5 มิ.ย. เวลา 18:48 • การเมือง

สงครามไทย–กัมพูชา: บทวิเคราะห์สถานการณ์ล่าสุด (ปี 2025)

ในปี 2025 ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาได้กลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้ง หลังจากเหตุปะทะเล็ก ๆ ตามแนวชายแดนบริเวณเขาพระวิหารเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี แม้จะไม่ใช่ “สงคราม” ในระดับเต็มรูปแบบ แต่สถานการณ์นี้ก็สร้างความตึงเครียดและสะท้อนถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนเกี่ยวพันกันมายาวนาน
---
ภูมิหลังของความขัดแย้ง
ไทยและกัมพูชามีความขัดแย้งบริเวณพรมแดนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ปัญหานี้เกิดจากข้อพิพาทเรื่องการตีความแผนที่และสิทธิครอบครองพื้นที่รอบปราสาท แม้ศาลโลกจะเคยตัดสินให้ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตของกัมพูชาในปี 1962 แต่พื้นที่โดยรอบยังคงเป็นที่ถกเถียงและมีการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายเป็นระยะ
---
สถานการณ์ล่าสุด (2025)
เมื่อเดือนเมษายน 2025 มีรายงานว่ากองกำลังลาดตระเวนของทั้งสองประเทศได้เกิดการเผชิญหน้ากันในพื้นที่เขตชายแดน จ. ศรีสะเกษ ของไทย และจังหวัดพระวิหารของกัมพูชา โดยมีเสียงปืนดังขึ้นช่วงสั้น ๆ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะถอนกำลังกลับเข้าสู่ฐานที่ตั้ง ไม่มีรายงานการเสียชีวิต แต่มีทหารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากทั้งสองฝั่ง
รัฐบาลไทยและกัมพูชาต่างออกแถลงการณ์ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็น “ความเข้าใจผิด” และจะใช้ช่องทางการทูตในการแก้ปัญหา ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนบางส่วนเริ่มเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
---
การตอบสนองของสังคมและนานาชาติ
ภายในประเทศ มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเกี่ยวกับมาตรการป้องกันชายแดนและความโปร่งใสในการรายงานข่าว ขณะที่ในฝั่งกัมพูชา สื่อบางสำนักนำเสนอภาพว่าทหารไทยรุกรานแดนโดยไม่มีเหตุผล ส่งผลให้เกิดกระแสชาตินิยมในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
องค์การสหประชาชาติ (UN) และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ต่างออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาด้วยสันติวิธี และหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ซึ่งจนถึงขณะนี้ รัฐบาลทั้งสองประเทศยืนยันที่จะให้ความร่วมมือในการเปิดโต๊ะพูดคุย
---
บทวิเคราะห์และข้อเสนอแนะ
แม้เหตุการณ์ล่าสุดจะไม่รุนแรงเท่ากับเหตุปะทะในปี 2554 แต่ก็สะท้อนว่าความขัดแย้งบริเวณชายแดนยังคงเป็น “จุดเสี่ยง” ที่ต้องการการบริหารจัดการอย่างละเอียดอ่อน ทั้งไทยและกัมพูชาควรหันมาส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม รวมถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจร่วมบริเวณชายแดน เพื่อลดแรงตึงเครียดและสร้างผลประโยชน์ร่วมระยะยาว
---
บทสรุป
สงครามอาจยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่ “ความไม่ไว้ใจ” และ “ประวัติศาสตร์ที่ยังไม่คลี่คลาย” กำลังทำให้พรมแดนไทย–กัมพูชา เป็นพื้นที่อ่อนไหวที่อาจปะทุขึ้นได้อีกทุกเมื่อ การสร้างความเชื่อมั่นระหว่างรัฐบาล ประชาชน และกองทัพ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสันติภาพระยะยาว
โฆษณา