Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Introverted investor
•
ติดตาม
12 มิ.ย. เวลา 02:14 • หุ้น & เศรษฐกิจ
💰รวม ‘หุ้นปันผลดี’ ณ ตลาดหุ้นไทย ที่ราคา (น่าจะ) ถูก ในวันอันแสนมืดมนและหงอยเหงา
หลังจากที่ได้อ่านหนังสือ ‘ใช้ชีวิตชิลๆ ด้วยเงินปันผล’ ของพี่ ‘ประกิต สิริวัฒนเกตุ’ จนจบครบสมบูรณ์ และเขียนสรุปเนื้อหาสาระสำคัญลงเพจไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี จึงทดลองนำหลักการคัดกรอง ‘หุ้นปันผล’ ในตลาดหุ้นไทย อันมีเป้าหมายเพื่อลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นแก่นสารจากหนังสือเล่มนี้มาฝากคุณผู้อ่านกันครับ
เราลองมาทบทวนหลักการคร่าวๆในหนังสือเล่มนี้กันก่อน ใครยังไม่ได้อ่านสรุปสามารถกด Link ด้านล่างได้เลยครับผม
facebook.com
Introverted investor
💰ใช้ชีวิตชิลๆ ด้วยเงินปันผล โดยไม่ต้องทำงาน ทำได้จริงหรือเปล่า?🪙 ... 🌟ในมุมมองของ ‘ประกิต สิริวัฒนเกตุ’ นั้น การลงทุนในหุ้นปันผลเพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน ทั้งง่ายและยากอยู่ในที…
🟩มาเริ่มหา ‘หุ้นปันผล’ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวกันเลยครับ
✴️ ผู้บริหาร (CEO) ต้องดี ใส่ใจผู้ถือหุ้น และมีธรรมาภิบาล จากภาพประกอบ Excel แถวแรก ช่อง ‘CEO’ ข้อนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องนามธรรมสุดๆ แต่ผมก็พยายามจำแนกให้ได้อย่างหยาบๆ โดยกำหนดหลักเกณฑ์มา 3 ข้อ คือ เข้าร่วมงาน ‘OppDay’ เกือบทุกไตรมาส ถือครองหุ้นบริษัทตัวเองมากกว่า 20% ขึ้นไป และไม่เคยมีข่าวเรื่องการฉ้อโกง การทุจริตต่างๆ (เท่าที่ค้นเจอ)
หาก CEO บริษัทนั้นๆ เข้าเกณฑ์ครบทุกข้อก็จะให้สีเขียวไปเลยทันที แต่หากขาดคุณสมบัติเพียงข้อใดข้อหนึ่งจะเป็นสีเหลือง ส่วนถ้าขาดมันทุกข้อเลยก็จะเป็นสีแดง ซึ่งรวมๆบริษัทส่วนใหญ่ที่ติดโผเข้ารอบมาก็มักจะเขียวนะ
✴️ ธุรกิจมีปัจจัยเชิงพื้นฐานดี (Business Quality) และมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต (Growth Trend) โดยตรวจสอบอยู่ 2 ประเด็น คือ คุณภาพกิจการผ่านการวิเคราะห์ ‘Five Forces Model’ และโอกาสเติบโตของบริษัทและอุตสาหกรรมในอนาคต ทั้ง 2 ประเด็นนี้ให้ ‘AI (Gemini)’ ช่วยเหลือทั้งหมด
คือให้วิเคราะห์ทั้ง 2 ประเด็น และสรุปคะแนนให้ด้วย (เต็มสิบ) ถ้าได้คะแนน 9-10 ให้สีเขียว, 7-8 ให้สีเหลือง หากต่ำกว่า 6 คะแนนให้สีแดง ข้อเสียคือ ‘AI’ มักมองทุกอย่างในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า? เราต้องลองไปวิเคราะห์เจาะลึกกันอีกที ถือเป็นการทุ่นแรงคร่าวๆ
✴️ หนี้สินน้อย คือ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) น้อยกว่า 1.5 เท่า ยกเว้นกลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มการเงิน
✴️ เงินสดเยอะ ลองนำเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจากงบแสดงฐานะการเงิน นำไปเปรียบเทียบกับมูลค่าตลาด (Market Cap.) และสินทรัพย์รวม เพื่อตรวจสอบคร่าวๆว่าราคาหุ้นตอนนี้น่าจะยังคุ้มค่าต่อการเข้าซื้อ และมีความสามารถในการจ่ายปันผล (Cash to Market Cap.)
