6 มิ.ย. เวลา 09:40 • ข่าว

"กัณวีร์" เชื่อความสัมพันธ์ตระกูลชิน-ตระกูลฮุน ทำให้ปัญหาชายแดนกัมพูชาคลุมเครือ

"กัณวีร์" จี้รัฐบาลไทยต้องชัดเจนในการแก้ปัญหากัมพูชา เชื่อความสัมพันธ์ 2 ตระกูลส่งผลให้การแก้ปัญหาคลุมเครือ จนเหมือนท่าทีไทยยอมอ่อนข้อให้
วันที่ 6 มิถุนายน 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ต้องดูการตอบสนองของฝ่ายกัมพูชา จากที่เขาจะไม่เข้าร่วมการเจรจา JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ แต่เมื่อเขาเปลี่ยนใจเข้าร่วมแต่จะไม่หารือถึงเรื่องข้อพิพาทตรงช่องบก เพราะสภาของเขามีมติให้ยื่นฟ้องศาลโลก ทางการไทยจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในการประชุม JBC และในเรื่อง 30 จุดที่เป็นกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย ซึ่งถ้าดูในฝ่ายบริหารและสภานิติบัญญัติของกัมพูชาค่อนข้างจะแรงพอสมควร
นายกัณวีร์กล่าวต่อว่า เท่าที่ติดตามงานชายแดนมาโดยตลอด ครั้งนี้น่าประหลาดใจที่กัมพูชาให้ความสำคัญมาก เร่งรัดกระบวนการค่อนข้างรวดเร็ว ไปถึงศาลโลกทันที ทั้งที่ยังไม่มีการพูดคุยกับฝ่ายไทย และใช้เวลาไม่กี่เดือนทำให้สถานการณ์ขึ้นจากระดับ 0 ไปถึง 90 จึงมองว่าน่าจะมีบางประเด็นเกิดขึ้นภายในรัฐบาลกัมพูชาด้วย
รวมไปถึงการเมืองภายใน หรืออาจจะใช้ประเด็นนี้เรียกความนิยม เพราะอย่าลืมว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต คือ ผบ.ทบ.ในสมัยที่มีข้อพิพาทเขาพระวิหาร และเป็นคนนำยิงต่อสู้กับฝ่ายไทย ตอนนี้เขาขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว อาจจะใช้ประเด็นนี้ดึงความสนใจการเมืองภายในกัมพูชา ดังนั้นประเทศไทยต้องวางจุดยืนที่ชัดเจนว่า เราจะยอมหรือไม่ ถ้ายอม ยอมได้แค่ไหน
"แต่ดูท่าทีของรัฐบาลไทยตั้งการ์ดหลวมตั้งแต่แรก เทียบกับรัฐบาลฝ่ายกัมพูชาเบากว่าเขาเยอะ แต่ในทางข้อมูลผมมั่นใจว่ากระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) น่าจะมีข้อมูลมากอยู่แล้ว แต่การแสดงออกของฝ่ายบริหารค่อนข้างเบา ทั้งที่น่าจะเข้มแข็งและควรจะชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมถึงหลังจากการพูดคุยจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเสร็จจาก JBC แล้วจะไปคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา (GBC) รัฐบาลต้องมีโรดแมปให้ชัด" นายกัณวีร์กล่าว
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรกับสมเด็จฮุน เซน นายกัณวีร์ยอมรับว่า ความสัมพันธ์ของระหว่างสองตระกูลนี้มีส่วนกับสถานการณ์แน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องเริ่มจากโครงสร้างระบบความสัมพันธ์ทางด้านการทูตทั้ง 2 ประเทศ
แต่ขณะนี้ที่เราเห็นกลายเป็นพีระมิดกลับหัว นำความสัมพันธ์ส่วนตัวของครอบครัวมาเป็นการนำ แม้นายทักษิณ ชินวัตร ระบุชัดเจนว่า มีการพูดคุยกันเป็นประจำ แต่กลับไม่ใช่การแก้ปัญหา ยิ่งทำให้สถานการณ์คลุมเครือมากยิ่งขึ้น และความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองครอบครัวอาจจะทำให้ลืมความสัมพันธ์ในบริบทเชิงโครงสร้าง
ตอนนี้มีหลายคนวิเคราะห์เรื่องคดีความของนายทักษิณที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ทำให้ท่าทีของรัฐบาลตอนนี้ดูเหมือนยอมเหลือเกิน ขณะที่ฝั่งกัมพูชาก็รุกเร้าตีกลองรบ แต่ฝั่งเราดูเงียบ จึงมีการประเมินกัน แต่ตนมองว่า เรื่องของความพร้อมในการพูดคุยของฝั่งไทย เรามีความพร้อมไม่เต็มร้อย ฝั่งกัมพูชารุกคืบเข้ามาแล้วในโซนโนแมนแลนด์ จะทำอย่างไรให้ทหารกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว
สส.พรรคเป็นธรรมกล่าวต่อว่า ในการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอาจมองว่า เป็นไปได้ที่คุณทักษิณกังวลว่า ถ้าเกิดทำอะไรออกไปแล้ว อาจจะทำให้ฝั่งกัมพูชาโดยเฉพาะฮุนเซน ฮุนมาเน็ต ไม่พอใจ อาจจะทำให้ไม่สามารถเดินข้ามไปฝั่งกัมพูชาได้ หากมีอะไรก็ตามเกิดขึ้น นี่เป็นการประเมินของนักวิเคราะห์ทางการเมืองไป ถามว่า มีความเป็นไปได้ไหม ก็อาจเป็นความเป็นไปได้ แต่จะร้อยเปอร์เซ็นต์ไหมเชื่อว่ายังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์
1
โฆษณา