6 มิ.ย. เวลา 15:54 • ปรัชญา

สวัสดีวันเสาร์ เฝ้าเดี่ยว อ่านพระคัมภีร์ ชีวีสุขสันต์

การเฝ้าเดี่ยว (Quiet Time) หมายถึงช่วงเวลาที่เราแยกตัวออกจากสิ่งรบกวนเพื่ออยู่ตามลำพังกับพระเจ้า เป็นเวลาแห่งการอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์ การใคร่ครวญ และการฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า ในพระธรรมมาระโก 1:35 กล่าวว่า "ครั้นเวลาเช้ามืด พระองค์ได้ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยว และทรงอธิษฐานที่นั่น" พระเยซูเองทรงให้ความสำคัญกับเวลานี้ เป็นแบบอย่างให้เราเห็นว่าการใช้เวลากับพระบิดาเป็นสิ่งจำเป็น การเฝ้าเดี่ยวควบคู่ไปกับการอ่านพระคัมภีร์เสมอ
ครั้นเวลาเช้ามืด พระองค์ได้ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยว
และทรงอธิษฐานที่นั่น
มาระโก 1:35
การเฝ้าเดี่ยวเป็นการจัดสรรเวลาอันมีค่าเพื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้าอย่างตั้งใจ เป็นช่วงเวลาที่เราถอนตัวออกจากความวุ่นวายของโลกภายนอก เพื่อที่จะฟังเสียงที่แสนอ่อนโยนของพระองค์ภายในจิตใจ เป็นเวลาที่เราเปิดใจอธิษฐาน สรรเสริญ ขอบคุณ และรอคอยการนำทางจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังที่พระเยซูเองทรงกระทำเป็นแบบอย่าง **"และเมื่อให้ประชาชนเหล่านั้นไปหมดแล้ว พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาโดยลำพังเพื่ออธิษฐาน เวลาก็ดึกลง พระองค์ยังทรงอยู่ที่นั่นแต่ผู้เดียว" (มัทธิว 14:23)**
และเมื่อให้ประชาชนเหล่านั้นไปหมดแล้ว พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาโดยลำพังเพื่ออธิษฐาน เวลาก็ดึกลง พระองค์ยังทรงอยู่ที่นั่นแต่ผู้เดียว
มัทธิว 14:23
เมื่อเราเฝ้าเดี่ยว อ่านพระคัมภีร์มากขึ้น ประสบการณ์ของเรากับพระเจ้าก็จะยิ่งทวีความหมายมากยิ่งขึ้น พระวจนะมีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ดังที่ฮีบรู 4:12 กล่าวว่า "เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย "
เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
ฮีบรู 4:12
พระคัมภีร์คือพระวจนะที่มีชีวิตของพระเจ้า เป็นจดหมายรักที่พระองค์ทรงมอบให้กับเรา เพื่อให้เราได้รู้จักพระลักษณะของพระองค์ แผนการไถ่บาปอันยิ่งใหญ่ และน้ำพระทัยของพระองค์สำหรับชีวิตของเรา **"พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์" (สดุดี 119:105)**
พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์
และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์
สดุดี 119:105
เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า
**"เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" (ยอห์น 3:16)
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ยอห์น 3:16
** พระเมตตาที่ไม่มีที่สิ้นสุด **"พระเจ้าทรงพระกรุณาและมีพระคุณ ทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง" (สดุดี 103:8)
พระเจ้าทรงพระกรุณาและมีพระคุณ ทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง
สดุดี 103:8
** พระคุณที่เพียงพอสำหรับทุกสถานการณ์ **"แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า <<การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น>> เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า" (2 โครินธ์ 12:9)
แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า <<การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น>> เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า
2 โครินธ์ 12:9
** และพระสัญญาอันมั่นคงที่พระองค์ทรงมีให้กับผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์ **"ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย" (มัทธิว 24:35)
ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย
มัทธิว 24:35
** ถ้อยคำเหล่านี้เป็นเหมือนอาหารฝ่ายวิญญาณที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเราให้เติบโตเข้มแข็ง เป็นเหมือนแสงสว่างที่นำทางเราในเส้นทางแห่งความเชื่อ และเป็นเหมือนน้ำที่ชโลมใจที่เหนื่อยล้าของเราให้สดชื่น
**"พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า <<เชิญมาเถิด>> และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า <<เชิญมาเถิด>> และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย" (วิวรณ์ 22:17)**
พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า <<เชิญมาเถิด>> และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า <<เชิญมาเถิด>> และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
