22 มิ.ย. เวลา 07:01 • ธุรกิจ

ไอศกรีมจีน #MIXUE กวาดรายได้ ‘459 ล้าน’ กำไรโตเกิน 600% เปิดสาขาในไทยเพิ่มอีกเรื่อยๆ

พลิกทำกำไรสำเร็จแล้ว! ไอศกรีมแดนมังกร “MIXUE” ทะยานสู่ธุรกิจร้อยล้าน กวาดรายได้ปีที่แล้วไป 459 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้าที่ทำเงินเพียงหลักแสน สยายปีกทั่วประเทศ 480 แห่ง สะท้อนคนไทยอุดหนุนแบรนด์จีนต่อเนื่อง ราคาคุ้มค่า-เข้าถึงได้ทุกกลุ่ม
“MIXUE” (อ่านว่า #มี่เสวี่ย) น่าจะเป็นไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟจีนเจ้าแรกที่เข้ามาบุกตลาดไทยอย่างเป็นทางการ ประเดิมสาขาแรกช่วงปลายปี 2565 และเริ่มเดินหน้าขยายสาขาผ่านระบบแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา กระทั่งปัจจุบัน “MIXUE” มีสาขาทั้งหมด 480 แห่ง (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568) และหลังจากนั้นก็มีแบรนด์ซอฟต์เสิร์ฟจีนบุกไทยอีกมากมาย อาทิ “WEDRINK” หรือ “Bing Chun” ที่มีเมนูและราคาเริ่มต้นใกล้เคียงกัน
สำหรับ “MIXUE” ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท มี่เสวี่ย (ประเทศไทย) จำกัด มีผลประกอบการในทิศทางบวกตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนสาขา ตัวเลขรายได้ปี 2567 อยู่ที่ 459 ล้านบาท กำไรสุทธิ 39 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าพบว่า เติบโตก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2566 “MIXUE” มีรายได้ 693,605 บาท ขาดทุนสุทธิ 7.1 ล้านบาท
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Creden Data ระบุว่า บริษัท มี่เสวี่ย (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ถือหุ้นสัญชาติจีน 100% ได้แก่ 1. MIXUE INTERNATIONAL BUSINESS MANAGEMENT CO.,LTD. ถือหุ้นสัดส่วน 60% และ 2. HAINAN DEHUI YUETONG ENTERPRISE MANAGEMENT CONSULTING CO., LTD. ถือหุ้นสัดส่วน 40% และมี “ฮุ่ย เจี่ย” นั่งกรรมการบริษัท
ความสำเร็จของ “MIXUE” ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในไทย เพราะปัจจุบันนี่คือธุรกิจร้านอาหารแฟรนไชส์ที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในโลก เอาชนะบิ๊กเพลย์เยอร์ที่ครองแชมป์มานานอย่าง “สตาร์บัคส์” (Starbucks) และ “แมคโดนัลด์” (McDonald’s) สำเร็จ รวมจำนวนสาขาทั่วโลกตอนนี้ “MIXUE” กระจายตัวทั้งหมด 45,300 แห่ง กลยุทธ์ที่ทำให้ร้านขยายสาขาได้เร็วมาก คือการขายสิทธิแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจลงทุนเปิดร้าน โดย 99% ของ MIXUE เป็นร้านของแฟรนไชส์ซี
ข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ระบุว่า “MIXUE” ไม่ได้เป็นที่นิยมในจีนเท่านั้น ฝั่งเอเชียโดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนามก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน เฉพาะสองประเทศนี้กินสัดส่วนรายได้พอร์ตต่างประเทศไปแล้ว 70% ซึ่งในเวลาต่อมา “อินโดนีเซีย” ก็มีแบรนด์คู่แข่งที่มีความละม้ายคล้ายกัน ทั้งรูปร่างหน้าตา แบรนดิ้ง และราคาเริ่มต้น “MIXUE” ประจำการที่อินโดนีเซียสาขาแรกปี 2563 และในเวลาต่อมา “Ai-Cha” ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟสัญชาติอินโดก็ถือกำเนิดขึ้น เปิดให้บริการสาขาแรกเมื่อปี 2565
ส่วนในไทยเองอาจจะไม่ได้มียุทธการโต้กลับในฐานะแบรนด์ท้องถิ่นชัดเจนเท่ากับ “Ai-Cha” ทว่า ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวจากธุรกิจค้าปลีกที่หันมาโฟกัสสินค้ากลุ่มไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟมากขึ้น ไล่มาตั้งแต่กลุ่มเซ็นทรัลรีเทลขยายตู้ไอศกรีมเข้าร้านสะดวกซื้อ “Tops Daily” และ “Go! Wholesale” ห้างค้าส่งในเครือ ฝั่ง “Makro-Lotus’s” ทำซอฟต์เสิร์ฟจากนมโคแท้ๆ ยี่ห้อเมจิที่กำลังเป็นกระแสในโซเชียล รวมถึงแบรนด์ “เถียนเถียน” (Tian Tian) ที่ขายในร้านสะดวกซื้อเครือซีเจของ “เสถียร เสถียรธรรมะ” เจ้าพ่อคาราบาวกรุ๊ป
อ่านต่อ:
โฆษณา