4 มิ.ย. เวลา 09:54 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 257 ราชบุตรเขยจารชน

จางเหิงสลบไป ซ่งเจียงว่า
“พยุงเข้าไปพักพยาบาลในกระโจม แล้วค่อยถามเหตุการณ์ที่ชายทะเล”
ซ่งเจียงให้เผยเซวียน เจี่ยงจิ้งช่วยกันบันทึกความชอบของเหล่าขุนพล หลี่จวิ้น สือสิ้วจับเป็นอู๋จื๋อ สามขุนพลหญิงจับเป็นจางเต้าหยวน หลินชงใช้ทวนงูสังหารเหลิ่งกง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าสังหารชุยวี่ ที่หนีรอดไปได้มี สือเป่า เติ้งหยวนเจว๋ หวางจี้ เฉาจง เวินเค่อย่าง รวมห้าคน
ซ่งเจียงให้ออกประกาศปลอบขวัญราษฎร บำเหน็จทหาร ให้นำตัวอู๋จื๋อ จางเต้าหยวนส่งไปให้จางเจาเถ่าลงโทษตัดหัวเสียบประจาน มอบเสบียงเป็นรางวัลแก่หยวนผิงสื้อและทำหนังสือเสนอให้แต่งตั้งเป็นนายอำเภอฟู่หยาง 富阳县令 จางเจาเถ่าแต่งตั้งข้าราชการที่ขาดในตำแหน่งต่างๆ
ทหารมารายงานว่า “หยวนเสี่ยวชีขึ้นบกแล้ว กำลังเข้าเมืองมา”
ซ่งเจียงให้เข้ามาพบในกระโจม หยวนเสี่ยวชีรายงานว่า
“ผู้น้องกับจางเหิง นำโหวเจี้ยน ต้วนจิ่งจู่และเหล่าทหารเรือไปหาเรือที่ชายฝั่งทะเล ได้แล้วแล่นผ่านอำเภอไห่หยัน 海盐县 จะเข้าสู่แม่น้ำเฉียนถัง 钱塘江 กระแสน้ำและอากาศไม่เป็นใจ ซัดพวกเราออกกลางสมุทรจนเรือแตก โหวเจี้ยน ต้วนจิ่งจู้ว่ายน้ำไม่เป็น จึงจมน้ำตายกลางทะเล พวกทหารเรือถูกซัดกระจัดกระจายหายไป
ผู้น้องพยายามว่ายน้ำกลับมาปากน้ำผ่านประตูเจ่อซาน 赭山门 มาได้ คลื่นซัดมาถึงเขาปั้นฝาน 半墦山 ว่ายน้ำต่อมา เห็นพี่จางเหิงอยู่ในน้ำแถวเขาอู่หยุน ดูท่าจะขึ้นบก แต่ไม่รู้หายไปไหน
เมื่อคืนเห็นไฟไหม้ในเมืองทั้งมีเสียงยิงปืนแม่ลูก จึงคาดว่าพี่ท่านคงบุกเข้าเมืองหางโจว จึงขึ้นฝั่งมา ก็ยังไม่เห็นจางเหิงว่าขึ้นมาด้วยหรือไม่”
ซ่งเจียงจึงเล่าเรื่องที่เกิดกับจางเหิงให้ฟัง แล้วให้หยวนเสี่ยวชีกลับไปสมทบกับพี่ชายทั้งสอง
ซ่งเจียงสั่งการให้ทัพเรือเร่งซ่อมแซมเรือเตรียมใช้บุกมู่โจว 睦州 แล้วมาคิดถึงเรื่องที่จางซุ่นสำแดงอิทธิฤทธิ์ จึงให้ตั้งศาลบูชาริมทะเลสาบซีหูหน้าประตูหย่งจิน จารึกนาม “จินหัวไท่เป่า 金华太保” ซ่งเจียงทำการสักการะด้วยตนเอง ต่อมาหลังจากเสร็จศึกฟางล่า ซ่งเจียงกราบทูลราชสำนักถึงเรื่องนี้ จึงทรงพระราชทานยศใหม่เป็นขุนพลจินหัว “จินหัวเจียงจวิน 金华将军” ตั้งศาลอุทิศที่เมืองหางโจว
