9 มิ.ย. เวลา 01:56 • ปรัชญา
ธรรมโลกุตระ ที่มีพระท่านอธิบายให้ฟัง .ที่มีเรื่องราวของสีต่างๆที่เกิดขึ้น ..เป็นไปตามวาระของจิต. เป็นเรื่องราวที่บางที่ก็ใช้คำว่า ดอกบัวห้าดอก ..ภาพ แสง สี เสียง เหตุผล .
ธรรมโลกุตระ ..เป็นธรรมเก่าย้อนมาเก็บตก ผู้ที่ยังไปไม่ได้สมัยกี่งพุทธกาล เป็นธรรมสัญญา ใครไม่มีสัญญา รับไม่ได้ ใครมีสัญญาเก่า ศึกษาทำตาม ถอดมงกุฎ ถอดชฎา ใตรลดละอารมณ์ได้ หลุดพ้นได้
ธรรมโลกุตระ เป็นธรรมที่เรากำลังฝีก หัด และ ศึกษา. ถ้าทำได้จะเป็น ปรมัตถ์ คือ รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง ด้วยปัญญา ไม่ใช่รู้ด้วยการ อ่าน ท่องจำ จากคำภีร์ ตำรา
..เรื่องราวของธรรมโลกุตระ ..นั้นเป็นเรื่องราวของจิตของพระ จิตที่เข้าถึงธรรม มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประธานธรรม ที่ท่านหลุดพ้นไปแล้ว ช่วยหนุนนำ ชี้ทาง ให้ฝึกหัด สร้าง สะสม บุญกุศลบารมี หนีเวรกรรม คัดเอ้าท์กรรม ออกไปจากจิต .
โลกุตระธรรม คือ ธรรมที่พ้นโลกไปแล้ว หรือ คือ ผู้ที่ปฏิบัติธรรม แจ่มแจ้งทั้งทางโลก และ ทางธรรม ก็คือ หลุดพ้น นั่นเอง (โลกุ = โลก, กุตระ = ธรรม)
สีที่เห็นจากการปฏิบัติธรรม
แสงสีที่เกิดขึ้นตามวาระของจิตที่ปฏิบัติธรรม
หมวดธรรม สีของบุญบารมี
สีขาวใส. เรื่องราวของศาสนา เรื่องราวการสะสางจิตให้สะอาดบริสุทธิ์
สีเหลือง อนันธจักร แสงธรรม รู้จักเรื่องราวศาสนา
คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สีแดง. สติ การคลี่คลาย เหตุผล จะเริ่มรู้เรื่องราวต่างๆ
สีเขียว. สีของปัญญา บารมี ความบริสุทธิ์
สีน้ำเงิน. เรื่องของบุญกุศล
หมวดกรรม. สีกรรม โลภ โกรธ หลง
สีดำ เป็นกรรมที่ได้รับ กรรมหนัก โทสะ โกรธ
สีฟ้า สีชี้กรรม เรี่องราวที่ทำกรรมอะไรมา
สีกรมท่า. สีแสดงกรรม สีขี้ข้าบักครอก พวกลักขโมย ปล้นฆ่า ผิดศีลธรรม
สีม่วง. บ่วงของกรรม คล้องเวรกรรม เช่น อารมณ์ความนึกคิดที่เรานึกอยากได้ อยากให้อย่างนั้นอย่างนี้ หรือ สิ่งที่พาไปยึด เช่น ลูก สามี ภรรยา ทรัพย์สมบัติ ที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต
สีน้ำตาล. กรรมกำลังเผาใ้ห้ทุกข์ ทรมาน
สีส้ม. สีนี้แสบร้อน ด้วยฤทธิ์เวทมนต์ คาถา อาคม เดรัจฉานวิชชา
