10 มิ.ย. เวลา 10:12 • นิยาย เรื่องสั้น

ผู้สัญจร

ผมจรจัด ไร้บ้าน ไร้ที่ให้กลับไป สถานที่อันอบอุ่นที่คนเรียกกันว่าบ้านนั้นผมไม่มีมันอยู่ แม้อาจจะหลงเหลือเป็นรูปแบบของนามธรรม แต่ในรูปธรรมของบ้านนัั้น ผมไม่มี และไร้ความสามารถจะไขว่ขว้ามันด้วยตัวผมเอง ผมแอบอิงอาศัย ณ ศาลาริมทาง ที่ซึ่งคนสัญจรไปมา ไม่มีใครอยู่ที่นี่นาน เพียงผ่านมา พักบ้างสักชั่วครู่ แล้วเดินทางออกไป เป็นแบบนั้นทุกคน
ไม่รู้ทำไม ผมยังคงเลือกศาลาริมทางเป็นที่พักพิง แม้มันจะกันลมฝนลมแดดได้ แต่ผมพบว่า ไม่ว่าผมจะย้ายไปยังที่ศาลาใด ปัญหาที่ผมพบเจอคือความเศร้า เพราะมีเพียงคนจรเช่นผมเท่านั้นที่เลือกศาลาเป็นที่พักอาศัย ผมไม่ควรรู้สึกเศร้า แต่กลับควรจะยินดีด้วยซ้ำเพราะศาลานั้นโอ่โถง และร่มเย็น แม้อาจไม่ครบครัน แต่ไม่ขัดสนสำหรับคนจรอย่างผม แต่การอยู่อย่างนี้นาน ๆ ทำให้ผมรู้สึกเคว้งคว้าง และหว้าเหว่มาก ผมรู้ว่าตัวเองต้องการมากไป แค่มีที่ซุกหัวนอนก็ดีมากพอแล้ว แต่นี่ผมกลับต้องการ เพื่อน ที่จะอยู่กับผมที่ศาลาคนจรแห่งนั้น
การพบพานผู้ผู้สัญจรนั้นทำให้ผมรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจมาก ถึงขนาดเรียกว่ามีความสุข แม้ว่าแท้จริงแล้ว ณ ศาลาแห่งนี้ จะมี ”ผู้อาศัย” อยู่บ้าง แต่พวกเขานั้นต่างอยู่คนละโลกกัน เชื่อมถึงกันได้เล็กน้อย แค่พอไม่ให้ใจผมมันแห้งผากเกินไป ถึงอย่างนั้นความรู้สึกก็ต่างกันมากระหว่าง “ผู้อาศัย” กับการพบเจอ “ผู้สัญจร” ที่ผ่านเข้ามาพัก ผู้สัญจรนั้นมักจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม ทำให้เราสามารถพูดคุยด้วยภาษาที่ใกล้เคียงกันได้ ต่างจากผู้อาศัย ที่เราต่างกันมากเกินไปจนหลายครั้งก็ “ต่อไม่ติด” ทำให้ผมโหยหาผู้สัญจรอยู่ตลอดเวลา
แต่นั่นกลับกัดกินผม การทำความรู้จักผู้สัญจรนั้นถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคนจรเช่นผม เพราะทุกครั้งที่เราพบเจอและได้พูดคุย หรือถึงขั้นทำความรู้จักกับผู้สัญจร จนลุกลามไปจนอาจเรียกได้ว่า “สนิท” กันนั้น สุดท้ายก็จะถึงเวลาพวกเขาก็จะจากไป เพราะเขาเป็นเพียง “สัญจร” ผ่านมาก็เท่านั้นเอง
ว่ากันให้เห็นภาพมากขึ้น การทำความรู้จักผู้สัญจรเปรียบเหมือนการที่เราทำความรู้จักคนที่เดินสวนกับเรา ซึ่งมีเพียงเราคนเดียวที่เดินไปทิศทางตรงกันข้ามกับทุกคน ท้ายที่สุดทุกคนก็จะเดินผ่านเราไปด้วยธุระของตน แม้บางคนอาจหยุดยืนคุยกับเรานาน หรือเราอาจได้มีโอกาสให้ช่วยเหลือ อย่างเก็บของที่หล่นพื้นให้พวกเขา หรือแนะนำเส้นทางไปยังสถานที่ที่พวกเขาอยากไป แต่ไม่มีใครจะหันเหเส้นทางของตนมายังทิศที่ผมกำลังมุ่งไป ดังนั้นการทำความรู้จักกับผู้สัญจรนั้น “โง่มาก” เพราะมันสร้างวัฏจักรการจากลาที่ไม่สิ้นสุดขึ้น
วัฏจักรนั้นอบอุ่น และชุ่มชื้นไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอมอันเกิดมาจากความรู้สึกดีที่เหมือนมีเพื่อนร่วมทาง ทว่า อีกด้านนึงของมันคือการจากลาอันแน่แท้ที่ผมเองก็รู้ว่ามันจะมาถึงแน่นอน ดังนั้น เมื่อวัฏจักรนี้หมุน มันจะหันด้านอันเป็นสุขมาให้ผมชั่วครู่ ก่อนหมุนด้านของการจากลามาให้ผม กระชากผู้สัญจรให้กลับไปยังเส้นทางของพวกเขา มันเหมือนเอามือจุ่มลงในน้ำเย็น และสลับเป็นร้อนเรื่อย ๆ หากผมเป็นสิ่งมีชีวิต ความต่างของน้ำคงทำให้ผมบอบช้ำเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ หรือไม่ ก็อยู่อย่างทรมาน
กระนั้น มันก็เป็นทิศทางที่ผมเลือกเดินเอง ผมปักหลักอยู่ ณ ศาลาแห่งนี้ และหมุนวนวัฏจักรแห่งการพบพานและจากลาไปเรื่อย ๆ เสมือนผมเองก็มีความสุข กับความทรมานนี้
โฆษณา