5 มิ.ย. เวลา 16:37 • ข่าว

ไทยส่งออกยาไปกัมพูชาปีละกว่า 2,000 ล้านบาท

ในขณะที่ความขัดแย้งชายแดนกำลังร้อนระอุ สื่อแทบทุกสำนักตีข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทุกข้อมูลดูเหมือนจะแสดงให้เห็นถึงรอยแยกที่ยากจะสมานคืนระหว่างสองชนชาติ
แน่นอนว่าสงครามเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สงครามไม่เคยสร้างประโยชน์อะไรให้กับมนุษยชาติ และบาดแผลของมัน จะฝังลึกในใจผู้คนไปตราบนานเท่านาน
เพราะภายใต้การยุยงปลุกปั่น ข่าวลวง การกล่าวโทษ ยังมีผู้คนจากทั้งสองฟากฝั่ง ที่ปรารถนาเพียงชีวิตที่ดีและสันติสุข
ถึงไทยจะเป็นประเทศเล็ก และไม่ใช่มหาอำนาจด้านยาและเวชภัณฑ์ของโลก แต่ไทยก็เป็นผู้ส่งออกยารายใหญ่ในภูมิภาค ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ยาไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาด CLMV (กัมพูชา พม่า เวียดนาม ลาว) มีสัดส่วนรวมถึง 59% ของมูลค่ายาส่งออกไทยทั้งหมด
1
ภาพรวมระหว่างปี 2557–2562 มูลค่าการส่งออกยาของไทยไปยังกัมพูชาเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 7.4% ทั้งนี้เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดกลาง ที่เติบโตเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปีก่อนโควิด การขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางทำให้ความต้องการบริการสุขภาพและเวชภัณฑ์คุณภาพสูงสูงขึ้น
และเนื่องจากกัมพูชาเน้นการนำเข้ายาและเวชภัณฑ์มากกว่าการผลิตเองในประเทศ
ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกหลักของกลุ่มสินค้าเภสัชภัณฑ์ไปยังกัมพูชา
มูลค่าการส่งออกทั้งหมดจากไทยไปยังกัมพูชา ในปี 2024 อยู่ที่ 9.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยาและเวชภัณฑ์มีมูลค่าสูงถึง 67.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,460 ล้านบาท การส่งออกยาที่ผลิตในไทย (Generic drugs) ที่มีราคาต่ำ ผลักดันให้การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นตามภาคความต้องการที่ฟื้นตัว
และจากข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมา ทำให้นึกไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาบานปลาย หากไทยใช้มาตรการทางเศรษฐกิจกับกัมพูชา จะทำให้ห่วงโซ่อุปทานยาของกัมพูชามีปัญหาทันที ซึ่งจะกระทบต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของกัมพูชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จริงอยู่ว่ากัมพูชาสามารถหันหน้าไปพึ่งจีนได้ในเรื่องนี้ แต่ก็คงต้องใช้เวลา และหากถูกไทยปิดอ่าว ก็จะยิ่งกระทบการนำเข้าด้วย นี่ยังไม่นับเรื่อง Medication errors ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน และกระทบกับการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล
ไทยเองก็ใช่ว่าจะได้ประโยชน์ การสูญเสียคู่ค้าสำคัญทำให้กระทบต่อบริษัทยาที่เน้นผลิตยา Generic drugs โดยเน้นตลาดในประเทศและตลาดในภูมิภาค และหากทรัมป์ดำเนินนโยบายเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดยาในสหรัฐฯ จะกระทบต่อมูลค่าการส่งออกยาของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็จะมีหลายบริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลาง ที่จะได้รับผลกระทบมากในเรื่องนี้
หมึกหยดเดียวไม่ทำให้น้ำเปลี่ยนสีฉันใด คนไม่ดีเพียงไม่กี่คน ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงระเบียบและธรรมาภิบาลของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ฉันนั้น แม้มันจะยากที่จะเชื่อ
แต่ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และต้องมารับกรรมแบบไม่รู้สี่รู้แปด
1
แน่นอนว่าการรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนเป็นหน้าที่ของประชาชนไทยทุกคน แต่การยึดหลักสันติ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และการปฏิบัติตามหลักสากล เป็นสิ่งที่ประเทศที่มุ่งสู่ความมีอารยะพึงปฏิบัติ พวกเราจึงควรมองให้กว้างกว่าแค่ถ้อยคำหรือการกระทำยั่วยุ ซึ่งมีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลายเกินการควบคุม
แก้ไขปัญหาแบบที่มนุษย์มีสติปัญญาพึงกระทำ(ซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงเอาแต่นิ่งอึ้งไม่ยอมทำอะไร)
สุดท้ายขอให้จำเอาไว้ว่ายังมีอีกหลายชีวิตจากสองฟากฝั่ง ที่เป็นอะไรไม่ได้มากกว่า
"เหยื่อ" จากวาทกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ ของกลุ่มบุคคลที่ไร้จิตสำนึก และทำได้แค่รองรับผลกระทบที่ไร้การเหลวแล เราจึงไม่ควรต่อวงจรของสงครามให้มากกว่านี้
เพราะสุดท้ายคนที่สูญเสีย ก็คือเราทุกคน
อ้างอิง
โฆษณา