✴️ กำไรสะสมเยอะ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสินทรัพย์รวม เพื่อตรวจดูความมั่นคงในการจ่ายปันผล (Retained Earnings to Assets)
✴️ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุน (ROE) สูงมากกว่า 15% หรืออย่างแย่ๆในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีก็ควรมากกว่า 10% โดยใช้ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง เพื่อดูความสามารถในการทำกำไรของกิจการ
✴️ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) สูง หากสูงมากกว่า 40% ยิ่งดี เพื่อตรวจดูความได้เปรียบเชิงแข่งขันของกิจการภายในอุตสาหกรรม
✴️ ดอกเบี้ยจ่าย ต่อ กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ต่ำๆ ไม่ควรเกิน 50% เพื่อตรวจสอบหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยของบริษัทว่ามีมากเกินไปไหม หากมีมากเกินไปเท่ากับบริษัทค้าขายได้เงินมาก็ต้องเอาไปจ่ายคืนดอกเบี้ยเสียส่วนใหญ่ เหลือมาจ่ายเงินปันผลนิดเดียว (Interest Expense to EBIT)
✴️ ส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโต รายได้เติบโต กำไรสุทธิเติบโต ข้อนี้ผมไม่ได้เข้มงวดมากในการคัดกรอง เพราะเราต้องคำนึงถึงอนาคตด้วย ดูอดีตอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่อย่างน้อยต้องไม่ขาดทุน
✴️ จ่ายเงินปันผลทุกปี สม่ำเสมอ มากกว่า 5% ต่อปีขึ้นไป ควรดูย้อนหลังไปอย่างน้อย 5-10 ปี หรือเท่าที่มีข้อมูลสำหรับหุ้นที่เพิ่ง IPO เข้าตลาดมา ส่วนนี้ผมดูแค่ไม่กี่ปีย้อนหลัง ลองตรวจสอบกันต่อเองนะครับ
✴️ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) เป็นบวก และกระแสเงินสดสุทธิ (CF) เป็นบวก เท่ากับบริษัทมีเงินเพียงพอสำหรับต่อยอดธุรกิจและจ่ายเงินปันผล โดยไม่ต้องเพิ่มทุน หรือกู้เงินเยอะ บางบริษัทอาจสลับบวกๆลบๆบ้าง ก็พอถูไถ ต้องดูหลายๆส่วนประกอบ รวมถึงอนาคตด้วย
✴️ มูลค่าตลาด (Market Cap.) มากกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อความมั่นคง บริษัทผ่านอุปสรรคในอดีตมาแล้วมากมาย และราคาหุ้นในตลาดไม่ผันผวนจนเกินไป ข้อนี้ผมตัดออก เพราะส่วนตัวชอบหุ้นเล็ก ฮ่าๆ อาจจะมีโอกาสเติบโตมากกว่าในอนาคต เพื่อเพิ่มตัวเลือกในการลงทุน
📍เรื่อง ผลตอบแทนที่คาดหวัง (Expected Return) อ้างอิงตามหนังสือ ซึ่งในความเป็นจริงผมไม่ได้ใช้วิธีดังกล่าวเลย เพราะตัวเลขที่นำมาใส่สูตรก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าทำไมจึงควรจะเป็นเช่นนั้นในทางปฏิบัติ เพราะมีตัวแปรอีกมากมาย
แต่ในทางทฤษฎีใช้ประเมินคร่าวๆได้ว่าเราควรคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นประมาณเท่าไหร่ โดยอ้างอิงจากสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยง ผลตอบแทนย้อนหลังของตลาดหุ้น และความผันผวนด้านราคาของหุ้นนั้นๆ [Expected Return = Rf+Beta*(Rm-Rf)] ใช้ตัวเลข Rf=1.69%, Rm=5.10%