ซ่งเจียงรำลึกว่านับแต่ข้ามน้ำมา สูญเสียพี่น้องไปแล้วหลายคน เศร้าใจยิ่งนัก จึงให้จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่วัดจิ้งฉือ 净慈寺 เจ็ดวันเจ็ดคืน และตั้งป้ายวิญญานของแต่ละคนเอาไว้ที่วัด
ซ่งเจียงให้จัดการเผาทำลายวังรัชทายาทของฟางเทียนติ้ง ทรัพย์สินมีค่าให้นำมาแจกจ่ายบำเหน็จเหล่าทหารและบำรุงขวัญราษฎร แล้วให้เหล่าทัพเตรียมตัวเดินทัพปราบฟางล่า
ปลายเดือนสี่ รองตูตูหลิวกวงสื้อมาพร้อมราชทูตจากตงจิง นำสุราพระราชทานสามสิบห้าขวดและชุดแพรพระราชทานมาสำหรับขุนพลเอกสามสิบห้าชุด สำหรับขุนพลโทเป็นแพรพรรณ ทางราชสำนักรู้เพียงว่ากงซุนเสิ้งอำลาไปก่อนออกเดินทัพ ยังไม่รู้ว่าระหว่างนี้มีเหล่าขุนพลสูญเสียชีวิต
ซ่งเจียงเห็นจำนวนแล้วสะท้อนใจร่ำไห้ ราชทูตซักถามสาเหตุจึงเล่าให้ฟัง แล้วนำสิ่งของพระราชทานแจกจ่ายเหล่าขุนพลที่ยังอยู่ นำชุดแพรพระราชทานหนึ่งชุดสวมรูปปั้นจางซุ่นพร้อมสุราพระราชทานหนึ่งขวด ที่เหลือทำการเผาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ
ผ่านมาอีกสิบกว่าวัน จางเจาเถ่ามีหนังสือมาเร่งให้ซ่งเจียงออกเดินทัพ ซ่งเจียงหารือกับอู๋ย่งและหลูจวิ้นอี้
“จากที่นี่มีเส้นทางผ่านมู่โจว 睦州 เลียบลำน้ำไปยังรังโจร อีกเส้นทางผ่านเส้อโจว 歙州 ไปยังทางน้อยด่านวี่หลิ่งกวน 昱岭关 เราจะแยกไปกันคนละทาง น้องเราจะเลือกเส้นทางไหน”
หลูจวิ้นอี้ว่า “สุดแต่ท่านแม่ทัพมีบัญชา หาบังอาจเลือกไม่”
ซ่งเจียงว่า “เช่นนั้นก็แล้วแต่สวรรค์”
แล้วให้ทำสลากขึ้นมาสองใบ จุดธูปบูชาฟ้า ซ่งเจียงจับได้มู่โจว หลูจวิ้นอี้จับได้เส้อโจว
ซ่งเจียงว่า “รังโจรของฟางล่าตั้งอยู่ในถ้ำปังหยวน 帮源洞 อำเภอชิงซี 清溪县 น้องเราตีได้เส้อโจวแล้ว ก็พักทัพที่นั่น แล้วแจ้งมาให้รู้ เพื่อนัดกันเข้าบุกถ้ำที่ชิงซี”
หลูจวิ้นอี้จึงขอให้ซ่งเจียงจัดแบ่งกำลังทัพ
ทัพซ่งเจียงเข้าตีมู่โจวและเขามังกรดำ 乌龙岭 (อูหลงหลิ่ง) มีสามสิบหกขุนพลคือ เสธ.อู๋ย่ง กวนเสิ้ง ฮวาหยง ฉินหมิง หลี่อิ้ง ไต้จง จูถง หลี่ขุย หลู่จื้อเซิน อู่ซง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง ฝานยุ่ย หม่าหลิน เอี้ยนซุ่น ซ่งชิง เซี่ยงชง หลีกุ่น หวางอิง หู้ซานเหนียง หลิงเจิ้น ตู้ซิง ไฉ้ฝู ไฉ้ชิ่ง เผยเซวียน เจี่ยงจิ้ง วี่เป่าสื้อ
