4 มิ.ย. เวลา 05:39 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เปิด 6 แคนดิเดต ผู้ว่า ธปท.จับตา 3 ตัวเต็ง สุทธาภา - วิทัย - สมประวิณ

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการสรรหาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมารับหน้าที่ต่อจาก “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ที่จะครบวาระวันที่ 30 ก.ย.2568 โดยกระบวนการสรรหาจะรับสมัครถึงวันที่ 4 มิ.ย.2568 โดยมี “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่
ตำแหน่งดังกล่าวถือว่ามีความท้าทาย และน่า “จับตา” ไม่น้อยในการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมมานั่งตำแหน่งนี้ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างมากในภาค “การเงินการคลัง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ของบริบทเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่กำลังเผชิญความท้าทาย
รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาวที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเรื่องสำคัญ แม้เรื่องเหล่านี้อาจไม่เห็นผลเร็ว เช่น Financial landscape Open Data เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยยกระดับการแข่งขันของประเทศให้เกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้
เปิดรายชื่อ 6 แคนดิเดตยื่นใบสมัครผู้ว่าแบงก์ชาติ
สำหรับ “แคนดิเดต” ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ ที่ได้ยื่นใบสมัครเบื้องต้นมี 6 คน
“ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์” ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับทุกคน ทั้งประสบการณ์ทำงานที่เต็มเปี่ยม และยังมี “บารมี” จากฟากฝั่งการเมือง จากการเป็นตระกูลใหญ่มาอย่างยาวนานสำหรับ “อมรวิวัฒน์” ที่มีบทบาทไม่น้อยในแวดวงการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลนี้ที่ยังมีลูกพี่ลูกน้องคือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในโควต้าพรรคเพื่อไทย
ผู้มีบารมีการเมืองหนุน "สุทธาภา" นั่งผู้ว่าธปท.
รวมทั้งที่สำคัญได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่มีบทบาทเบื้องหลังทางการเมืองระดับ “คุณหญิง” จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ดร.สุทธาภา ได้การสนับสนุนจากการเมือง
สำหรับการทำงานปัจจุบันเจ้าตัวเพิ่งลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอบาคัส ดิจิทัลจำกัด และเคยดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริหารสายงาน Economic Intelligence Center และดูแลสายงานวิเคราะห์ความเสี่ยง
นอกจากนี้มีประสบการณ์ทำงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) , สายงานบริหารความเสี่ยงของกลุ่มการเงิน ING ประเทศเนเธอร์แลนด์
นอกจากนี้ประเด็นสำคัญของการทำงานในตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.อยู่ที่การร่วมมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศร่วมกับรัฐบาล ซึ่งมีเครื่องมือนโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่ร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจไทย
"วิทัย"รับโจทย์ใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน
“วิทัย รัตนากร” เป็นอีกคนที่ได้รับการสนับสนุนจากฝั่งการเมือง โดยเฉพาะแรงสนับสนุนจากรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” รวมถึงได้รับแรงสนับสนุนจากอดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
“วิทัย” เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสินเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2563 โดยผลักดันนโยาย Social Bank หรือธนาคารเพื่อสังคม พร้อมทั้งนำธนาคารออมสินเข้าสู่ธุรกิจ Non-Bank อย่างเต็มตัว โดยได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด รวมทั้งผลักดันการเข้าช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้น
นอกจากนี้ “วิทัย” ถือว่ามีบทบาทในการสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะการเป็นหัวหอกในการผลักดันโครงการคุณสู้เราช่วย รวมถึงพร้อมดำเนินการนโยบายแฮร์คัตหนี้ให้ประชาชนที่รัฐบาลกำลังเตรียมการ ซึ่งธนาคารออมสินวางแผนที่จะยกหนี้หรือผ่อนปรนหนี้ให้ประชาชนที่มูลหนี้ไม่สูงถึง 500,000 คน
ดร.รุ่งผู้สมัครจากแบงก์ชาติ
“ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส” ถือเป็นคนในที่เข้าร่วมชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.ในครั้งนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากบรรดานายแบงก์ที่เห็นว่า ดร.รุ่ง จะเป็นผู้ว่า ธปท.ที่เข้าใจอุตสาหกรรมธนาคาร
ปัจจุบัน ดร.รุ่ง เป็นรองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.และกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.) รวมถึงคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.)
