4 มิ.ย. เวลา 13:19 • ปรัชญา
..ปล่อยวางอารมณ์กรรม ..ที่เกิดขึ้นที่กาย..ไปจนว่า ..ปล่อยวางกาย..
เรื่องการปล่อยวาง นั่น จิตของเราอาศัยอยู่ในเรือนของคุณบิดามารดา มีวิญญาณทั้งหก ที่เสมือนห้อมล้อมจิตอยู่ การสัมผัสรับรู้ เรื่ยนรู้ ..มันต้องอาศัยวิญญาณทั้งหก คราวนี้ เราก็ลองนั่งหลับตา ตามองไม่เห็นอะไรแล้ว แล้วเสียงล่ะ เรายังปิดหูไม่ได้ เราก็หาที่สงบๆ ไม่มีเสียงรบกวน ไม่มีเสียงคน .. เราก็ทดลองนั่งดู .. คราวนี้ เมื่อเราปิดการรับรู้ทั้งหมด มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีอารมณ์นึกคิดอยู่มั้ย เมื่อมันมี ..ตรงนั้นและที่ เค้าว่า เป็นอารมณ์ ปกคลุมจิตอยู่
..ตรงนี้ คราวก็แนะนำให้ ทำกายนิ่งๆ จิตเฉย .ยิ่งนั่งพับเพียบ .ก่อนจะนั่งก็กราบ . กราบใครดี เราก็กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อัครสาวก กราบไปเถอะ เราเอากายพ่อแม่ มาใช้. ตอนนี้เรามาใช้กายให้อยู่นิ่งๆ จิตเฉย ไม่นึกคิดอะไร ..ทร่เค้าเรียกว่า รอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอยนี้ .ยืนเดินนั่งนอน ไม่นึกคิดอะไร ..นึกคิดนั่นคืออารมณ์ นั่นคือกรรม นั่งไม่ต้องไปพิจารณาอะไรหรอก ..เพราะอารมณ์นั่นปกคลุมจิตเราอยู่ นั่งพับเพียบภาวนา พุทโธ สองคำ ตามกำหนดที่เราตั้งใจทำ
.สมมุติว่า ทำห้านาที ทำน้อยๆ อย่าทำมาก มันสู้อารมณ์ไม่ได้หรอก หรือว่า อยากทำมากหน่อย ครึ่งชั่วโมง ก็ได้ แต่ก่ิอนทำต้องบอกกล่าว พูดให้หูเราได้ยิน ให้จิตอาศัยในกายนั้นรับรู้ เพราะวิญญาณหูชอบหังแต่เสียงคนอื่น พูดให้หูเราได้ยินเสียงตัวเอง ว่าจะทำอะไร ใช้กายมาทำอะไร จิตจะได้ตื่นขึ้นมา รับรู้ความคุมกาย บังคับกายให้นั่งนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน เมื่อเราปฏิบัติ ตามเวลาที่กำหนด นั่นก็เป็นเรื่องราวเอาจิตมาประพฤติปฏิบัติธรรม ในรอยทั้งสี่ ไม่นึกคิดอะไรเลย กายกรรม วจีกรรม มะโนกรรม หยุดไปชั่วขณะหนึ่ง
เราฝึกหัดน้อยๆ พอฝึกหัดเสร็จ เราก็กราบพระ แล้วยาเพิ่งขยับเขยื้อนกาย สำรวจตรวจสอบ ว่า เรานั่งนิ่งมั้ย มีอารมณ์นึกคิดอะไรเกิดขึ้นบ้าง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นอารมณ์ ไม่มีตัวตน .แล้วเราไปยึดทำไม ทำไมไม่ปล่อยวาง ทำแค่ห้านาที สิบนาที่. น่าจะทำได้ ไม่นึกคิดอะไรเลย .
ของง่ายนิดเดียวเอง ..
เรื่องกายปล่อย วางเค้าก็ฝึกหัด ไปจนปล่อยวางกาย ที่มีลมหายใจอยู่ เค้าทำไปเหมือนไม่มีกาย เหมือนคนตาย จิตออกจากร่าง.. มีพระท่านเล่าให้ฟัง ว่า พระพุทธเจ้า จิตก็ออกจากร่าง พระอรหันต์จิตก็ออกจากร่าง พระอเสขะ จิตก็ออดจากร่าง .ทั้งที่กายนั่นยังมีชีวิตอยู่
นั่นก็เป็นเรื่องราวการปล่อยวางกาย จิตไม่ยึดกาย .. ที่ว่า ..โอ้ว จะเป็นโสดาบัน .ลดละสักกายทิฐิอรมณ์นึกคิดอะไรต่าง ๆ..เราก็ดูซิ ว่า ทำได้ง่ายมั้ย ที่ไม่ยึดกาย แล้วในกาย นั้น มันก็มีเรื่องราวขันธ์ห้าอีก .ที่ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณทั้งหก ก็ถูกปกคบุมไปด้วยอารมณ์ทั้งนั้น ตรงไหนที่สลัดอารมณ์ สลัดสักกายทิฐิได้ ..
เอาเรื่องที่ใกล้ตัว .แหม .วันนี้ มีสมตำ .ไก่ย่าง ..กำลังกินไปเอร็ดอร่อย .ก็มีเสียงว่า ..ใช้ไม่ได้ ..กินด้วยอารมณ์ .หยุดกิน ..คายออกมาเดียวนี้ ..ไม่ต้องกินปรนเปรออารมณ์กรรม .
เรื่องการปล่อย มันมีรายละเอียดมากมายก่ายกอง ที่จิตเราสะสมมาทั้งดีไม่ดี อยู่ที่ธาตุทั้งสี่ที่เราสะสมมาเอง มาหนาแน่น ไปด้วยคำว่ากรรม .ตรงนั้น เค้าก็ทำให้กรรม ที่เหมือนสิ่งสกปรก นั่น ทำให้ธาตุทั้งสี่ใสสะอาดหมดจด ..นั่นเป็นเรื่องของจิตที่สะสมบุญบารมีมาเต็มพิกัด จึงสามารถทำได้ .
การที่กระทำให้กายนิ่ง จิตนิ่ง นั่งพับเพียบไม่ขยับเขยื้อน เค้าต้องการให้กายบิดามารดา สอนทุกข์ให้แก่จิต แล้วนั่นอาศัย จิตที่มีขันติ ปลดเปลื้องไม่ไปยึดทุกข์ ยึดกายที่เป็นทุกข์ เค้าทำไปทำไม ทำไปเพื่อให้จิตเกิดปัญญาธรรม (ไม่สมองที่มีอะไรชอนไช มันกเน่าได้) แล้วสิ่งที่เมื่อทำกายนิ่ง จิตนิ่งได้ ก็มีแสงส่องลง มา เค้าเรียกว่า ธรรมสอนจิตเกิดขึ้น ที่เป็นเรื่องราวละเอียดอ่อมมากๆ ..ที่จะเป็นเรื่องราวของการพิจารณา เรื่องของจิตที่มีแสงรัตนะ ที่เค้าเรียกว่า จิตมีดอกบัวห้าดอก ..มีภาพ แสง สี เสียง เหตุผล ..
โฆษณา