เมื่อปฏิบัติธรรมโลกุตระ บางครั้ง ก็จะปรากฏ สีหรือแสง ขึ้นมาในจิต ชึ่งจะปรากฏไปตามวาระของจิตที่ตนกำลังประสบอยู่หรือผจญเหตุอยู่ ซึ่งในชีวิตของเรา เรามีแต่สีกรรมสีมายาของโลก ด้วยชีวิตของเราตกอยู่ในห่วงอบายคือโลภโกรธหลง จึงต้องอาศัยการสร้างบุญกุศลบารมี การปฏิบัติเพื่อมาละลายสีของกรรมสีมายาของโลก ให้ละลายออกไปจากธาตุทั้งสี่ที่จิตอาศัยอยู่
เมื่อปฏิบัติธรรม มีสีของธรรม มาหนุนนำ ก็จะปฏิบัติธรรมด้วยความสะดวกสบาย ปลอดโปร่ง โล่งเบา จิตเป็นสมาธิ สามารถคลี่คลายเรื่องราวต่างๆได้
หากเป็นสีของโลกมายา ก็ให้รู้ว่า ยังยึดติดอยู่ในโลกมายาทั้งหลาย ไปไม่ได้
ถ้าหากเป็นสีของกรรม ก็แสดงว่าทำกรรมไว้มาก ตามระดับความเข้มของสี เตรียมรับวิบาก ให้เจ็บ ให้ปวด หรือสูญเสีย ทรัพย์สิน สิ่งที่รัก
เมื่อมีสีเกิดขึ้นต้องพิจารณาให้ดี ว่าเป็นอะไร สีของธรรมหรือสีกรรม พร้อมทั่งสังเกตุวาระของจิตกับกาย กายกับอารมณ์ สีของธรรมจะเกิดได้ต่อเมื่อทำกายนิ่งจิตนิ่งได้ เรื่องของสีนี้เป็นการยากที่จะทำได้ถึง
เมื่อมีสีของกรรมอยู่ ก็ต้องรับวิบากชดใช้กรรม ตั้งหน้าปฏืบัติธรรม หนีกรรม ด้วยการปฏิบัติธรรม ยืนสมาธิ เดินสมาธิ นั่งสมาธิ ไสยาสน์สมาธิ เพื่อให้เกิดเป็นบารมีหนีกรรม นำ้หนักชองกรรมก็เบาลง สีของกรรมจางลง ที่เบาก็จะหาย เป็นอโหสิกรรม หรือ จะอธิฐาน ขอสีบุญบารมี ที่เคยปรากฎในจิตของเราคลี่คลายสีกรรม ให้บรรเทา เบาบางด้วยการปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศลช่วยเหลือจิตของตน
สิ่งน่ากลัว ๕ อย่างของมนุษย์ ที่ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นได้
ธรรมโลกมายา คือ การหลงโลก ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขของโลก สุขทุกข์ของอารมณ์ ความเป็นอยู่ในโลก ติดในโลกธรรม
ธรรมกลมายา เป็นเรื่องชองการปรุงแต่ง ให้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า หรือ ปัจจุบัน (จริง, จริง +ไม่จริง, ไม่จริง.) เป็นเรี่องของศาสตร์ รวมที้งการหลอกหลวงลวงทุกอย่าง, ทั้งคน, ทั้งเทพ, ทั้งมาร, ให้เราหลงทั้ง ๓ โลกจ้กรวาล มารเขาทำได้หมด
ธรรมมายาของศาสตร์. เป็นเรื่องความรักโดยเฉพาะ ไม่เลือกอายุ ทั้งพระ ชี โยม ชาย หญิง ทั้งรัก ทั้งหลง สารพัดมายาไม่ได้ ถึงกับฆ่าตัวตาย (ถูกปรุงแต่งจากข้างบน นางตัณหา นางราคะ, นางอรดี)
