9 มิ.ย. เวลา 03:00 • สุขภาพ

โดนดักคอจนบั่นทอน: เมื่อคำพูดคนอื่น "สกัดดาวรุ่ง" จนเราไม่กล้าไปต่อ

เคยไหมครับ? กำลังใจมาเต็มเปี่ยม มีไอเดียเจ๋งๆ หรือแค่คิดอยากจะลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง จู่ๆ ก็มีใครบางคนโพล่งขึ้นมาพร้อมคำพูดที่เหมือนน้ำเย็นราดลงบนกองไฟ "ไม่น่าได้หรอก" "ทำไปก็เสียเวลาเปล่า" "ฉันว่าเธอไม่รอดหรอก" หรือหนักกว่านั้นคือ "ทำไมคิดอะไรไม่รู้จักคิด!"
คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำพูดธรรมดาๆ แต่มันคือ "คำดักคอ" ที่เหมือนกรงล่องหน คอยขังความคิดของเราไว้ไม่ให้โบยบิน แล้วค่อยๆ บั่นทอนกำลังใจและความมั่นใจลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย เราก็เลือกที่จะ "ไม่ทำ" ทั้งๆ ที่ในใจอยากทำจะแย่...
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจปรากฏการณ์ "การถูกดักคอจนบั่นทอน" ในมุมมองทางจิตวิทยา เพื่อให้เราเข้าใจว่าทำไมคำพูดเหล่านี้ถึงมีอิทธิพลกับใจเราได้มากขนาดนั้น และเราจะก้าวข้ามกับดักทางใจนี้ได้อย่างไร เพื่อให้เรากลับมาเป็นเจ้าของความฝันของตัวเองอีกครั้ง
Part 1: "คำดักคอ" มันคืออะไร? แล้วทำร้ายใจเรายังไง?
"คำดักคอ" ในบริบทนี้ไม่ใช่แค่การพูดขัดจังหวะ แต่มันคือการสื่อสารที่มุ่งเน้นไปที่การสกัดกั้นความคิด ความตั้งใจ หรือความมั่นใจของเราอย่างเป็นระบบ หรือแม้บางทีผู้พูดอาจไม่ได้ตั้งใจ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือการบั่นทอนกำลังใจอย่างรุนแรง
ในเชิงจิตวิทยา นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา:
  • Social Undermining (บั่นทอนกันทางสังคม): นี่คือหัวใจสำคัญของการถูกดักคอจนบั่นทอนครับ คนที่พูดดักคออาจกำลังใช้คำพูดที่ วิพากษ์วิจารณ์ บั่นทอนความพยายาม หรือลดทอนความมั่นใจ ของเราอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ หรือไม่คู่ควรกับความสำเร็จ
  • Conversational Dominance (ครอบงำบทสนทนา) พร้อมคำตัดสิน: เมื่ออีกฝ่ายพยายาม ควบคุมบทสนทนา ด้วยการชิงพูดก่อน หรือสรุปสิ่งที่เราจะทำ พร้อมแนบคำตัดสินหรือข้อวิจารณ์ที่ไม่ได้รับเชิญ ทำให้เรารู้สึกว่าความคิดเห็นของเราไม่มีคุณค่า
  • Reinforcement of Negative Self-Beliefs (ตอกย้ำความเชื่อแย่ๆ ในตัวเอง): ถ้าเราเองก็มีมุมที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง เมื่อเจอคำดักคอเหล่านี้บ่อยๆ มันจะยิ่งไป ตอกย้ำความเชื่อด้านลบเหล่านั้น ทำให้เรายิ่งฝังใจว่า "คงจะจริงอย่างที่เขาว่า เราทำไม่ได้หรอก"
  • Learned Helplessness (ยอมจำนน): เมื่อเราพยายามแสดงออกหรือลงมือทำซ้ำๆ แล้วโดนดักคอ โดนเบรก จนรู้สึกว่าไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายเราก็อาจเข้าสู่ภาวะ "ยอมจำนน" คือเลิกพยายาม เลิกคิดที่จะทำต่อ เพราะรู้สึกว่าควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว
ผลกระทบต่อใจที่ไม่ควรมองข้าม:
  • 1.
    ความมั่นใจในตัวเองจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดครับ เราจะเริ่มไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำ เพราะกลัวการถูกตัดสิน หรือการถูกปฏิเสธซ้ำๆ
  • 2.
    เมื่อโดนเบรกบ่อยๆ สมองของเราจะเริ่มสร้างเกราะป้องกัน ไม่กล้าคิดนอกกรอบ เพราะรู้ว่าสุดท้ายก็อาจจะโดน "ยิงตก" อยู่ดี
  • 3.
    หลายครั้งไอเดียที่ถูกดักคอ อาจเป็นโอกาสทองที่รอเราอยู่ แต่เรากลับเลือกที่จะไม่ก้าวต่อ เพราะแรงบั่นทอนจากคนรอบข้าง
  • 4.
    การสื่อสารที่ไม่สร้างสรรค์แบบนี้ ทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเริ่มอึดอัด และอาจทำให้เราเลือกที่จะถอยห่างจากคนเหล่านั้น
Part 2: ทำไมเขาถึง "ดักคอ" เรา? เข้าใจเพื่อก้าวข้าม
การทำความเข้าใจที่มาของพฤติกรรมการดักคอ อาจช่วยให้เรามองมันด้วยความเข้าใจมากขึ้น และไม่เก็บมาบั่นทอนตัวเอง
  • 1.
