12 มิ.ย. เวลา 14:51 • ความคิดเห็น
บ้านปิ่นเกล้า
เรื่องราวพระนิพพาน เทพยดา อินทร์ พรหม ก็อยากจะไปให้ถึง เพราะเป็นเหมือนแก้ว เป็นที่สถิตย์ จิตของผู้ที่ ทำถึง มีกายเป็นแก้วเจียระไน ทั้งหมดเป็นแก้ว ธาตุทั้วสี่เป็นแก้ว วิญญาณทั้งหกเป็นแก้วเจียระไน ใสสะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ ผุดผ่อง หากสกปรกแม้เพียง อณูธุลีเดียว ก็เข้าไม่ได้
มีพระท่านเล่าให้ฟัง เรื่องราวของสมาธิ .เมื่อกายนิ่ง จิตนิ่ง ไม่มีอารมณ์ จิตท่านก็ออกจากกาย เจอะเจอ ท้าวสักกะเทวราช ท่านก็ถามว่า ไหนๆขึ้นมาแล้ว จะเข้าไปดินแดนพระนิพพานมั้ย ท่านก็ตอบว่า ขอเข้าไปดู ท้าวสักกะเทวราช ก็เอื้อมมือ มาที่หน้าออก ดึงกล่องอันหนึ่งมาวาง แล้วก็บอกว่า เมื่อออกมาแล้ว ให้มาเอากล่ิองนี้คืนไป แล้วท่านก็เล่าเรื่องการขึ้นไป เจอะเจอ ท้าวสักกะเทวราช ท่านก็สอนให้ ปฏิบัติธรรมอย่างไร สอนเรื่องราวการสร้างบุญบารมี อีกทั่งท่านก็ สามารถอาราธนา พระอัครสาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาแสดงธรรม
ท่านก็ถอดแล้วถอดอีก ให้จิตนั้นบริสุทธิ์จริงๆ ให้เหลือแต่จิต จิตที่มีบุญกุศลบารมี ท่านจึงสามารถกระทำได้ จิตไม่มีหญิงชาย ไม่มีอารมณ์ เหมือนเป็นจิตของพระอเสขะ ที่สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ เรียนรู้เรื่องราวต่างๆมาหมดแล้ว จิตท่านเป็นปกตินิ่ง ..เฉยๆ จิตของพระอเสขะ ..ท่านก็สามารถไปไหนมาไหนได้
แต่ท่านก็ยังต้องมาเกิด ชาติสุดท้าย ก็ต้องเดินตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านทำอย่างไรมา ก็เดินตามท่าน ท่านทิ้งทรัพย์สมบัติ เดินเข้าป่า ก็ต้องเดินเข้าป่าคนเดียว เสื้อผ้าชุดเดียว ขันน้ำสักใบก็ไม่มี ไปอาศัย ผลไม้ลูกไม้ประทังสังขาร เป็นเรื่องราวของ จิตที่มีแสงรัตนะ ชำระสะสาง ธาตทั้งสี่ ที่เป็นกรรม ให้เป็นธาตุธรรมสะอาดสะอ้านบริสุทธิ์จิตก็สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ไปด้วย หมดเหตุที่ต้องมาเกิดอีก
คราวนี้ แม้แต่บรรลุธรรมแล้ว ท่านก็ยังไม่เข้าแดนพระนิพพาน ยังอยู่ช่วยพยุงฃศาสนา ขององค์พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
จิตของพระอรหันต์นั้น มีผู้เล่าให้ฟังว่า จิตท่านนั่นเหมือนอยู่กับดินฟ้าอากาศ การที่เรา น้อมจิตน้อมใจ ..ปฏิบัติธรรมไปตามรอยของพระ ที่ว่าสร้างบุญกุศลบารมี ตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งกายวาจาใจ ด้วยจิตที่ต้องการหนีกรรมไปหาธรรม คัดเอ้าท์กรรม ท่านก็ช่วยส่งแสงมาให้ . คราวนี้หากต้องการทรัพย์สิน ยศศักดิ์ ..มันก็สวนทางกับสิ่งที่ท่านทำ ..ไม่ได้เดินตามรอยของท่านไป เพราะไม่ได้เดินหนีกรรม ..มีแต่เดินสร้างกรรม
คราวนี้ เรื่องราวแดนพระนิพพาน คนเราก็ได้ยินได้ฟังได้ แต่ใครละ ที่สามารถ เข้าไปได้ ..สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกก็เดินตามทำไปตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกพระองค์ ท่านก็ไปอยู่ป่า นั่งพับเพียบ กายนิ่ง จิตนิ่ง อยู่กลางป่า ลมฟ้าลมฝน ฟ้าผ่าฟ้าร้อง ฝกตกน้ำท่วม ท่านก็นั่งที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
มีครั้งหนึ่ง นั่งรถไป ไปกับพระ เห็นพระเดินตามรถตลอด ท่านเดินช้า สงบเสงี่ยม เดินช้า รอยไปท้องทุ่งนา แต่ท่านกเดินตามรถตลอด .ตอนหลัง เราเล่าให้พระฟัง ท่านก็บอกว่า นั่นพระอรหันต์
คราวนี้ เอ .เราจะมีบุญวาสนา ได้ฟังธรรมจากท่านบ้างมั้ยหนอ พอดี .มีพระท่านเล่าให้ฟัง แล้วก็ให้ฝึกหัด ตั้งแต่การกราบ การรับจักความกตัญญูรู้คุณกายพ่อแม่ที่ให้มา เอากายนั้นมานอบน้อม นั่งกายนิ่ง จิตเฉย ..แสงธรรมก็จะส่งลงมาที่จิต มาสอนให้ กายไม่นิ่ง จิตไม่นิ่งไม่เฉย มีแต่อารมณ์ ..แสงธรรมก็ส่องลงไปที่จิตไม่ได้ ปัญญาธรรม..ที่จะคัดเอ้าท์อารมณ์กรรมตัวกระทำ มันทำไม่ได้ ..ไม่มีปัญญา ที่จะไปตัดขาด หลุดพ้นวัฏฏะได้เลย
แล้วสมัยนี้ ก็เลยต้นพุทธกายมานาน ..พระอรหันต์ไม่เดินให้พบเห็น ..ให้เป็นที่ประจักษ์ .. พอพูดเรื่องราวเหล่านี้ มันก็เป็นอารมณ์อุปโลกน์ให้ ..ไม่รู้จริงว่า นิพพานนั้นเป็นอย่างไร เพราะทำไปถึงไม่ได้ ..สำหรับ..เรารู้ตัวดี ว่า เป็นผู้มีกรรม เป็นผู้ยังมีอารมณ์โลภโกรธหลงมากมาย ก็เพียรพยายามสร้างบุญกุศล หมดชาตินี้ ไม่ตกนรก .พ้นอบายภูมิ ก็พอใจแล้ว ..
โฆษณา