ธรรมวิปริต จะเห็นคนอื่น มาทำไม่ดีกับเรา ทีแรกคิดไปเอง ต่อไปบ่อยๆ เข้า ก็เห็นเขาว่าเขาด่า ขั้นสุดท้าย จะเห็นเขามาแสดงกิริยามารยาทไม่ดี ให้เห็นจริงๆ เห็นว่าเขามาด่า มาว่าเราตาแจ้งๆ (เกิดขึ้นที่ตัวเรา เพราะเราโง่ รู้ไม่เท่าทันอารมณ์) ส่วนใหญ่จะเกิดจากคนใกล้ชิดสนิทกันก่อน เช่น สามี-ภรรยา และ บุตร ญาติมิตร เพื่อนฝูงที่สนิทกัน ถ้ากำหนดรู้ว่าเกิดธรรมวิปริตขึ้นแล้ว รู้เท่าทันไมกี่วันก็หาย ถ้ารู้ไม่ทัน หลงไม่ยอมรับว่าตัวเองเกิดธรรมวิปริตก็จะโกรธกันไปเลย
ธรรมวิปลาส. ครึ่งบ้าครึ่งดี, ทำอะไร แปลกๆ เช่น แสดงออกทางการแต่งกาย หรือ การกระทำที่ผิดปกติ เช่น หากินเสษขยะตามริมทาง นุ่งผ้าบ้าง ไม่นุ่งผ้าบ้าง, ร้องไห้, หัวเราะ,ชายแต่งเป็นหญิง, หญิงแต่งเป็นชาย, เจาะลื้น, เจาะจมูก, ชายใส่ต่างหู เป็นต้น
ธรรมทั้งหลายนี้เกิดขึ้นที่ตัวเราทั้งหมด. ถ้ารู้ไม่เท่าทันอารมณ์ ก็ตกเป็นเหยื่อกรรม เหยื่อของธรรม ๕ ประการนี้ ต้องทำจิตให้เหนืออารมณ์ให้ได้ ไม่เช่นนั้นหลงทุกราย ต้องมีสติ กำหนดรู้ ทำจิตให้นิ่ง เรียกชื่อของธรรม ๕ ประการที่เกิดขึ้น เป็นอาการอะไร หรือตัวอะไร เอาเหตุผลมาดู แล้วมากำหนด ลดละที่ใจ เรียกบ่อยๆ มันก็หนีไปเอง เพราะเรารู้จักตัวมันแล้ว
ธรรมทั้งหมดนี้ ต้องฝึกหัดและศึกษาให้เข้าใจเสียก่อน มีสติรู้ตัวตลอดเวลาอยู่ในองค์มัชฌิมา (รู้จักจิตไม่มีอารมณ์ ) อะไรเกิดขึ้น ดึงสติมาอยู่ลมหายใจเข้าออก แล้วเรียกชื่อ
อาการให้ถูก ลดละอารมณ์ ไม่คล้องเวรกรรมกับคนอื่น
ถ้าใช้อารมณ์ ๑ ครั้ง ค่าของความเป็นคนก็จะหมดไปทีละ ๑ เช่น ถ้าเราทำจิตลดละอารมณ์ ตัดเวรตัดกรรมได้ ๑ วา แต่เมื่อใช้อารมณ์ ก็จะถอยหลังไป ๕ วา เหมือนกับ ก้าวเดิน ๑ ก้าว ถอยหลังไป ๕ ก้าว และจิตก็จะสะสมกรรมเป็นสีดำ มุ่งสู่ สัตว์นรก เปรต อสูรกาย และ เดรัจฉาน ตามกรรมที่สะสมไว้ หากลดละอารมณ์ได้ จิตก็จะสว่าง จนหลุดพ้น
หมายเหตุ ..เรื่องราวของสีแสง จะเกิดขึ้นได้ ก็ฝึกหัดรอยทั้งสี่ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านทำกายนิ่ง จิตนิจ ..พระอัครสาวก ท่านก็ทำตาม กายนิ่ง จิตนิ่ง ..เมื่อกายนิ่ง จิตนิ่ง ..ไม่มีอารมณ์ ก็จะมีแสงธรรม ส่องลงมาที่จิต เกิดขึ้นที่จิต
..แสงธรรมที่เกิดขึ้นที่จิต ..ช่วยให้จิต..เห็นวาระของสี ..ที่เกิดขึ้น ที่ธาตุทั้งสี่ ..บางที่ก็ไปส่องอณูเม็ดทรายต่างๆ ว่า ..มันมีอะไร ..เก็บสะสมกรรมอดีตที่เคยสะสมมา ..แล้วก็ละลายสีนั้นออกไป .แต่นั้นเป็นเรื่องราวของจิต ..ที่ท่านเข้าป่า ไปชำระสะสาง .ธาตุทั้งสี่ ให้หมดจด
โฆษณา