    บางทีคนที่ดักคออาจกลัวความล้มเหลว หรือไม่กล้าออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง จึงพยายามสกัดกั้นคนอื่นที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า
  • 2.
    การได้ "เบรก" คนอื่น ทำให้เขารู้สึกมีอำนาจและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
  • 3.
    บางคนอาจหวังดีจริงๆ อยากปกป้องเรา แต่ไม่รู้วิธีสื่อสารที่ดีพอ ทำให้คำพูดออกมาในลักษณะที่บั่นทอน
  • 4.
    เขาอาจเคยล้มเหลวในเรื่องคล้ายๆ กัน จึงฉายภาพความล้มเหลวนั้นมาที่เรา โดยไม่ได้คิดว่าเราอาจจะมีบริบทที่แตกต่าง
  • 5.
    คนเหล่านี้อาจไม่เข้าใจว่าคำพูดของตนเองส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความมั่นใจของผู้อื่นมากแค่ไหน
Part 3: ก้าวข้ามกับดักทางใจ เราจะทำยังไงให้ไม่โดนดักคอจนหยุดอยู่กับที่?
การปกป้องจิตใจและกลับมาเป็นเจ้าของความฝันของตัวเอง ต้องใช้ความเข้าใจในตัวเองและการวางกลยุทธ์ในการสื่อสาร
1. ตั้งสติและแยกแยะเจตนา
เมื่อโดนดักคอ ให้ลองหายใจลึกๆ และประเมินว่าคำพูดนั้นมาจากเจตนาใด หากเป็นความหวังดี (แต่ผิดวิธี) อาจพอรับฟัง แต่ถ้าเป็นเจตนาบั่นทอน ให้เตรียมใจที่จะปกป้องตัวเอง
2. ให้คุณค่ากับ "เสียงภายใน" ของตัวเอง
คำพูดของคนอื่นเป็นแค่ "ความคิดเห็น" หนึ่ง อย่าให้มันมาบงการความเชื่อมั่นในตัวเอง จงเชื่อมั่นในความสามารถและความรู้สึกของตัวเองเป็นอันดับแรก
3. สร้างเกราะป้องกันทางใจ
ฝึกคิดว่า "นี่คือความคิดเห็นของเขา ไม่ใช่ความจริงเกี่ยวกับฉัน" หรือ "เขาพูดจากประสบการณ์ของเขา ไม่ใช่ประสบการณ์ของฉัน"
4. สื่อสารอย่างมีขอบเขตและหนักแน่น
- ทวงคืนพื้นที่การพูด เช่น "ขอโทษนะครับ ผมขอพูดให้จบก่อนได้ไหมครับ?" หรือ "เดี๋ยวขอผมอธิบายรายละเอียดอีกนิดนะครับ" (พูดด้วยน้ำเสียงสงบแต่หนักแน่น)
- รับฟังแต่ไม่คล้อยตาม เช่น "ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น/ความห่วงใยนะครับ แต่ ผมคิดว่าอยากจะลองทำในแนวทางนี้ดูครับ"
- เปลี่ยนโฟกัส เช่น "ผมเข้าใจสิ่งที่คุณกังวลนะครับ แต่ ตอนนี้ผมอยากจะขอโอกาสได้ลองทำในส่วนนี้ดูก่อนครับ"
5. มองหา "Safe Zone"
หากิจกรรม หรืองานอดิเรกที่ให้คุณได้แสดงออกได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวการตัดสิน หรือมองหาคนที่พร้อมจะรับฟังและสนับสนุนคุณจริงๆ คนเหล่านี้คือ "พลังบวก" ที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจ
6. จำกัดการปฏิสัมพันธ์
หากการโดนดักคอบั่นทอนชีวิตคุณอย่างรุนแรง และไม่สามารถหลีกเลี่ยงคนๆ นั้นได้ทั้งหมด การจำกัดระยะเวลาการพูดคุย หรือรักษาระยะห่างในบางสถานการณ์ ก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องสุขภาพจิตของเรา
7. เรียนรู้จากความกลัว (Fear as a compass)
บางทีคำดักคออาจชี้ให้เห็นถึงความกลัวที่อยู่ในใจเราเอง ลองหันมาเผชิญหน้ากับความกลัวนั้น และมองหาทางออกแทนที่จะยอมแพ้
อย่าให้ใครมา "ขีดเส้น" ชีวิตคุณ!
what the this?
การถูกดักคอจนบั่นทอน เป็นเรื่องจริงที่หลายคนเจอและทำให้เราหยุดชะงักไปจากสิ่งที่อยากทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องตระหนักว่า คุณค่าในตัวเรา และศักยภาพของเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของใคร
จงเป็นเจ้าของความคิด เป็นเจ้าของความฝัน และเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง ฝึกปกป้องจิตใจ ยืนยันในพื้นที่ของตัวเอง และเลือกรับฟังเฉพาะคำพูดที่สร้างสรรค์และทำให้เราเติบโต
คุณมีพลังที่จะก้าวไปข้างหน้าเสมอ อย่าให้คำดักคอของใคร มาสกัดกั้นไม่ให้คุณได้โบยบินไปสู่ความฝันของคุณนะครับ!
โฆษณา