เป็นขุนพลทัพเรือเจ็ดนาย หลี่จวิ้น หยวนเสี่ยวเอ้อ หยวนเสียวอู่ หยวนเสี่ยวชี ถงเวย ถงเหมิ่ง เมิ่งคัง
ทัพหลูจวิ้นอี้เข้าตีเส้อโจวและด่านวี่หลิ่งกวน มียี่สิบแปดขุนพล เป็นเส้นทางบกไม่มีนายทัพเรือ เสธ.จูอู่ หลินชง ฮูหยันจว๋อ สื่อจิ้น หยางสยง สือสิ้ว ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ ซุนลี่ หวงซิ่น โอวเผิง ตู้เชียน เฉินต๋า หยางชุน หลี่จง เซวียหย่ง โจวยวน โจวยุ่น หลี่ลี่ หลี่หยุน ทังหลง สือหย่ง สือเชียน ติงเต๋อซุน ซุนซิน กู้ต้าเส่า จางชิง ซุนเอ้อเหนียง
หลูจวิ้นอี้นำพลสามหมื่น ได้ฤกษ์เดินทาง อำลาหลิวตูตู ซ่งเจียง ออกเดินทัพตามเส้นทางภูเขาผ่านไปทางอำเภอหลินอัน 临安县
ยามนี้ในเมืองหางโจวเกิดโรคระบาด จึงมีขุนพลป่วยอยู่หกนาย จางเหิง มู่หง ข่งหมิง จูกุ้ย หยางหลิน ไป๋เสิ้ง จึงให้มู่ชุน จูฟู่อยู่ดูแลผู้ป่วย และรักษาเมืองหางโจว รวมเป็นแปดขุนพล
พอได้ฤกษ์ ซ่งเจียงยกทัพบกทัพเรือเลียบแม่น้ำมาทางอำเภอฟู่หยาง 富阳县 มุ่งหน้ามาตีมู่โจว
กล่าวถึงไฉจิ้นและเอี้ยนชิงซึ่งอาสามาเป็นจารชน อำลาซ่งเจียงมาตั้งแต่อยู่สิ้วโจว เดินทางมาหาเรือที่อำเภอไห่หยัน 海盐县 โดยสารเรือเดินทะเลผ่านเยว่โจว 越州 มายังอำเภอจูจี้ 诸暨县 แล้วโดยสารเรือข้ามฟากมายังมู่โจว ปะนายด่านสกัดไว้ที่ชายแดน
ไฉจิ้นว่า “ตัวข้านี้เป็นบัณฑิตจากจงหยวนหยั่งรู้ฟ้าดิน เชี่ยวชาญยินหยาง ล่วงรู้การแปรเปลี่ยนลิ่วเจี่ย 六甲 แยกแยะราศีซานกวง 三光 คัมภีร์เก้าสำนักสามลัทธิ 九流三教 ปรุโปร่งสิ้น เล็งเห็นรัศมีโอรสสวรรค์ปรากฏที่เจียงหนานจึงได้มา เหตุใดจึงมาขัดขวางอัจฉริยบุรุษ”
นายด่านงงวาจา ดูท่าจะไม่ใช่สามัญชน จึงสอบถามชื่อสกุล
ไฉจิ้นว่า “ข้าแซ่เคอ 柯 ชื่อหยิ่น 引 นายบ่าวมาเยือนเมืองบน 上国 หามีเจตนาร้ายใด”
นายด่านรั้งตัวให้พำนักรอ แล้วให้คนเข้ามายังมู่โจว รายงานเฉิงเซี่ยง(เสนาบดี)ขวาจู่สื้อหย่วน 祖士远 ชานเจิ้ง(งานปกครอง)เสิ่นโซ่ว 参政沈寿 เชียนซู (อาลักษณ์)หวนอี้ 佥书桓逸 หยวนส้วย(จอมพล)ถานเกา 元帅谭高 ทั้งสี่จึงให้นำไฉจิ้นมาพบ ไฉจิ้นใช้คารมสร้างความประทับใจให้ทั้งสี่ บวกกับบุคลิกอันไม่สามัญของไฉจิ้นเอง จึงไม่ทำให้เกิดความระแวง เฉิงเซี่ยงขวาจู่สื้อหย่วนชอบใจยิ่ง จึงให้เชียนซูหวนอี้ นำไฉจิ้นไปเข้าเฝ้าที่ชิงซี
