12 มิ.ย. เวลา 01:14

การสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ แก้ไขปัญหาเชิงระบบที่ต้นเหตุ

ควรต้องปรับที่ระดับโครงสร้าง Structure หรือระดับ Mental Model/Belief หลายๆ ครั้งหมายถึงการทำให้โครงสร้าง กฎระเบียบ กติกา ที่มีอยู่ทำงานอย่างที่ควรจะเป็น เพียงเท่านั้นก็สามารถหลีกเลี่ยงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ และคลี่คลายปัญหาที่ซับซ้อนได้แล้ว
หัวใจของการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอย่างแท้จริง เมื่อเรามองผ่าน “Iceberg Model” หรือโมเดลภูเขาน้ำแข็งใน Systems Thinking ซึ่งแบ่งระดับการมองและแก้ปัญหาออกเป็น 4 ชั้น 4 ระดับ ได้แก่:
1. Events (เหตุการณ์) → สิ่งที่เรามองเห็นหรือรับรู้ได้ทันที ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น อุบัติเหตุ, ความยากจน, คนไม่สวมหมวกกันน็อก, การว่างงาน, เศรษฐกิจถดถอย
2. Patterns/Trends (พฤติกรรม รูปแบบที่เกิดซ้ำ) → สัญญาณที่บอกว่า มีบางอย่างผิดปกติในระบบ เช่น อุบัติเหตุซ้ำที่จุดเดิม, พฤติกรรมไม่เปลี่ยน, ผู้ป่วยกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำๆ, หนี้เสียมีมากขึ้น
3. Systemic Structures (โครงสร้างระบบ) → วิธีที่ระบบถูกออกแบบมาให้ทำงาน กฎระเบียบ, ช่องทางบริการ, การจัดงบประมาณ, คณะกรรมการ, ระบบราชการ, หน่วยงาน/องค์กร
4. Mental Models (ความเชื่อ/ทัศนคติ) → เช่น คนไทยไม่เคารพกฎ, เป็นเรื่องของโชคชะตา, ไม่ขยันไม่พยายามเอง, ทำอะไรไม่ได้หรอก, นี่คือหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ
การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ: เริ่มที่โครงสร้าง หรือความเชื่อที่เป็นรากฐาน
โครงสร้างที่ออกแบบไม่ดี → ทำให้พฤติกรรมซ้ำเดิมวนกลับมา แม้จะเปลี่ยนคนหรือเพิ่มงบประมาณ
กฎที่ดีแต่ไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง → ทำให้ระบบดูดีบนกระดาษแต่ไม่เปลี่ยนผลลัพธ์ในความเป็นจริง
ทัศนคติ/ความเชื่อ ที่ฝังลึก → เช่น ไปแค่นี้เองคงไม่เป็นไรหรอก, ถือว่าฟาดเคราะห์ไป, ความปลอดภัยไม่สำคัญเท่าความเร็ว ทำให้มาตรการใด ๆ ก็ไม่ยั่งยืน
ตัวอย่าง: การแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนถนน
* ปลายเหตุ: เพิ่มป้ายเตือน, แจกหมวกกันน็อก
* ระดับโครงสร้าง: เปลี่ยนผังเมืองให้เดินทางได้ปลอดภัย, เพิ่มงบให้ตำรวจท้องถิ่น, บังคับใช้กฎหมายจริงจัง
* ระดับ Mental Model: ทำให้คนเชื่อว่าชีวิตมีค่า, สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย, เสริมพลังให้ชุมชนมีบทบาท
ประเด็นสำคัญที่ Systems Thinker มองเห็น:
บางครั้ง กติกา กฎหมาย หรือโครงสร้างเดิม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
แต่ต้องทำให้ ระบบทำงานอย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือ - ทำให้กติกาใช้งานได้จริง, ถูกติดตามผล, และสื่อสารไปถึงผู้คน → ระบบจะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเอง
สรุปสั้น ๆ:
การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ไม่ได้อยู่ที่การทำอะไรเพิ่ม เท่านั้น
แต่อยู่ที่การจัดการระดับโครงสร้างและความเชื่อ เพื่อให้สิ่งที่มีอยู่แล้ว ทำงานอย่างที่ควรเป็น เมื่อเราทำได้ ระบบจะเริ่มแก้ปัญหาด้วยตัวมันเองอย่างยั่งยืน และไม่ต้องไล่ตามปลายเหตุอีกต่อไป
ถ้าเราเข้าใจและสามารถจัดการกับโครงสร้าง ความเชื่อที่มีอยู่ ให้ทำงานอย่างที่ควรเป็น ส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี นั่นน่าจะมีโอกาสเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
#การคิดเชิงระบบ
#SystemsThinking
#สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ
#แก้ไขปัญหาเชิงระบบที่ต้นเหตุ
โฆษณา