Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เขียนไว้ให้เธอ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 13:13 • ความคิดเห็น
BOYdPOD
พี่เก้ง จิระ มะลิกุล ตำนานวงการหนังไทยเคยเล่าให้ฟังถึงทฤษฏีส่วนตัวของพี่เก้งเองว่า หนังดีๆ นั้นทำงานได้สามระดับแรกคือดูรู้เรื่อง เข้าใจ ระดับที่สองคือรู้สึก จับใจ สงสาร เอาใจช่วย
และถ้ารู้สึกมากๆ ก็จะไประดับสาม ก็จะยึดเป็นสรณะได้..
เมื่อวานผมได้มีโอกาสเจอและได้ฟังพี่บอย โกสิยพงษ์ และพี่ป๊อด โมเดิร์นดอก หรือ BOYdPOD ควงคู่กันมาเป็นวิทยากรให้ที่ HOW Club
ตลอดงานสองชั่วโมงนั้นอาจจะเหมือนดูหนังดีๆซักเรื่องเลยเพราะพี่บอย พี่ป๊อด จัดเต็มมาก เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ความทรงจำ และบทเพลงเพราะๆอย่างเป็นกันเอง
แน่นอนว่าความรู้สึกนั้นท่วมท้นอยู่แล้วจากเสียงเพลงและเรื่องราว แต่ session เมื่อวานนั้นมากกว่าแค่จับใจ แต่มีบางสิ่งที่ทำให้ผมต้องทบทวนตัวเองและอยากยึดความรู้สึกที่ได้รับจากทั้งคู่เป็นสรณะให้ได้
ความรู้สึกนั้นไม่ใช่เกี่ยวกับบทเพลง แต่เป็นการกระทำของทั้งคู่มากกว่า…
ขอบคุณก่อน
เห็นหน้าพี่บอยอยู่ไกลๆ ผมกะเดินเข้าไปขอบคุณที่พี่บอยเสียสละเวลามาเล่าและเตรียมเพลงมาเล่นให้คนกลุ่มเล็กๆฟัง ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก พี่บอยพูดก่อนเลยว่าขอบคุณมากที่ให้โอกาสมาในวันนี้ ผมแทบจะขอบคุณกลับไม่ทัน
กริยาอันเป็นความถ่อมตนนั้น พอฟังพี่บอยเล่าหลังต่อมาก็จะรู้ได้ว่าพี่บอยคิดและรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะแม้แต่เพลงที่พี่บอยแต่ง พี่บอยด์ก็ยังบอกว่าไม่ค่อยโอเคทุกครั้งที่มีคนชมว่าเพลงเพราะ พี่บอยบอกว่าจริงๆแล้วเป็นของขวัญจากพระเจ้า (พี่บอยด์นับถือศาสนาคริสต์)
พี่บอยทำหน้าที่แค่เป็นตัวกลางในการส่งบทเพลง เป็นทางผ่านของบางอย่างที่ใหญ่กว่าตัวเขาเท่านั้นเอง
แววตาของพี่บอยหมายความแบบนั้นจริงๆ
แค่คำขอบคุณก่อนของพี่บอย ก็ทำให้ผมรู้สึกต้องทบทวนตัวเองเวลาไปบรรยายที่ไหน ว่าไม่ใช่เรา “ไปให้” เขา แต่ควรจะขอบคุณเขามากกว่าที่ให้เกียรติเชิญเราไป และความรู้สึก “ตัวเล็ก” ก็ยิ่งทำให้พี่บอยไม่มีอีโก้ มีแต่ความอยากสร้างงานดีๆออกมาต่อเนื่อง
เป็นวิธีคิดที่อ่อนโยนมากๆที่ต้องนำไปใช้อย่างแน่นอน
ทำบ่อยๆ แล้วก็จะทำได้ดีเอง
พี่ป๊อดเฉลยความลับของพี่บอยว่า พี่บอยแต่งเพลงไว้เยอะมาก ที่ได้ยินได้ฟังนั้นเป็นแค่ส่วนน้อย หลายเพลงที่เพิ่งเอามาให้ฟังนั้น พี่บอยแต่งไว้จนลืมไปแล้ว พี่ป๊อดต้องไปขุดมาจากกรุ รวมถึงเพลง I’am OK//Not OK ที่กำลังดังเปรี้ยงปร้างเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์อยู่ตอนนี้ดวย
พี่บอยคุยถึงการแต่งเพลงเยอะๆจนเป็นเรื่องปกติ แต่งได้ทุกโอกาส อยากแต่งเมื่อไหร่ก็แต่งได้ (พี่บอยด์แต่งสดให้ดูบนเวทีด้วย)
โดยพี่บอยบอกว่า เมื่อมีความรักในสิ่งนั้น เราก็ทำมันบ่อย เมื่อเราทำบ่อย เราก็เลยทำได้ดี แล้วพอทำได้ดี เราก็ทำบ่อยๆ เราก็ยิ่งรักมัน..