วิวรณ์ 22:17
การเฝ้าเดี่ยวและการอ่านพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ในชีวิตของเรา
* **ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า:**
เมื่อเราใช้เวลากับพระองค์อย่างสม่ำเสมอ ความสนิทสนมและความเข้าใจในพระองค์จะเติบโตขึ้น เราจะรู้สึกถึงการทรงสถิตของพระองค์ในชีวิตประจำวัน และเรียนรู้ที่จะพึ่งพาพระองค์ในทุกสถานการณ์ **"ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด และคนสองใจ จงชำระใจของตนให้บริสุทธิ์" (ยากอบ 4:8)**
ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด และคนสองใจ จงชำระใจของตนให้บริสุทธิ์
ยากอบ 4:8
* **การเปลี่ยนแปลงภายใน:**
พระวจนะของพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เมื่อเราเปิดใจรับพระคำ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงทำงานภายในเรา ชำระล้างความคิดที่ไม่ถูกต้อง ปรับเปลี่ยนทัศนคติ และเสริมสร้างคุณธรรมของพระคริสต์ในชีวิตของเรา **"อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม" (โรม 12:2)**
อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม
โรม 12:2
* **การนำทางและสติปัญญา:**
พระคัมภีร์เป็นแหล่งแห่งสติปัญญาและคำแนะนำสำหรับทุกด้านของชีวิต เมื่อเราอ่านและใคร่ครวญพระคำ เราจะได้รับการนำทางในการตัดสินใจ เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า และดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้อง **"ความยำเกรงพระเจ้า เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และซึ่งรู้จักองค์บริสุทธิ์ เป็นความรอบรู้" (สุภาษิต 9:10)**
ความยำเกรงพระเจ้า เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และซึ่งรู้จักองค์บริสุทธิ์ เป็นความรอบรู้
สุภาษิต 9:10
* **สันติสุขและความชื่นชมยินดี:**
การอยู่ในที่สถิตของพระเจ้าและการรับเอาพระสัญญาของพระองค์ผ่านพระคัมภีร์จะนำมาซึ่งสันติสุขที่เกินความเข้าใจและความชื่นชมยินดีที่แท้จริง แม้ในท่ามกลางความยากลำบาก เราก็สามารถพบความหวังและกำลังใจในพระองค์ **"เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย" (ยอห์น 14:27)**
เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
ยอห์น 14:27
* **การเสริมสร้างความเชื่อ:**
การอ่านเรื่องราวของผู้เชื่อในอดีต การเห็นการทำงานของพระเจ้าในชีวิตของพวกเขา และการเข้าใจถึงความจริงของพระสัญญา จะเสริมสร้างความเชื่อของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น เราจะมั่นใจในความรักและความสัตย์ซื่อของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น **"ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์" (โรม 10:17)**
ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์
โรม 10:17
ดังนั้น ขอเชิญชวนพี่น้องคริสเตียนทุกท่าน ให้เริ่มต้นหรือเสริมสร้างนิสัยแห่งการเฝ้าเดี่ยวและการอ่านพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอ ให้ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นเหมือนการเติมพลังฝ่ายวิญญาณในแต่ละวัน ให้เราได้สัมผัสถึงพระพรและความชื่นชมยินดีที่แท้จริงในการมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าผู้ทรงรักเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ขอให้การเฝ้าเดี่ยวและการอ่านพระคัมภีร์นำพาชีวิตของเราไปสู่ความสุขสันต์ที่แท้จริงในพระคริสต์ อาเมน
สารบัญ Blockdit ChristianThai
สวัสดีวันจันทร์ เริ่มวันใหม่ให้พระคริสต์ทรงนำหน้า
สวัสดีวันอังคาร: ผ่านทุกทางด้วยความเชื่อ
สวัสดีวันพุธ สุดจะยุ่งมุ่งอธิษฐาน
สวัสดีวันพฤหัส บัญญัติใหม่ของพระองค์จงรักกันและกัน
สวัสดีวันศุกร์ แสนสุขสันต์ได้แบ่งปันกับพี่น้อง
สวัสดีวันเสาร์ เฝ้าเดี่ยว อ่านพระคัมภีร์ ชีวีสุขสันต์
สวัสดีวันอาทิตย์ เข็มทิศ คริสตชนคือองค์พระเยซูคริสต์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา