11 มิ.ย. เวลา 01:04 • ประวัติศาสตร์

มากาเรตแห่งอองชู: นางหมาป่าแห่งฝรั่งเศส ผู้กอบกู้บัลลังก์อังกฤษ

เรื่องราวของ **มากาเรตแห่งอองชู** หรือที่รู้จักกันในนาม **"นางหมาป่าแห่งฝรั่งเศส"** คือภาพสะท้อนชีวิตของราชินีผู้แข็งแกร่งท่ามกลางความวุ่นวายของยุโรปยุคกลาง พระนางประสูติในช่วงเวลาที่สงครามปะทุขึ้นหลายสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็นสงครามร้อยปีระหว่างราชวงศ์ฝรั่งเศสและอังกฤษ หรือการแย่งชิงบัลลังก์ในดัชชีต่างๆ
บิดาของมากาเรตผู้มีสิทธิ์ในบัลลังก์มากมายแต่กลับยากจน ทำให้การดูแลครอบครัวและการบริหารบ้านเมืองตกเป็นหน้าที่ของสตรีผู้ยิ่งใหญ่ในตระกูล คือ **พระนางโยลันดาแห่งอารากอน** พระอัยยิกา และ **ดัชเชสอิซาเบลลาแห่งลอร์แรน** พระมารดา ซึ่งทั้งสองต่างก็เป็นผู้มีบทบาทสำคัญทางการเมืองและสงคราม บทบาทของสตรีเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้มากาเรตเติบโตขึ้นมาพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งผู้นำที่เข้มแข็ง
เมื่ออายุ 14 ปี มากาเรตถูกส่งตัวไปอภิเษกสมรสกับ **พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ** เพื่อยุติสงครามร้อยปี แม้เป็นการแต่งงานทางการเมือง แต่พระเจ้าเฮนรีที่ 6 ทรงรักและเทิดทูนพระนางมาก ทั้งสองมีรสนิยมคล้ายกัน โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรมและการศึกษา ถึงขั้นที่พระเจ้าเฮนรีที่ 6 ทรงมอบอำนาจให้มากาเรตก่อตั้ง **มหาวิทยาลัยควีนส์คอลเลจแห่งเคมบริดจ์**
อย่างไรก็ตาม การที่ยังไม่มีพระโอรสทำให้สถานะของพระนางไม่มั่นคงนัก และสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่ออังกฤษพ่ายแพ้ในสงครามร้อยปี ทำให้พระสวามีทรงเสียพระสติ การอ่อนแอของพระเจ้าเฮนรีที่ 6 ทำให้มากาเรตต้องก้าวเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ซึ่งในยุคนั้นการที่สตรีมีอำนาจเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์
จุดเปลี่ยนสำคัญคือการปรากฏตัวของ **ริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์ก** ผู้มีสิทธิ์ในบัลลังก์อังกฤษเช่นกัน หลังการประสูติของ **เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งเวสต์มินสเตอร์** พระโอรสของมากาเรต พระนางก็ยิ่งต้องปกป้องบัลลังก์ของพระสวามีและพระโอรส
ในปี 1454 มากาเรตพยายามขออำนาจเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระสวามีแต่ไม่สำเร็จ เมื่อดยุคแห่งยอร์กได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิทักษ์แห่งอังกฤษ มากาเรตก็ไม่ได้ยอมแพ้ พระนางแสร้งทำเป็นเงียบ แต่ในที่สุดก็พาพระสวามีและพระโอรสหลบหนีไปจัดตั้งราชสำนักใหม่ และวางแผนตอบโต้ การเผชิญหน้าระหว่างสองฝ่ายนำไปสู่ **สงครามดอกกุหลาบ** ในปี 1455 ดยุคแห่งยอร์กได้รับชัยชนะและคุมตัวพระเจ้าเฮนรีที่ 6 ได้
อย่างไรก็ตาม มากาเรตแสดงให้เห็นถึงความไม่ย่อท้อ พระนางรวบรวมกำลังจากฝ่ายแลงคาสเตอร์และขอความช่วยเหลือจากต่างชาติจนสามารถเอาชนะและสังหารดยุคแห่งยอร์กได้ เหตุการณ์นี้เองที่เชกสเปียร์นำไปเขียนเป็นบทละคร และทำให้มากาเรตถูกขนานนามว่า **"นางหมาป่าแห่งฝรั่งเศส"** แต่สงครามยังไม่จบสิ้น **เอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งมาร์ช** บุตรชายของดยุคแห่งยอร์กได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ และได้รับชัยชนะต่อเนื่องจนขึ้นครองราชย์เป็น **พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4** ในปี 1461
มากาเรตต้องหอบพระโอรสและพระสวามีหลบหนีอีกครั้ง และพยายามขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 แห่งฝรั่งเศส แม้จะมีความขัดแย้งกับเอิร์ลแห่งวอร์ริก แต่เพื่อกองทัพที่เพียงพอต่อการต่อสู้กับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 พระนางก็จำต้องร่วมมือกัน
ในปี 1471 เอิร์ลแห่งวอร์ริกนำทัพโจมตีอังกฤษได้สำเร็จ ทำให้พระเจ้าเฮนรีที่ 6 ได้กลับมาครองบัลลังก์ชั่วคราว แต่ไม่นานพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ก็สามารถรวบรวมทหารกลับมาตีอังกฤษคืนได้ เอิร์ลแห่งวอร์ริกถูกสังหารในสนามรบ และที่น่าเศร้าคือ **เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสของมากาเรต เสด็จทิวงคตในสนามรบ** และ **พระเจ้าเฮนรีที่ 6 ก็เสด็จสวรรคตตามไป**
หลังการสูญเสียอันใหญ่หลวง มากาเรตก็สิ้นหวังที่จะต่อสู้ พระนางถูกคุมขังในลอนดอนจนกระทั่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 ทรงไถ่ตัวกลับฝรั่งเศสในปี 1475 โดยมีเงื่อนไขว่าพระนางต้องยกมรดกทั้งหมดให้พระองค์ มากาเรตใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในปราสาทใกล้กับอองเชส์จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 สิงหาคม 1482
เรื่องราวของมากาเรตแห่งอองชูสะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง และความไม่ย่อท้อของสตรีผู้หนึ่ง ที่แม้จะต้องเผชิญกับการสูญเสียและอุปสรรคนานัปการ ก็ยังคงต่อสู้เพื่อราชบัลลังก์และครอบครัวจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
โฆษณา