เหมือนกับมาเตือนความทรงจำสำหรับผมในการเขียนหนังสือ คล้ายกับที่ใครหลายคนเคยพูดไว้ว่า งานดีๆนั้นต้องทำเยอะๆไว้ก่อน พอมีปริมาณมากก็จะมีโอกาสที่มีงานดีๆมากขึ้น และพอเรารักงานที่ทำบ่อยๆแล้ว มันก็จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรานั่นเอง
ความสุขของการเป็น “ผู้ให้”
ทั้งคู่มาขึ้นเวทีในงานที่เล็กมากในฐานะวิทยากร ไม่ใช่นักร้องด้วยซ้ำ แค่มาพูดมาคุยเฉยๆทั้งห้องก็ดีใจมากอยู่แล้ว แต่ทั้งคู่กลับทำในสิ่งที่ทุกคนไม่ได้คาดคิด ทั้งร้องเพลงสดๆหลายเพลงจนเหมือนมินิคอนเสิร์ท ทั้งแอบเอางานแบบ exclusive มาโชว์ ทั้งเล่นสนุกด้วยการแต่งเพลงต่อหน้า เตรียมนักดนตรีมาเอง เอาเพลงที่ไม่เคยร้องที่ไหนมาร้องให้ฟัง ใส่กันแบบสุดๆ ไม่มีกั๊ก
ทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษมากๆ ในคืนที่ผ่านมา
ผมมั่นใจว่าทุกคนในห้องจะรู้สึกเหมือนผม ไม่ใช่แค่ประทับใจในเสียงเพลงแต่ซึ้งใจในความตั้งใจ และจัดเต็มในงานที่ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ทั้งคู่ทำเกินไปเยอะจนรู้สึกถึงความปรารถนาดีที่อยากให้คนในห้องมีความสุข ไม่ได้อีโก้ ไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากให้ความสำคัญกับคนตรงหน้า
เห็นพี่บอยพี่ป๊อดจัดเต็มแบบนี้ทำให้รู้สึกอีกว่า ที่ผ่านมาเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ต่อไปไปบรรยายที่ไหนก็ต้องใส่ให้สุดเหมือนพี่เขา ทำเกินให้มากๆเข้าไว้ อยากให้คนจำได้แบบนี้บ้าง
เมตตาของพี่ป๊อด
ก่อนมางาน ตอนเช้าผมเห็นฟีดใน FB ว่ามีงานหลักสูตรสัมมนาเล็กๆที่มี อู๋ winkwink เพื่อนพี่ป๊อดไปเรียนแล้วต้องพรีเซนต์งาน อู๋ขอให้พี่ป๊อดมาเซอร์ไพรส์ร้องเพลงหนึ่งเพลงเป็นแขกรับเชิญ พี่ป๊อดก็ไปให้ น่าจะเสียเวลาไปครึ่งวันแล้วไปเล่นไปร้องให้ฟรีๆ แน่นอนว่าทั้งห้องเป็นปลื้มกันมากๆ
แต่ที่น่าชื่นชมกว่านั้นก็คือความมีน้ำใจของพี่ป๊อด และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องราวแบบนั้น… ผมได้เจอกับตัวเองก็หลายครั้ง
ไม่นานมานี้ ในคอนเสริ์ท Wednesday Song ผมเองก็ได้เห็นกับตาในช่วงที่พี่ป๊อดมาเล่นมินิคอนเสิร์ต พี่ป๊อดเดินลงจากเวทีไปถามเด็กชายคนหนึ่งในวันประมาณสิบขวบว่าอยากฟังเพลงอะไร
เด็กคนนั้นตอบว่าเพลงลมหายใจ พี่ป๊อดก็ถามด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงรู้จัก เด็กก็บอกว่าหัดตีกลองเพลงนี้อยู่
พี่ป๊อดก็เลยชวนน้องคนนั้นขึ้นเวทีไปตีกลอง น้องเขาตื่นเต้นมาก ไม่กล้าไปนั่งที่ตำแหน่งกลอง แต่พี่ป๊อดก็ค่อยๆประคับประคอง ให้กำลังใจ ให้ลองตีเล่นนิดหน่อย แล้วเริ่มให้ตีกลองเพลงลมหายใจและพี่ป๊อดก็ร้องประคองจนน้องเริ่มมั่นใจ ค่อยๆเล่นดีขึ้นเรื่อยๆจนจบเพลง ตอนจบน้องคือฮึกเหิมมาก ได้เล่นกลองให้พี่ป๊อดร้อง
น่าจะเหมือนกับฝันที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้
เชื่อเลยว่าน้องเขาจะกลับไปพร้อมความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม คงตั้งใจซ้อมอย่างหนักจนกลายเป็นมือกลองที่เก่งมากๆ ในอนาคตแน่ และจะจำโมเม้นท์นั้นได้ไปตลอดชีวิต
อากัปกริยาของความเมตตาของพี่ป๊อดที่มีต่อน้องคนนั้น ผมจำโมเม้นท์นั้นได้ฝังใจเช่นกัน และถ้ามีโอกาสก็อยากจะสร้างโมเม้นท์แบบนั้นให้กับคนอื่นต่อไป โดยมีพี่ป๊อดเป็นตัวอย่างว่า “เมตตา” นั้นเป็นอย่างไร
สองคนนี้พิสูจน์ทฤษฏี giver ของอดัม แกรนท์ได้ด้วยตัวอย่างจริง ได้เห็นจริงๆด้วยตัวเองเมื่อวาน ทฤษฏีที่ว่า ถ้า giver หรือผู้ให้นั้นอยู่ด้วยกันแล้ว ก็จะทำอะไรที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น สนับสนุนซึ่งกันและกันและพาความเจริญรุ่งเรืองมาให้ทั้งคู่ได้อย่างทวีคูณ
เป็นโชคดีของวงการดนตรีบ้านเราที่สองคนนี้ได้มาเจอ และมาทำงานด้วยกัน เป็น giver สองคน จาก Boyd และ Pod จนกลายเป็นตำนาน BOYdPOD ของพวกเรา และค่ำคืนที่ผ่านมาก็ได้ส่งต่อความเป็น giver ให้กับผู้ฟัง และเป็นเครื่องเตือนใจที่วิเศษมากๆสำหรับผมโดยส่วนตัวเช่นกัน…
“ ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รับโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ
ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รับโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร “
4 บันทึก
17
3
4
17
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย