เมื่อวาน เวลา 00:17 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ปี 68 เลือกลดหย่อนภาษีด้วยอะไรดี??🤔🔍

ภาษีเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ ควรรูจักเรื่องภาษีและการวางแผนภาษี จะได้ไม่จ่ายภาษีมากเกินจำเป็น
การวางแผนภาษี คือ การนำสิทธิลดหย่อนต่างๆ ที่กฎหมายกำหนดไว้ มาใช้ เพื่อลดภาษีที่ต้องเสียอย่างถูกกฎหมาย
2
การวางแผนภาษี เริ่มจาก
- คิดภาษีของตัวเองได้ว่า เสียภาษีเท่าไหร่
- ศึกษาเงื่อนไขของค่าลดหย่อนต่างๆ ที่จะนำมาใช้
3
- เป้าหมาย แผนการเงิน และสภาพคล่องของเรา เช่น ถ้าเราเสียภาษีในฐาน 10% เราลงทุน RMF เพื่อการเก็บเงินเพื่อการเกษียณ 30,000 บ. เราจะประหยัดภาษีได้ 3,000 บ. และเงินเราต้องอยู่ในนั้นจนอายุ 55ปี และลงทุนมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี และต้องลงทุนทุกปี ขาดได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน ตามเงื่อนไขของ RMF เราก็ควรพิจารณาว่า เงินที่เราใส่เข้าไปใน SSF สามารถทำตามเงื่อนไขได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ และอาจวางแผนทยอย DCA หรือจะลงทุนปลายปี
สิทธิลดหย่อนต่างๆ สามารถนำมาใช้ เพื่อวางแผนการเงินได้
เป้าหมายหลักประกันสุขภาพ
- ประกันสังคม ลดหย่อนได้ตามจริง ตามที่เราถูกหักเงินสะสมเข้าประกันสังคมในปีนั้น สูงสุดไม่เกิน 9,000 บ.
- ประกันสุขภาพตนเอง ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายเบี้ยจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บ. และเมื่อเรากับประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บ.
1
เป้าหมายเพื่อการคุ้มครองชีวิต
- ประกันชีวิต ที่มีความคุ้มครองอย่างน้อย 10 ปี เบี้ยประกันชีวิตของตัวเอง จากทุกกรมธรรม์มาใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บ.
ซึ่งประกันชีวิตทั่วไป จะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ แบบตลอดชีพ แบบชั่วระยะเวลา แบบสะสมทรัพย์ และแบบควบการลงทุน
1
เป้าหมายเพื่อการออมระยะยาว
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่มีความคุ้มครองอย่างน้อย 10 ปี ทุนประกันคุ้มครองชีวิตไม่ได้สูง ควรมองเป็นการออมระยะยาว ที่ได้ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน IRR 2-3% ต่อปี
- TESG ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้และไม่เกิน 300,000 บ. เพดานนี้แยกต่างหาก ถืออย่างน้อย 5 ปี ในการลดหย่อนภาษีในปี 67-69 TESG ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ในประเทศ ตามเกณฑ์ ESG, CG rating อย่างน้อย 3 ดาวขึ้นไป
- TESGX เป็นกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ภายในประเทศเท่านั้นตามแนวคิด ESG อย่างน้อย 80% ของ NAV โดยต้องเป็นหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV โดยแบ่งวงเงินในการลดหย่อนภาษีออกเป็น 2 ส่วนหลัก
ส่วนที่ 1 การลงทุนใหม่ ใช้เงินซื้อเข้าไปใหม่
- ลดหย่อนได้ ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุด 300,000 บาท และต้องถือครอง ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแบบวันชนวัน
- ต้องซื้อในช่วง 1 พ.ค.- 30 มิ.ย. 68 เท่านั้น
ส่วนที่ 2 จะเป็นการย้ายจาก LTF เดิม ต้องเป็นการโอนย้าย LTF เดิม (Pay in kind ต้องไม่มีการขายออกมาก่อน) และต้องย้ายเข้า Thai ESGX จาก LTF ที่มีอยู่ในทุกกอง ทุก บลจ. ที่มีอยู่ในมือ และจะต้องไม่ขายหลัง 11 มี.ค. 68 (วันที่ ครม. มีมติอนุมัติเรื่อง Thai ESGX) เพื่อรอย้ายเข้า Thai ESGX มาช่วง 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. 68
1
เป้าหมายเพื่อการเกษียณ
- PVD กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บ.
- กบข. เป็นสวัสดิการของข้าราชการ ส่วนกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน สำหรับครูเอกชน ลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บ.
1
- กอช.สำหรับผู้ที่ทำงานอิสระ ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บ.ต่อปี
1
- RMF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บ. มีให้เลือกหลากหลายสินทรัพย์ลงทุน ต้องลงทุนทุกปี ขาดได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน
- ประกันบำนาญ ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 200,000 บ. ถ้ายังใช้สิทธิลดหย่อนประกันชีวิตไม่ครบ 100,000 บ. สามารถใช้ประกันบำนาญเพิ่มนส่วนนั้นได้
และ ประกันบำนาญ + กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)/ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(PVD)/ กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน/ กอช. + RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บ. ด้วยนะ
#ภาษี #วางแผนภาษี #มนุษย์เงินเดือน #คิดภาษี #หมอยุ่งอยากมีเวลา #กองทุนรวม
1
โฆษณา