เมื่อวาน เวลา 09:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🎯กลยุทธ์ธุรกิจและแนวโน้ม
หลังจากที่เติบโตได้อย่างซบเซามาหลายปีจากความผิดพลาดด้านการดำเนินงานและการลงทุนไม่เพียงพอ ทีมบริหารของ Pepsi ดูเหมือนว่าได้ทำการปรับปรุงทิศทางธุรกิจใหม่ จนสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรได้อย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง มองว่ายังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องได้อีก จากแรงส่งในแง่ธุรกิจขนมขบเคี้ยว การขยายสู่ตลาดเกิดใหม่ (ละตินอเมริกา และเอเชีย-แปซิฟิก) และโมเดลธุรกิจแบบบูรณาการที่ช่วยให้พัฒนาสินค้าและกระจายสินค้าได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Pepsi มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับร้านค้าปลีก อาศัยพลังแบรนด์เครื่องดื่มและขนมที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับเครือข่ายกระจายสินค้าขนาดใหญ่และอำนาจต่อรอง ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่มองเห็นว่าบริษัทมี “คูเมืองทางเศรษฐกิจแบบกว้าง (Wide Economic Moat)” และเรายังไม่เห็นสิ่งใดที่จะสั่นคลอนสถานะนี้ในอนาคตอันใกล้
ในกลุ่มเครื่องดื่ม Pepsi กำลังขยายพอร์ตนอกเหนือจากน้ำอัดลม เช่น แบรนด์ใหม่ในบ้าน และการร่วมมือกับแบรนด์ภายนอกในกลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดลม (non-CSD) เพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขาย ช่วยเสริมกำลังทางการกระจายสินค้าให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งยังเป็นรอง Coca-Cola อยู่ในปัจจุบัน
ความต้องการในส่วนของขนมและเครื่องดื่มยังคงมีความยืดหยุ่นแม้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน และการควบคุมห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจรทำให้ Pepsi รับมือกับแรงกระแทกจากภายนอกได้ดีกว่าคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม Pepsi ยังมีความเสี่ยงจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ, ผู้ค้าปลีกแบบลดราคา, พฤติกรรมผู้บริโภคที่เน้นสุขภาพ, และกฎระเบียบเกี่ยวกับน้ำตาล โซเดียม ไขมัน รวมถึงการใช้พลาสติก แต่ด้วยความยืดหยุ่นของทีมบริหารและความแข็งแกร่งของแบรนด์กับเครือข่ายการผลิต-กระจายสินค้า ทำให้บริษัทมีศักยภาพรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดี
✅มุมมองเชิงบวก (Bulls Say):
• การเปลี่ยนแปลงของประชากรและไลฟ์สไตล์จะช่วยเร่งการบริโภคขนมขบเคี้ยวมากกว่าที่คาดไว้
• แม้ยอดขายน้ำอัดลมจะลดลงในประเทศพัฒนาแล้ว แต่พอร์ตเครื่องดื่มที่หลากหลายของ Pepsi ยังสร้างโอกาสเติบโตได้ในทุกภูมิภาค
• Pepsi ได้ลงทุนในระบบขายแบบหลายช่องทาง (Omnichannel) และโซ่อุปทานดิจิทัล ซึ่งทำให้พร้อมรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
❌มุมมองเชิงลบ (Bears Say):
• แนวโน้มสุขภาพอาจลดความสามารถในการขึ้นราคาสินค้า ทำให้กระทบต่อมาร์จิ้น
• การเข้าซื้อกิจการในภูมิภาคที่มีประสบการณ์น้อย เช่น แอฟริกา อาจทำให้เสียสมดุลจากกลยุทธ์ระยะยาว
• การขาดแคลนพันธมิตรด้านการผลิตขนาดใหญ่ในต่างประเทศทำให้ Pepsi ยังตามหลัง Coca-Cola อยู่มาก
💡สถานะทางการเงิน