ฟางล่าแม้มีวังสัญจรที่มู่โจว และเส้อโจว แต่หน่วยราชการหลักและวังหลวงนั้นอยู่ในถ้ำปังหยวนที่ชิงซี
หวนอี้นำไฉจิ้น เอี้ยนชิงถึงเมืองหลวงที่ชิงซี ก็พาไปพบเฉิงเซี่ยงซ้ายโหลวหมิ่นจง 左丞相娄敏中 ก่อนเป็นลำดับแรก ไฉจิ้นคุยจ้อโอ้อวดได้ถูกใจโหลวหมิ่นจง จึงรับไว้ให้พักที่จวน ไฉจิ้น และเอี้ยนชิงต่างมีบุคลิกโดดเด่น ทั้งยังรู้หนังสือและพิธีรีตอง ต้องใจโหลวหมิ่นจงเสียแล้วแปดส่วน โหลวหมิ่นจงเดิมเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่ชิงซีนี้ แต่ความรู้ไม่สูงนัก เจอคารมแบบไฉจิ้นเข้าจึงชอบใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟางล่าออกท้องพระโรง ข้าราชบริพารแห่แหนเข้าเฝ้า เฉิงเซี่ยงซ้ายโหลวหมิ่นจงก้าวออกมาทูลว่า
“จงหยวนเป็นถิ่นฐานของข่งฟูจื่อ (ขงจื๊อ) บัดนี้ มีอัจฉริยบุรุษผู้หนึ่ง แซ่เคอนามหยิ่น เพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊ มีทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญ หยั่งรู้ฟ้าดิน ล่วงรู้การแปรเปลี่ยนลิ่วเจี่ย แยกแยะราศีซานกวง คัมภีร์สามลัทธิเก้าสำนักร้อยปวงปราชญ์ปรุโปร่งสิ้น สังเกตเห็นรัศมีแห่งโอรสสวรรค์จึงตั้งใจมาที่นี่ ขณะนี้อยู่หน้าตำหนัก รอพระองค์ท่านรับสั่งหา”
ฟางล่าว่า “ในเมื่อมีอัจฉริยบุรุษมา ให้ผัดชุดขาวเข้าเฝ้า”
ข้าหลวงขานเรียก ไฉจิ้นเข้าตำหนักกราบถวายพระพรอายุยืนหมื่นปีเสร็จ ยืนรออยู่หน้าม่าน
ฟางล่าสังเกตบุคลิกไฉจิ้นไม่ธรรมดา มีราศีทายาทมังกรก็ชอบใจเสียแปดส่วน ถามว่า
“อัจฉริยบุรุษกล่าวว่า สังเกตเห็นรัศมีโอรสสวรรค์นั้น ปรากฎที่ใด”
ไฉจิ้นทูลว่า “กระหม่อมเคอหยิ่นมีภูมิลำเนาอยู่จงหยวน บิดามารดาถึงแก่กรรมแล้วทั้งคู่ ได้ศึกษาเล่าเรียนเคล็ดวิชาจากอัจฉริยบุรุษก่อนเก่า รับสืบทอดอักษรสวรรค์จากปรมาจารย์
ไม่นานมานี้ ได้สังเกตปรากฏการณ์บนฟากฟ้ายามราตรี เห็นดาวกษัตราสุกสว่างทอแสงเหนือตงอู๋ 东吴 จึงไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากดั้นด้นตามรัศมีมากระทั่งถึงเจียงหนาน 江南 ยังได้เห็นแถบเบญจรังสีแห่งโอรสสวรรค์กำเนิดจากมู่โจว
บัดนี้ ได้มาอยู่เบื้องพระพักตร์องค์โอรสสวรรค์ ทรงพระอิริยาบถเฉกพญาหงส์มังกร เฉิดฉายปานสุริยันจันทรา ต้องตรงตามรัศมีที่ปรากฏ กระหม่อมยินดีปรีดายิ่งนักที่ได้มาประจักษ์”
