9 มิ.ย. เวลา 18:41 • ไอที & แก็ดเจ็ต

สรุปไฮไลต์งาน Apple WWDC 2025 เปิดตัว “iOS 26” พร้อมปรับดิไซน์ครั้งใหญ่ “Liquid Glass” ในรอบ 10 ปี

-ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา Apple ได้เปิดอิเวนต์ Worldwide Developer Conference หรือ WWDC 2025 งานที่เหล่านักพัฒนาจากทั่วโลก ต่างจับตามอง
ภายในงานนี้จะไม่มี “การเปิดตัวสินค้าใหม่”
แต่จะเป็นการเปิดตัวฟีเชอร์ใหม่เกี่ยวกับระบบ อย่างเช่น iOS, iPadOS, macOS เพียงเท่านั้น
ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ Apple ได้ปรับเปลี่ยนดิไซน์ UI บนระบบปฏิบัติการครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น iOS, iPadOS, macOS และ tvOS
รวมถึงยังมีการโชว์ฟีเชอร์ หรือ ความสามารถใหม่ ๆ
แล้วรายละเอียดที่น่าสนใจจากงาน WWDC 2025 มีอะไรบ้าง ? MarketThink สรุปมาให้ในโพสต์นี้
1. Apple Intelligence
Siri ได้รับอัปเกรดให้มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น รองรับภาษาหลากหลายขึ้น
1
ล่าสุด ยังจะมีการอัปเดตขนาดใหญ่ คือใช้งาน Foundation Model Framework ที่ทำให้เราสามารถใช้งาน AI ได้ แม้ออฟไลน์
2. ระบบปฏิบัติการ OS มีการปรับดิไซน์ใหม่ทั้งหมด ภายใต้คอนเซปต์ Liquid Glass
1
โดยสังเกตง่าย ๆ UI เช่น ปุ่มต่าง ๆ หรือหน้าตาของแอปพลิเคชันต่าง ๆ จะมีการใช้ขอบมนมากขึ้น แสงมิติมากขึ้น และมีลักษณะโปร่งใส เหมือนมองผ่านแก้ว Liquid Glass ทำให้การใช้งาน มีความรู้สึกลื่นไหลมากขึ้น
ซึ่งการปรับดิไซน์ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการปรับดิไซน์ระบบปฏิบัติการ OS ทั้งหมดครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี หลังการปรับดิไซน์ครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้คือ iOS 7
3. iOS 26
ที่พิเศษสำหรับปีนี้คือ ระบบปฏิบัติการ OS ไม่ว่าจะเป็น iOS, watchOS, tvOS, macOS, visionOS และ iPadOS จะอัปเกรดมาเป็น “26”
ซึ่งตัวเลข 26 ก็มาจาก ปีค.ศ. ของปีนี้ คือ 2026 นั่นเอง
ดังนั้น iOS ใหม่ในปีนี้ก็คือ “iOS 26” ที่ก้าวข้ามมาจากของเดิมอย่าง iOS 18
ส่วนรายละเอียดของ iOS 26 ที่จะมีการอัปเกรด ได้แก่
- สามารถเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอล็อกได้มากขึ้น มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น เช่น รูปแบบของนาฬิกา และปรับรูปภาพสามมิติ
- ดิไซน์กล้องใหม่ ใช้งานง่ายขึ้น เห็นรูปภาพที่ถ่ายมากขึ้น ไม่มีปุ่มตั้งค่าให้รกจอ
1
- แอปพลิเคชันรูปภาพ ใช้งานง่ายขึ้น
- Safari แถบเครื่องมือโปร่งใส และเล็กลง ทำให้สามารถใช้งานดูเว็บไซต์ได้ลื่นไหลกว่าเดิม
- Facetime ไม่มีปุ่มอะไรเลย
- Phone เปลี่ยนดิไซน์ใหม่ทั้งหมด สามารถกดปุ่มโทรได้ง่ายขึ้น รายการโปรดจะมาอยู่ในหน้าแรก สามารถเลือกได้ทันที
1
นอกจากนี้ ยังมีฟีเชอร์ Call Screening จะแจ้งเตือนเบา เมื่อสายที่โทรมาไม่คุ้น และ Hold Assist เข้ามาช่วยระหว่างรอการตอบกลับ
1
- Message ดิไซน์ใหม่ พื้นหลังเต็มพื้นที่ สามารถสร้าง Poll ได้ รวมถึงส่งและรับ Apple Cash ได้อีกด้วย
- Screening Tools เข้ามาช่วยจัดลำดับความสำคัญ ให้สามารถโฟกัสกับข้อความ หรือแจ้งเตือนจากเนื้อหาที่สำคัญก่อน เช่น เพื่อนหรือคนในรายชื่อติดต่อเข้ามา
4. CarPlay
เพิ่มฟีเชอร์ใหม่คือ เวลามีคนโทรมาสามารถสนทนาระหว่างขับรถได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
