จากการหลอมรวมกันของหุ่นยนต์และ AI ที่ก้าวล้ำ Morgan Stanley เรียกแนวโน้มนี้ว่า “Embodied AI” หรือ “Physical AI” พูดให้เห็นภาพชัดก็คือ AI ที่มีตัวตน มีร่างกาย ฮิวแมนนอยด์จึงไม่ใช่แค่การเลียนแบบมนุษย์ในรูปลักษณ์ แต่เป็นการนำ AI ออกมาสู่โลกจริง และอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมของเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 จากปัจจัยกระตุ้นโครงสร้างประชากรและปัญหาแรงงานในหลายประเทศ
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันแนวคิดนี้อย่างจริงจัง โดยเขาเชื่อว่าหุ่นยนต์ Optimus ของบริษัทจะเปลี่ยนโลกได้ยิ่งกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเสียอีก ในการประชุมรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก Musk ยังกล่าวว่า Optimus อาจผลักดันให้มูลค่า Tesla สูงถึง 25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลายเป็นมูลค่าในระยะยาวส่วนใหญ่ของบริษัทอีกด้วย
ขณะเดียวกัน Amazon ก็ได้สนับสนุนบริษัท Agility Robotics และเริ่มนำหุ่นยนต์ Digit ไปใช้งานจริงในศูนย์กระจายสินค้าแล้วเช่นกัน BMW ได้ทดลองใช้หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ในสายการผลิต และ Mercedes-Benz ได้ทดลองใช้ในสายงานตรวจสอบคุณภาพ ส่วน Hyundai ก็กำลังวางแผนนำหุ่นยนต์จาก Boston Dynamics มาทดสอบในโรงงาน
นอกจากนี้ยังมีบริษัทใหญ่อีกหลายแห่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพื้นฐานด้าน AI และยานยนต์ก็เริ่มกระโดดเข้ามาในตลาดนี้ โดยอาศัยการพัฒนา AI ล่าสุดเป็นตัวเร่ง เช่น Toyota ที่พัฒนา T-HR3, Xiaomi ที่เปิดตัว CyberOne, Xpeng เปิดตัว PX5 รวมถึง Nvidia ที่เพิ่งเปิดตัว AI Stack สำหรับฮิวแมนอยด์ที่ชื่อว่า Isaac GR00T ไปล่าสุด
●
สหรัฐฯ VS จีน ใครกำลังชนะในสนามหุ่นยนต์โลก
ปัจจุบันการแข่งขันด้านหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ จีนถือเป็นผู้เล่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มานานแล้ว ตามรายงานจาก Stanford AI Index ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา จีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นผู้ติดตั้งหุ่นยนต์อุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดในโลก และปัจจุบันกว่าครึ่งของหุ่นยนต์ที่ติดตั้งทั่วโลกในปี 2023 ล้วนแล้วแต่ผลิตในจีน ตามข้อมูลของสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (IFR)
ระบบนิเวศหุ่นยนต์ในจีนขับเคลื่อนโดยรัฐ หุ่นยนต์ถือเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติภายใต้แผน “Made in China 2025” ที่เน้นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมและราคาจับต้องได้ เพื่อผลักดันหุ่นยนต์เข้าสู่การใช้งานในระดับมวลชนต่อเนื่องจากบริบทของโรงงานอุตสาหกรรม บริการสาธารณะ และระบบสุขภาพ
บทความ “Who will win the race to develop a humanoid robot?” จาก BBC ที่ได้สัมภาษณ์ Thomas Andersson ผู้ก่อตั้งบริษัทวิจัย STIQ ที่เฝ้าติดตามบริษัทหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์กว่า 40 ราย กล่าวว่า บริษัทจีนจะเป็นผู้นำตลาดนี้ จากห่วงโซ่อุปทานและระบบนิเวศสำหรับหุ่นยนต์ในจีนที่กว้างขวางทำให้การพัฒนาและ R&D ทำได้ง่ายและรวดเร็ว