กล่าวจบก้มกราบคารวะอีก
ฟางล่าว่า “ดินแดนของกว่าเหยิน 寡人 อยู่ทางอาคเนย์ ในระยะนี้ พวกซ่งเจียงบุกรุกแย่งชิงแผ่นดิน จักเป็นเช่นไรต่อไป”
ไฉจิ้นว่า “กระหม่อมฟังโบราณว่า“ได้มาง่าย เสียไปง่าย ได้มายาก เสียไปยาก” บัดนี้ ฝ่าบาททรงครอบครองดินแดนเบื้องอาคเนย์ นับแต่ทรงปราบดาภิเษกมา ม้วนพสุธากว้างไกล ได้หลายหัวเมืองเข้าสู่ขอบขัณฑสีมา แม้วันนี้จะถูกซ่งเจียงตีชิงไปบ้าง อีกไม่ช้านานจักหวนคืนสู่ร่มพระบารมี และมิเพียงเจียงหนาน แม้แผ่นดินจงหยวนยังจักมาอยู่ใต้ปกครองของฝ่าบาท”
1
ฟางล่าฟังจนเคลิ้ม ชอบใจยิ่งนัก สั่งให้ไฉจิ้นลุกขึ้นนั่งบนเบาะแพร และแต่งตั้งให้เป็นจงซูสื้อหลาง 中书侍郎 (ราชเลขาธิการ) นับแต่นั้น ไฉจิ้นก็กลายเป็นคนใกล้ชิดของฟางล่า วันวันหาแต่เรื่องสอพลอยกยอปอปั้น จนผ่านไปครึ่งเดือน ขุนนางน้อยใหญ่ต่างรู้ว่าเป็นคนโปรด
ต่อมา ฟางล่าให้เฉิงเซี่ยงซ้ายโหลวหมิ่นจงเป็นพ่อสื่อ พระราชทานสมรสองค์หญิงจินจือ 金芝公主 กับไฉจิ้น ไฉจิ้นได้เป็นฟู่หม่า 驸马 ราชบุตรเขย และได้รับมอบหน้าที่สำคัญเป็นตูเว่ย 都尉 ผู้บัญชาการทหาร เอี้ยนชิงซึ่งใช้ชื่อปลอมว่า หยุนปี้ 云璧 ก็ได้ดีคนเรียกขานว่า หยุนเฟิงเว่ย 云奉尉
ไฉจิ้นนับแต่สมรสกับองค์หญิงแล้วก็เข้านอกออกในวังได้สะดวก รู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบางทั้งนอกใน ฟางล่าก็มักเรียกไปปรึกษาราชการศึก
ไฉจิ้นหมั่นเพ็ดทูลว่า “พระรัศมีของฝ่าบาทเที่ยงธรรมนัก เพียงแต่จะถูกดาวเทียนกังบดบังเสียครึ่งปี กระทั่งซ่งเจียงหมดสิ้นขุนศึกในบัญชา ดาวเทียนกังจะถอยไป รากฐานของฝ่าบาทจักหวนกลับมามั่นคงกระทั่งม้วนพสุธากว้างไกล 席卷长驱 สู่แผ่นดินจงหยวน”
ฟางล่าว่า “ขุนพลของกว่าเหยินมีอยู่หลายนาย แต่ถูกซ่งเจียงสังหารเสียสิ้น จักเป็นเช่นไร”
ไฉจิ้นว่า “กระหม่อมตรวจปรากฏการณ์บนฟากฟ้าเมื่อราตรีผ่าน พระชะตาของฝ่าบาทนั้น แม้จะทรงมีดาวขุนพลแวดล้อมนับสิบ แต่หาใช่ขุนศึกคู่บารมี ไม่นานก็ต้องม้วย ขุนพลคู่พระบารมีจะมียี่สิบแปดดวง สิบกว่าดวงอยู่ในพวกของซ่งเจียงจักมาสวามิภักดิ์สู่ฝ่าบาทช่วยสร้างรากฐานของบ้านเมืองในเบื้องหน้า”
ฟางล่าฟังจนเคลิ้ม
蚕室当时惩太史,何人不罪李陵降?