5. Genmoji สามารถใช้งานได้ดีขึ้น เช่น เอารูปเพื่อนเข้ามาใช้งานได้, Image Playground สามารถสร้างรูปได้ดีขึ้น เพราะดึง GPT เข้ามาร่วมสร้างสรรค์
6. มีฟีเชอร์ Live Translation ช่วยแปลภาษาทันที ในแอปต่าง ๆ เช่น Facetime และ Message
โดยจะแสดงผลคำแปลเป็นหน้าต่างลอยขึ้นมา พร้อมทั้งแสดงผลเป็นเสียงของ Siri ในภาษาที่ต้องการ
7. Apple Music สามารถเข้าใจเนื้อหาเพลงได้ทันที ด้วย Lyrics Translation
8. Apple Maps จะสร้างแผนที่ที่ทำให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้น
มี Visited Places iPhone จดจำว่าเราเคยไปไหน และสามารถไล่ดูประวัติย้อนหลังได้
9. Visual Intelligence มีการอัปเดตครั้งใหญ่
สามารถใช้งานข้ามแอปพลิเคชันได้ เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ เพียงแค่แคปภาพหน้าจอ และเลือก Visual Intelligence ก็จะค้นหาข้อมูลมาให้ หลักการนี้ก็จะคล้าย ๆ กับ Google Lens ที่ใครหลายคนอาจคุ้นเคย
แต่ความแตกต่างคือ สามารถถาม ChatGPT ได้ทันทีในคลิกเดียว
10. WatchOS เปลี่ยนดิไซน์ใหม่ มี UI เป็นแบบ Liquid Glass
- มีฟีเชอร์ใหม่ Workout buddy เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการออกกำลังกายของเราทั้งหมด และจะบอกว่าในแต่ละวันเราควรปรับปรุงอะไรให้ดีขึ้น เช่น วิ่ง 100 เมตรแรกเร็วขึ้น รวมถึงบอกเวลาที่เราออกกำลังกายว่าแตกต่างจากทุกครั้งแค่ไหน
3
อธิบายง่าย ๆ ก็เหมือนเรามีเพื่อนออกกำลังกาย ที่ช่วยให้กำลังใจ เวลาออกกำลังกาย
- Smart Stack เช่น เดินเข้ายิม จะขึ้นทันทีว่า ออกกำลังกายแรกคืออะไร และสามารถกดเริ่มได้ทันที นอกจากนี้ ยังสามารถจดโน๊ต และสนทนากับเพื่อนได้ง่ายขึ้น
11. tvOS เปลี่ยนดิไซน์ใหม่เช่นเดียวกัน และมีหน้า Profile เหมือน Netflix เมื่อใช้งาน Apple Music สามารถเปลี่ยน iPhone เป็นไมโครโฟน และร้องเพลงเป็นคาราโอเกะได้
12. macOS Tahoe เปลี่ยนดิไซน์ให้เป็นทีม Liquid Glass ที่มีมิติ และโปร่งใสมากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าหน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้น
- สามารถเปลี่ยนสีโฟลเดอร์ และใส่อิโมจิลงไปได้ เพื่อให้สามารถจัดหมวดหมู่ของแต่ละโฟลเดอร์ได้ง่ายขึ้น
1
- Spotlight สามารถทำงานร่วมกับแอปฟลิเคชันอื่น ๆ ใน Mac เพื่อค้นหาไฟล์หรือเข้าแอปพลิเคชันได้ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งงานแอปพลิเคชันได้ทันที
13. visionOS
มีการปรับเปลี่ยนหน้าต่างลัด ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมมากขึ้น สามารถปรับมิติในรูปแบบต่าง ๆ ได้หลากหลาย มีฟีเชอร์ใหม่อย่าง Spatial Scene ทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น ซึ่งแปลว่าเราจะสามารถท่องเว็บได้สนุกมากขึ้น
สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ PlayStation VR2 สำหรับใช้ควบคุม Vision Pro ให้เหมาะกับการเล่นเกม
14. iPadOS
ในที่สุด iPad ก็สามารถใช้งาน Multitasking ที่สามารถเปิดใช้งานหลายหน้าต่างได้พร้อมกันมากขึ้น เพียงแค่ลากหน้าต่างจากมุมขวา เพื่อปรับขนาดหน้าต่างแอปพลิเคชัน
2
นอกจากนี้ หากใช้งานร่วมกับ Keyboard จะมีแถบ Menu Bar เช่นเดียวการใช้งานบน MacBook อีกด้วย ได้แก่
- Files สามารถดูรายละเอียดของแต่ละไฟล์ได้มากขึ้น และยังสามารถลากโฟลเดอร์ให้มาเป็นปุ่มลัดได้ทันที
- Audio มีฟีเชอร์ตัดเสียงรบกวนระหว่างการโทร นอกจากนี้ยังมีฟีเชอร์บันทึกเสียงได้ะเอียดมากขึ้น เมื่อใช้งาน Airpods
- Video สามารถบันทึกภาพหน้าจอความละเอียดสูงได้ในขณะวิดีโอคอล
โฆษณา