและเครื่องแต่งกายที่มีดีไซน์เฉพาะตัว เครื่องสำอาง สมุนไพร และสินค้าสปาแบบไทย ของตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขอบคุณภาพจาก carrushome.com
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับการปรับตัวให้ทันกับ นโยบายการค้าในยุโรป และการศึกษากฎระเบียบในตลาดให้ถ่องแท้ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและเข้าถึงผู้บริโภคเช็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณภาพจาก carrushome.com
ตลาดเช็ก นำเข้าเพียบ ไทยยังมีที่ว่าง
ในปี 2567 สาธารณรัฐเช็กนำเข้าสินค้ากว่า 231,767 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่จากเยอรมนี จีน และโปแลนด์ ขณะที่ไทยส่งออกไปเช็กเพียง 1,036.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น นั่นหมายความว่า “ยังมีช่องว่างทางการตลาดอีกมาก” ให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปเติมเต็ม
Reference : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐเช็ก
อ่านเพิ่มเติม : https://www.ditp.go.th/post/204029
โฆษณา