谁知贵宠柯驸马,一念原来为宋江。
ไท่สื่อต้องโทษตอน นอนห้องหนอนไหม
ใครบ้างไม่โทษหลี่หลิงสามิภักดิ์
หารู้ราชบุตรเขยเคอที่เธอรัก
แท้จริงภักดิ์มั่นคงต่อซ่งเจียง
(ห้องหนอนไหม 蚕室 ห้องควบคุมตัวผู้ต้องโทษตอนในวัง (อาจเพื่อปัองกันการติดเชื้อหลังถูกตอน)
ไท่สื่อ 太史 ผู้ถูกตอนคือ ซือหม่าเชียน 司马迁 ผู้บันทึกประวัติศาสตร์ สื่อจี้ 史记 ถูกลงโทษตอนเพราะจะช่วยหลี่หลิง
หลี่หลิง 李陵 หลานชายของหลีกว่าง 李广 ขุนพลปราบพยัคฆ์ผู้โด่งดัง หลี่หลิงแปรพักตร์ไปอยู่กับพวกซยงหนู 匈奴)
(รัชสมัยพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ 汉武帝 ฮั่นตะวันตก หลี่หลิงรับบัญชานำพลห้าพันออกขับไล่พวกซยงหนู แต่ข่านแห่งซยงหนูตอบโต้ด้วยกำลังพลสามหมื่น หลี่หลิงมีกำลังน้อยกว่ามากจึงรบพลางถอยพลางจนเสบียงและอาวุธหมด มาใกล้ชายแดนเหลือกำลังราวสี่ร้อย จึงต้องยอมจำนนต่อกองทัพนับหมื่นของซยงหนู
ข่าวรู้ถึงราชสำนัก เหล่าขุนนางต่างเสนอให้ประหารครอบครัวของหลี่หลิง มีแต่ซือหม่าเชียนที่คัดค้าน และพาดพิงถึงหลีกว่างลี่ 李广利 ที่นำทัพออกรบแล้วสามิภักดิ์ต่อพวกซยงหนูเช่นกัน
หลีกว่างลี่เป็นพี่ชายของพระสนมหลี่ พระสนมคนโปรด และเป็นพี่ชายของหลี่หยันเหนียน 李延年 ขุนนางคนสนิทของฮั่นอู่ตี้ ซือหม่าเชียนจึงโดนข้อหาหมิ่นเบื้องสูงต้องโทษประหารชีวิต แต่ลดโทษเหลือตอนอวัยวะเพศ
หลี่หลิงต่อมาได้เป็นราชบุตรเขยของข่านแห่งซยงหนู ฮั่นอู่ตี้จึงสั่งประหารครอบครัวของหลี่หลิง หลี่หลิงตายด้ววัยชราที่ซยงหนู
หลีกว่างลี่ได้เป็นราชบุตรเขยของข่านซยงหนูอีกองค์ แต่เกิดวิวาทกับเว่ยลวี่ 卫律 ขุนนางชาวฮั่นแปรพักตร์ จนถูกใส่ความเสียชีวิตไปก่อน
ซือหม่าเชียนถูกตอนแล้วอับอายใคร่ตาย แต่ตัดสินใจอยู่ต่อ ตามที่เขียนบอกกล่าวไว้เองว่า หากตนตายไป ข้อมูลที่กระจัดกระจายและหายากที่ตนรวบรวมไว้จะไม่ได้รับการบันทึกให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ จึงเขียนบันทึกประวัติศาสตร์ สื่อจี้ 史记 จนแล้วเสร็จ ปัจจุบันยังใช้อ้างอิงกันอยู่)
ตอนก่อนหน้า : ภูตจางซุ่น
ตอนถัดไป : สูญเสียที่สันมังกรดำ
โฆษณา