13 มิ.ย. เวลา 10:51 • ข่าวรอบโลก

🇮🇩💰 อินโดนีเซียแฉ “เนเธอร์แลนด์ดูดทรัพย์ 31 ล้านล้านดอลลาร์” ตลอดยุคล่าอาณานิคมกว่า 300 ปี

🇬🇧 Indonesia Says Dutch Colonialism Extracted $31 Trillion in Wealth
📍 ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต แห่งอินโดนีเซีย สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในเวทีระหว่างประเทศ หลังกล่าวระหว่างพิธีเปิดนิทรรศการด้านความมั่นคงในกรุงจาการ์ตาว่า
“มีงานวิจัยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนระบุว่า ตลอดช่วงที่เนเธอร์แลนด์ล่าอาณานิคมในอินโดนีเซีย พวกเขาขนเอาทรัพย์สินของเรากลับไปมากถึง 31 ล้านล้านดอลลาร์”
🇳🇱 การล่าอาณานิคมเริ่มตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 16 และยาวนานกว่า 300 ปี ก่อนที่อินโดนีเซียจะประกาศเอกราชในปี 1945 โดยช่วงที่สำคัญคือการผูกขาดเครื่องเทศโลกผ่านบริษัท Dutch East India Co. ซึ่งเป็นขุมทรัพย์ของเนเธอร์แลนด์ในยุคนั้น ทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างดัตช์กลายเป็นชาติมั่งคั่งอันดับต้นๆ ของยุโรปในศตวรรษที่ 17
💣 ปราโบโวย้ำว่า ความมั่งคั่งของอินโดนีเซียถูกดูดออกผ่านระบบอย่าง “Cultivation System” หรือ “Forced Planting” ที่บังคับให้ชาวชวาปลูกพืชส่งออก เช่น อ้อย กาแฟ แทนอาหารหลัก จนเกิดภาวะอดอยากทั่วเกาะ
📈 ข้อมูลจากนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง Angus Maddison ชี้ว่า ช่วงปี 1851–1870 รายได้จากอินโดนีเซียคิดเป็น 31.5% ของ GDP รัฐบาลเนเธอร์แลนด์
🔎 วิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายและความสัมพันธ์ไทย-อินโดฯ
🇹🇭 ข้อกล่าวหานี้อาจเป็นแรงผลักดันให้ประเทศในอาเซียนทบทวนบทบาทในประวัติศาสตร์ยุคล่าอาณานิคม พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมจากอดีตเจ้าอาณานิคม เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์
💬 ประเด็นนี้อาจกลายเป็นหมุดหมายของขบวนการ “Global South Justice” และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศยุโรปในการสร้างพันธมิตรในเอเชีย
🤝 ไทยซึ่งมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงกับทั้งอินโดนีเซียและสหภาพยุโรป อาจต้องใช้ความระมัดระวังในท่าทีทางการทูตระหว่างเวทีระหว่างประเทศ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการลงทุนจากยุโรปและเสถียรภาพในอาเซียน
📉 วิเคราะห์ผลกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET และ mai)
📌 หากประเด็นนี้นำไปสู่การเรียกร้องค่าชดเชย หรือเกิดกระแส “Justice-based Trade” ที่อินโดนีเซียใช้อำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อบริษัทไทยที่มีการลงทุน การนำเข้า-ส่งออก หรือพึ่งพิงวัตถุดิบจากอินโดนีเซีย
🎯 ตัวอย่างหุ้นที่อาจได้รับผลกระทบ ได้แก่:
🔸 CPF (Charoen Pokphand Foods)
🧭 ธุรกิจ: ผลิตและจำหน่ายอาหาร
⇒ หากอินโดนีเซียปรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมหรือแรงงานหลังเน้นการรื้อฟื้นความยุติธรรมในอดีต อาจกระทบต้นทุนหรือกฎระเบียบใหม่ในการผลิตหรือส่งออกสินค้าอาหารที่มีฐานในอินโดนีเซีย
🔸 PTG (PTG Energy Public Company Limited)
🧭 ธุรกิจ: ค้าปลีกน้ำมันและพลังงาน
⇒ หากภูมิภาค SEA เกิดแรงกดดันทางการเมืองเกี่ยวกับการถือครองทรัพยากร อาจกระทบต้นทุนเชื้อเพลิงที่นำเข้าผ่าน supply chain อินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่
🔸 SNNP (Srinanaporn Marketing)
🧭 ธุรกิจ: อาหารและเครื่องดื่ม
⇒ การเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายรัฐบาลอินโดนีเซียที่เกี่ยวกับการค้าข้ามพรมแดน อาจกระทบยอดขายหรือต้นทุนหากบริษัทมีการส่งสินค้าไปยังอินโดนีเซียในอนาคต
🔸 DELTA (Delta Electronics (Thailand) PCL)
🧭 ธุรกิจ: ระบบจ่ายไฟและชิ้นส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
⇒ หากรัฐบาลอินโดนีเซียเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ “ฟื้นฟูความเป็นธรรมจากยุคอาณานิคม” อาจเปิดโอกาสการเติบโตแก่บริษัทไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบพลังงานและมี supply chain ระดับภูมิภาคอย่าง DELTA
✍️ สรุปท้ายข่าว
📚 คำพูดของประธานาธิบดีปราโบโวอาจกลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของยุคใหม่แห่งความยุติธรรมระหว่างประเทศสำหรับอดีตอาณานิคมทั่วโลก และอาจขับเคลื่อนให้เกิดข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจ-การเมืองระลอกใหม่ที่แม้แต่ไทยก็อาจเลี่ยงไม่พ้นในเวทีระหว่างประเทศ
🌏 ขณะที่ภาพรวมของ SET และ mai ต้องจับตาแนวโน้มภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อาจส่งผลต่อการค้า การลงทุน และ supply chain อย่างต่อเนื่อง
📌 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#ศึกโลกเศรษฐกิจ #ColonialEconomy #Indonesia #Prabowo #DutchColonialism #GlobalSouthJustice #SETimpact #StockAtlas #WorldScope
📰 Reference: Arab News

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา