12 มิ.ย. เวลา 17:04 • ความคิดเห็น
เราอยู่กับกาย ..มีความสุขที่แท้จริงตรงไหน มันมีทุกข์ตลอด มีการเปลี่ยนแปลงของขันธ์ห้าตลอด มีอารมณ์ปรุงเรื่องนั่นเรื่องนี้ตรงไหน อยู่เวียงวังใหญ่โต ก็มีเรื่องที่จะต้องซ่อมแซม ตรงนั้นผุตรงนี้ต้องเพิ่มเติม ตรงนี้ต้องรื้อ มีเรื่องนั้นเรื่องนี้ มาตลอด ไหนจะต้องจ่าย ค่าข้าวปลาอาหารข้าทาสบริวาร กายเราเจ็บ คนอื่นเค้าก็เจ็บเป็นเหมือนกับเรา มีเรื่องราวคนนั้นคนนี้มาหฟ้อง ก็ต้องเอาเรื่องคนนั่นคนนี้มาคิด เป็นสุขมั้ย
เมื่อต้องเกิดมีกาย ..กายมนุษย์กายสัตว์ ก็มีภาระ เลี้ยงดูสังขาร หากยังต้องเกิดมีกาย มันก็วนเวียนอย่างนี้ มีภาระดูแลสังขารกรรม ทำอย่างไรหนอจึงหมดภาระ ยุติการที่จะตายแล้วเกิด ไม่เกิดได้ จิตก็ไม่มีภาระ ภาระนี้ มันเกิดขึ้น ภายในกาย .. มีอารมณ์อะไร เราก็คัดเอ้าท์มันออกไป
. ยึดถืออะไร ..เราก็คัดมันออกไป .. ทำอย่างไรได้ ที่จะคัดเอ้าท์ อารมณ์ออกไปจากกาย คัดเอ้าท์ออกไปได้หมด กายไม่มีภาระ ไม่อะไร กับนั่งกายนิ่ง จิตเฉย….หมดภาระ กายก็ไม่มีภาระ จิตก็ไม่มีภาระ
..เมื่อหมดภาระ หมดสิ้นกิเลสตััณหา กายอยู่นิ่ง จิตก็อยู่นิ่ง ..ไม่มีภาระอะไรเลย ชาติสิ้นแล้ว ยุติการเกิด สุขที่ไม่อะไรปรุงแต่งเลย จิตก็เรืองรองด้วยรัตนะ สุขของธรรม ก็เกิดขึ้น ..กายเป็นธรรม จิตเป็นธรรม .ไม่มีเรื่ิองราวของโลกเกิดขึ้นอีก ปลดเปลื้องอารมณ์กรรมตัวกระทำจนหมดสิ้น นั่นก็คือ ความสุข ..สุขที่จิตนั้น หลุดพ้นไปได้
โฆษณา