📍อันที่จริงแล้ว ส่วนตัวผมคิดว่า เราคาดหวังผลตอบแทนเท่าไหร่ คำตอบก็คือเท่านั้นแหล่ะ จากนั้นก็หาหุ้นลงทุนที่มันตอบโจทย์ความคาดหวังของเรา ก็จบ
🌟เรื่อง ‘Upside’ ก็ใช้สูตรการประเมินมูลค่าพื้นฐานตามหนังสือเลย คือ ‘P/E เฉลี่ย’ คูณกับ ‘EPS ปีล่าสุด’ ซึ่งในชีวิตจริงผมก็ไม่ได้ใช้สูตรที่ว่ามาตัดสินใจลงทุนเช่นกัน เพราะขาดปัจจัยเรื่องการคาดการณ์อนาคตอันเป็นส่วนสำคัญในโลกการลงทุน
แต่เราสามารถใช้สูตรนี้เพื่อประเมินมูลค่าคร่าวๆได้ว่า หุ้นที่เราสนใจ ณ ปัจจุบันมีราคาตลาดอยู่ ณ จุดใด (สูง หรือ ต่ำ หรือเฉลี่ยๆ เมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีต) หากราคาหุ้นอยู่ในโซนต่ำ เราก็นำมาทำการบ้านต่อเพื่อประเมินอนาคตอีกที จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำการบ้านหุ้นที่เห็นๆกันอยู่แล้วว่าราคาแพง ซึ่งไม่รู้จะได้ซื้อเมื่อไหร่
🟩จากข้อมูลคร่าวๆ
🪙หุ้นที่มี ‘Upside’ มากที่สุด (เมื่อเทียบกับอดีต) คือ SAPPE, MASTER, TQM, BOL, KISS, KLINIQ คาดการณ์อยู่ระหว่าง 85-145% แสดงว่าราคาร่วงลงมาเยอะ
🪙หุ้นที่มี ‘ผลตอบแทนที่คาดหวัง (Expected Return)’ สูงที่สุด คือ GUNKUL, KAMART, MASTER, SAV, SNNP, NEO คาดการณ์อยู่ระหว่าง 6-7% ต่อปี
🪙หุ้นที่มี ‘ผลตอบแทนที่คาดหวัง+เงินปันผล’ สูงที่สุดคือ SMD100, PIN, XO, LANNA, KISS, SPALI คาดการณ์อยู่ระหว่าง 15-22% ต่อปี ตรวจสอบความสม่ำเสมอในอดีตกันด้วยนะครับ
🪙หุ้นที่มี ‘อัตราส่วนเงินสดต่อมูลค่าตลาด’ สูงที่สุดคือ APP, PTTEP, PRM, SKN, LANNA, SMD100 อาจบอกเป็นนัยๆว่าหุ้นมีราคาถูกเมื่อเทียบกับเงินสดที่มี
🪙หุ้นที่มี ‘ภาระดอกเบี้ยจ่าย’ ต่ำที่สุดคือ MEB, SAPPE, XO, SKN, TQR, BOL แสดงว่าบริษัทแทบไม่มีหนี้เลย ทำมาหากินแล้วกำไรเข้าบริษัทล้วนๆ
อย่าลืมว่าข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้ยังไม่รวม ‘อนาคต’ อันเป็นส่วนสำคัญที่สุดในโลกการลงทุนนะครับ รวมถึงไม่ได้ครอบคลุมช่วงเวลาใน ‘อดีต’ มากนัก เป็นภาพ ‘ปัจจุบัน’ เสียส่วนใหญ่
🚫บทความนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวนหรือแนะนำให้เกิดการซื้อขายหลักทรัพย์ทางการเงินใดๆทั้งสิ้น (อ่าว!) นักลงทุนผู้มุ่งมั่นควรตัดสินใจและรับความเสี่ยงในโลกการลงทุนอันกว้างใหญ่ด้วยตนเองแต่เพียงผู้เดียว
ณ วันเวลาที่ตลาดหุ้นไทยหม่นหมองเลือนรางเช่นนี้ล่ะครับ ที่นักลงทุนควรจะมีความสุขที่สุดเมื่อจำเป็นต้องหาหุ้นเพื่อลงทุนระยะยาว ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ 😊
หุ้น
การลงทุน
พัฒนาตัวเอง
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย