10 มิ.ย. เวลา 03:26 • ความคิดเห็น
ของในโลก ดู..เป็นของสมมุติ ชั่วขณะหนึ่ง ให้จิตเรามาอาศัยกาย กายที่มีภาระ ..ภาระที่เราไปยึดถืออยากได้ อยากเป็นอยากมี เป็นชาวไรชาวนา ก็ใช้กาย ..เหน็ดเหนื่อย ไถ่ไร่ไถ่นา ไม่มีที่นา ก็ไปเช่า ไม่มีเงินมีทองลงทุนก็ไป กู้ ธกส . มีภาระหนี้สินต่างๆมากมาย ต้องใช้กายเหน็ดเหนื่อย ที่มันแก่เจ็บป่วยตายได้ พอเกี่ยวข้าว ก็ได้เงินทอง มาให้ดีใจ แค่แป็บเดียว แล้วเงินทอง ก็กระจัดกระจายไป ใช้หนี้ ใช้กิน
.. คราวนี้ ไปดูผู้มี ยศ บนบ่า ..มันก็มีภาระ ไม่มีก็ไม่ได้ เพราะต้องมีภาระทำมาหากิน หล่อเลี้ยงสังขาร แล้วผู้ที่คล้องกรรมกันมา อยู่ตัวคนเดียวไม่พอต้อง ไปเอาเอาขันธ์ห้าผู้อื่นมา แบกมาเป็นภาระ แล้วจะทำยังไง ในสิ่งเหล่านี้ ที่จิตนั้น ต้องมีภาระ แบกรับ ไม่ทำมาหากินก็ไม่ได้ หามากก็เอามาวางไว้ กองไว้ ..ก็เป็นภาระดูแล ..นั่นก็ต้องมองไปว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงของอาศัยเพื่อประทังสังขารชั่วขณะหนึ่ง
แล้วทำอย่างไรดี ที่เราจะปลดเปลื้อง ภาระที่จิตนั่นยึดถือ ออกไปได้บ้าง เพรากายนี้ เค้าให้เวลามาน้อย แปดสิบร้อยปี ก็หมดอายุขัย เงินทองหามากองไว้ เอาไปไม่ได้ ..สิ่งที่เอาไปได้ ก็เรื่องบุญกุศลบารมี .ที่จิตดวงนั่น สร้างขึ้นมาเอง จะติดตามไปกับจิต
เรื่ิองของโลกนั่น ที่จริง เค้าว่า หลอกเรา ..เราไปยึดเค้าเอง ใช้กายไปเหน็ดเหนื่อยยึดเค้าเอง ไม่ยึดก็ไม่ได้ โน้น ..เราไปดูคนที่เค้าไม่ยึด เค้าทำยังไง หนีเวียงวัง ยศศักดิ์ ไปอยู่ป่าคนเดียว นั่นเป็นผู้ที่มีบุญบารมีมาเต็ม ปัญญาธรรมมาเต็มที่ มองเห็นสิ่งเรานี้ เป็นพันธการ ให้จิตต้องจมอยู่กับความทุกข์ เกิดตายไม่จบสิ้น ..ก็เลิกใช้มันซะ ไปอยู่ป่า ทำกายนิ่ง จิตนิ่ง เกิดแสงสว่าง . ไม่ภาระ จิตก็พ้นทุกข์
เมื่อไม่สร้างบุญกุศล ก็มีกรรมติดตามไปกับจ้ต ..ที่เค้าว่า โลกนี้ให้แต่กรรม . จิตจะไปที่ไหน ก็มีรูปต่างมากมาย จิ้งจกตุ๊กแก มดปลวกแทะกินบ้าน .. เกิดไปไปเป็นปลวก กัดกินบ้านทรัพย์สินที่ตนเองยึด ..กินเอร็ดอร่อย ..มีคนนั้นคนนี้มาบี้ตาย ก็วนเวียนเกิดตายตรงนั้น เมื่อไหร่หนอ จะออกจากสถานที่ นั้นได้ บางที่เป็นอสงไขยยาวนาน
โฆษณา