ดร.รุ่ง ครำ่หวอดในแวดวงการเงินมานานกว่า 20 ปี เคยเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเก้าอี้บริหารใน ธปท.เคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการ ด้านบริหาร , ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน และผู้ช่วยผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงินและยุทธศาสตร์องค์กร
รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน และผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ซึ่งมีส่วนร่วมสำคัญในการวางกลยุทธ์ของ ธปท. ผ่านมาตรการตลาดการเงินและการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจการเงินทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ
นอกจากนี้ มีบทบาทหลักขับเคลื่อน “ภูมิทัศน์ภาคการเงินไทย” ซึ่งสร้างภูมิทัศน์ทางการเงินใหม่สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืนของไทย และนำไปสู่การพัฒนาโครงการ Your Data การจัดตั้ง Virtual Bank รวมถึงการยกระดับกลไกการค้ำประกันเครดิต (NaCGA) ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของไทย อีกทั้งมีส่วนร่วมผลักดัน “แนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน”
และที่สำคัญ ดร.รุ่ง เคยทำงานในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Global Business and Strategy ธนาคารกรุงไทย ในช่วงปี 2560-2562
"สมประวิณ" แรงหนุนจากที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก
“ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ” นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ปรึกษานายกรัฐบาล หรือที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากเครือข่าย "บรรยง พงษ์พานิช”
ดร.สมประวิณ ถือว่ามีประสบการณ์หลากหลายทั้ง เศรษฐศาสตร์และการเงิน คลุกคลีอยู่ในวงการแบงก์มานับไม่ถ้วน ดังนั้นเป็นอีกคนที่ถือว่า “มีของ” และน่าจับตามองอย่างมาก โดยเป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้มีประสบการณ์หลากหลาย ทั้งในภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคเอกชน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมถึงเคยเป็นรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ของธนาคารไทยพาณิชย์ และหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ (Chief Economist) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
รวมถึงรองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุดแข็งคือความเข้าใจบริบทของเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างดี นำข้อเท็จจริงจากข้อมูลที่หลากหลายมาวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะทางนโยบายอย่างมียุทธศาสตร์ การจัดลำดับความสำคัญของนโยบายในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง และการจัดการประเด็นขัดแย้งอย่างเป็นระบบ
ในระดับนโยบายสาธารณะ ดร. สมประวิณ มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาควิชาการ เช่น การเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการคลัง อนุกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจในวุฒิสภา และกรรมการในสถาบันวิจัยชั้นนำอย่างสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
รวมถึงเคยมีบทบาทในคณะทำงานวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจหลังโควิด-19 ความสามารถในการฟัง วิเคราะห์ และเชื่อมโยงมุมมองที่หลากหลาย มีประสบการณ์ในการผลักดันเสนอนโยบายทั้งในระดับประเทศและระดับองค์กร
"กอบศักดิ์"ลงชิงตำแหน่งตามคาด
“ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” นักเศรษฐศาสตร์ที่มีบทบาทในการนำเสนอคิดด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศและเศรษฐกิจไทย โดยเชี่ยวชาญทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน และตลาดทุน มีประสบการณ์ทำงาน ทั้งในตำแหน่งภาครัฐและเอกชน ซึ่งในปัจจุบันเป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รวมทั้งถือเป็นอดีตลูกหม้อของ ธปท.ที่ตัดสินใจลงชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.ในครั้งนี้
รวมทั้งยังเป็นประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และอุปนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย
ในอดีตเคยเป็นทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา , ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีบทบาทสำคัญในการทำงานด้านนโยบายการเงิน นโยบายเศรษฐกิจมหภาค นโยบายสถาบันการเงิน และแผนพัฒนาตลาดทุนร่วมกับหน่วยงานสำคัญทั้ง ธปท.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
"อนุสรณ์" ยื่นใบสมัครอีกสมัย
“ดร.อนุสรณ์​ ธรรมใจ” สมัครผู้ว่าการ ธปท.เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อ 2563 เคยยื่นสมัครมาแล้ว โดย ดร.อนุสรณ์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์อีกคนที่มีการนำเสนอความเห็นทางเศรษฐกิจและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้นำเสนอความเห็นในการยกระดับประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งการผลักดันให้ประเทศไทยพ้นประเทศรายได้ระดับปานกลาง
“ดร.อนุสรณ์” มีบทบาทสำคัญในสถาบันปรีดี พนมยงค์และมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความพยายมขับเคลื่อนแนวคิดทางสังคมเพื่อยกระดับประเทศ
รวมทั้งในอดีตมีบทบาทในสถาบันการศึกษา เช่น ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต , คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รวมถึงเคยเป็นกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะที่มีทำงานร่วมกับภาครัฐได้มีบทบาทในคณะกรรมการกำกับและบริหารนโยบายหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
นอกจากนี้มีผลงานเขียนและงานวิจัยสำคัญหลายรายการ เช่น วงจรสถิติในรอบ 15 ปี กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” สำนักงานสถิติแห่งชาติ รวมถึงการวิจัยโครงการมองอนาคตรัฐวิสาหกิจไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง
ต้องจับตาดูว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเข้าวินชนะใจคณะกรรมการคัดเลือกซึ่งตามกำหนดการคณะกรรมการคัดเลือกจะมีการนัดหมายผู้สมัครแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 24 มิ.ย. และสรุปรายชื่อเสนอให้รมว.คลังในวันที่ 2 ก.ค.เพื่อเสนอให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบ เพื่อทูลเกล้ารายชื่อผู้ว่า ธปท.คนใหม่ตามขั้นตอนต่อไป
โฆษณา