PepsiCo มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีเงินสด 8.3 พันล้านดอลลาร์ และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ (ณ มี.ค. 2025) เทียบกับหนี้สินระยะสั้น-ยาวรวม 48 พันล้านดอลลาร์
อัตราหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 2.2 เท่า (สิ้นปี 2024) และคาดว่าจะทรงตัวหรือดีขึ้น บริษัทจึงไม่มีปัญหาในการเข้าถึงเงินทุนระยะสั้นระดับ Tier 1
ในด้านกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) เฉลี่ย 10.5% ของยอดขายใน 5 ปีที่ผ่านมา และเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 11.5 พันล้านดอลลาร์/ปี หรือ 11.5% ของยอดขายใน 5 ปีข้างหน้า
⚔️มาดูส่วนความแข็งแกร่ง (Economic Moat)
Pepsi มีคูเมืองทางเศรษฐกิจกว้าง จาก
-พลังของแบรนด์ขนมและเครื่องดื่มระดับโลก
-ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับร้านค้าปลีก
-เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดอำนาจต่อรองและต้นทุนต่ำ
ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 92 พันล้านดอลลาร์ มี ROIC (รวม goodwill) เฉลี่ย 21% เทียบกับต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (WACC) ที่ 7% ซึ่งสะท้อนผลตอบแทนที่เหนือกว่าในระยะยาว
Pepsi เป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดขนมขบเคี้ยวโลก (มูลค่า 242 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024) ด้วยส่วนแบ่ง 23% ผ่านแบรนด์ Lay’s, Cheetos, Doritos การลงทุนแบรนด์ระดับ 5.9 พันล้านดอลลาร์ (6.5% ของยอดขาย) ช่วยเสริมภาพลักษณ์ และกำลังการตั้งราคา (pricing power)
กลุ่มเครื่องดื่ม Pepsi ยังเป็นเบอร์ 2 ของโลก รองจาก Coca-Cola โดยเฉพาะในหมวด CSD และเครื่องดื่มไม่อัดลม เช่น Gatorade (ครองส่วนแบ่งกว่า 30%), และพันธมิตร Starbucks, Lipton
จุดเด่นเพิ่มเติมคือความสามารถกระจายสินค้าทั้งขนมและเครื่องดื่มร่วมกัน ทำให้เป็นพาร์ตเนอร์สำคัญของร้านค้าปลีก และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและการวางสินค้าได้เหนือคู่แข่ง
🤔ความเสี่ยงและความไม่แน่นอน
แม้ Pepsi จะเผชิญความท้าทายจากค่าเงิน เงินเฟ้อ ค่าแรง ภาษี และความตึงเครียดทางการเมืองในบางตลาด แต่ด้วยรายได้กว่า 60% จากอเมริกาเหนือ ทำให้ความเสี่ยงน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง Coca-Cola
ประเด็นด้านสุขภาพ ก็ยังเป็นความท้าทายต่อแบรนด์ในระยะยาว แม้จะมีการปรับสูตรสินค้าก็ตาม การเฝ้าระวังในสื่อสังคม และมาตรฐานด้าน ESG ยังเป็นสิ่งที่บริษัทต้องจัดการให้ดี
ส่วนความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรยังอยู่ในระดับ “จัดการได้” เนื่องจากการผลิตในประเทศปลายทางเป็นหลัก
📍การจัดสรรทุน
Pepsi จัดสรรเงินลงทุนได้อย่างดีเยี่ยม:
• หนี้สินอยู่ในระดับเหมาะสม (Net debt/EBITDA 2.2 เท่า)
• มีเงินสดและกระแสเงินสดแข็งแรง (11.5 พันล้านดอลลาร์/ปี เฉลี่ย 5 ปีข้างหน้า)
• ลงทุนหนักในแบรนด์ขนม-เครื่องดื่ม และการพัฒนาใหม่อย่างต่อเนื่อง
• มีการเข้าซื้อกิจการอย่างมีกลยุทธ์ เช่น Gatorade, Be & Cheery, Pioneer Foods
👌ในด้านส่วนผู้ถือหุ้น บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง (อัตรา payout เฉลี่ย 66% ใน 3 ปีหลัง) และเติบโตต่อเนื่องปีละ 5–9% คาดว่าใน 10 ปีข้างหน้า จะคง payout ratio ที่ระดับ 70% โดยประมาณ
- ที่มา : Morningstar
โฆษณา